HPST ตอนที่ 40: คำสาปโทษผิดสถานเดียว
HPST ตอนที่ 40: คำสาปโทษผิดสถานเดียว
หลังจากรอนได้ยินสิ่งที่อีวานพูด เขากระโดดขึ้นและจ้องมาที่เขา
“นายบอกว่าฉันตั้งใจใช้คำสาปที่ฉันไม่เคยจะได้ยินชื่อมาก่อน” รอนตะโกน
“ตลกดีนะ นายพึ่งจะใช้คำสาปกัดกร่อนที่ทรงพลังกับฉันไปหยกๆ แล้วนายกำลังบอกว่านายไม่เคยได้ยินมันมาก่อน” อีวานพูดและสะบัดไม้กายสิทธิ์แล้วชี้ไปที่รอน
“โชคร้ายหน่อยนะ ที่ฉันเห็นคาถานี้ในหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์มืดมาก่อนและคำบรรยายมันก็ตรงกับคาถาที่นายใช้กับฉันพอดี”
“อีวาน! ใจเย็นก่อน!” คนอื่นๆพูดขึ้นอย่างรวดเร็วและยืนขึ้น
“ฮ่าฮ่า นั่นมันน่าขำว่ะ” รอนกล่าวขณะโบกไม้กายสิทธิ์ของเขา “ฉันเข้าใจแล้ว มันต้องเป็นเพราะหนังสือนั่นที่ทำให้นายเห็นภาพหลอนว่าฉันโจมตีนายด้วยศาสตร์มืด”
“ฉันใจเย็นและรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
อีวานกล่าวอย่างใจเย็น “ยอมแพ้เถอะรอน ไม่งั้นฉันจะไปหาดัมเบิลดอร์……..”
“ไม่!”
“ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร ไม่รู้ล่ะ ฉันจะไปนอน”
ทุกคนเห็นรอนลดไม้กายสิทธิ์ของเขาลงและเดินไปทางห้องนอนของเขา
เขาพึ่งจะก้าวไปได้สองก้าวหลังจากนั้นจู่ๆเขาก็หยุดลง ไม้กายสิทธิ์ของเขาสั่นขึ้นเบาๆ ในทันใดนั้นห้องนั่งเล่นก็มืดมนลง
“รอน นายสบายดีไหม?” แฮรี่ถามอย่างกังวล
ไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงความเงียบงันที่น่าขนลุก
“ฉันไม่คิดว่าอีวานจะหมายความอะไร เขาแค่…..”
ก่อนที่แฮรี่จะพูดจบ รอนหันกลับมาและชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่อีวาน มันสร้างแสงสีเขียวน่าขนลุกขึ้น แต่ก่อนที่คาถาจะร่ายได้สมบูรณ์ อีวานยิงคาถาไฟออกไปโดยไม่ต้องคิดและขัดขวางคาถานั่นไว้
รอนค่อยๆล้มลงไปช้า ทำให้คนอื่นที่เหลือตกตะลึง
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงกรีดร้องของจินนี่ก็ดังลั่นทั้งห้องนั่งเล่น เธอวิ่งเข้าไปหารอนอย่างรวดเร็ว
“อีวาน นายทำอะไรลงไป?” แฮรี่พูดขึ้นขณะยังตกใจอยู่ “นายโจมตีรอน”
“เขาโจมตีฉันก่อน นายน่าจะได้เห็นแสงสีเขียวที่ไม้กายสิทธิ์นั้นเสกขึ้นมา”
“มันคืออะไร?” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างกระตือรือร้น
“ถ้าฉันจำได้ไม่ผิด มันคือคำสาปพิฆาต เขาพยายามจะฆ่าฉัน” อีวานพูดขณะนึกถึงแสงสีเขียวที่ทำให้เขานึกถึงคำสาปอะเวดาเคดาฟรา
“คำสาปโทษผิดสถานเดียว นั่นเป็นไปไม่ได้!”
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากตะลึง ขณะที่คนอื่นยังงงงวย
“เฮอร์ไมโอนี่ มันหมายความว่าอะไร? คำสาปโทษถึงตาย”
“ฉันเคยอ่านในหนังสือ ว่ามันจะมีสามคำสาปโทษถึงตาย, คำสาปพิฆาต ,คำสาปกรีดแทง ,คำสาปสะกดใจ” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย “พวกมันเป็นคำสาปที่ชั่วร้ายอย่างมาก เป็นศาสตร์มืด ถ้านายใช้ครั้งหนึ่ง นายจะได้ตั๋วเที่ยวเดียวไปอัซคาบัน”
“อัซคาบัน!?” โคลินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อีวานบอกว่ารอนพยายามจะฆ่าเขาด้วยคำสาปพิฆาต”
“ฉันไม่คิดว่านั้นจะเป็นรอน บางอย่างต้องกำลังควบคุมเขา”
นับตั้งแต่ถูกรอนโจมตีในห้องโถงใหญ่ด้วยคาถากัดกร่อน อีวานรู้ว่านี่ไม่ใช่คาถาที่นักเรียนปีที่สองสามารถเชี่ยวชาญได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีไม้กายสิทธิ์ที่หักอยู่
บังเอิญไปหรือเปล่า?
แต่ถึงแม้คาถามันจะกลายพันธุ์ มันก็ควรจะมีลิมิตบ้าง
คิดถึงคาถาที่รอนใช้ในอดีต นอกจากทำให้ของบางอย่างไหม้ หรือทำให้เขาอ้วกออกมาเป็นทากเกือบสัปดาห์ เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนักหรอก
ตอนที่ประลองกับชั้น อยู่ๆเขาก็สร้างมนต์ดำที่ทรงพลังขึ้น มันน่าสงสัยเกินไป แต่ถ้าทอม ริดเดิ้ลควบคุมเขาอยู่ ถูกอย่างก็สามารถอธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อตอนเป็นนักเรียน โวลเดอมอร์ต้องได้อ่านหนังสือศาสตร์มืดมานับไม่ถ้วน
นี่ก็อธิบายได้เช่นกันว่าทำไมจินนี่ถึงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับไดอารี่
อีวานถอนหายใจ, ถ้าทุกอย่างไปได้ด้วยดี เรื่องห้องแห่งความลับจะสงบลงในไม่ช้า
มันจะไม่มีการจู่โจมอีกและ ริดเดิ้ลไม่สามารถควบคุมรอนต่อหน้าดัมเบิลดอร์ได้ เมื่อเขาตื่นขึ้น เขาจะรู้ทันทีว่าไดอารี่ซ่อนอยู่ที่ไหน ต้นแมนเดรกใกล้จะโตเต็มวัยแล้ว สเนปจะใช้พวกมันในการทำยาแก้พิษ
“แต่ฉันไม่เข้าใจว่าใครถึงต้องการควบคุมรอน?” แฮรี่พูดขึ้นอย่างสงสัย “และเขามีความสัมพันธ์ยังไงเกี่ยวกับห้องแห่งความลับ?”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา คำถามก็คือตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ประตูด้วยความกังวล อีวานกำลังถือไม้กายสิทธิ์ของเขา รอนที่กำลังนอนอยู่บนพื้นเหมือนกับคนตาย และจินนี่ที่ร้องไห้อยู่ข้างๆรอน ถ้าใครบางคนมาเห็น จะอธิบายสิ่งที่เกิดให้พวกเขาฟังยังไง?
“พวกเราไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลหรือดัมเบิลดอร์เถอะ พวกเราจะรู้เองว่าควรทำอะไรต่อ”
****************************************************************
ในห้องพยาบาล ดัมเบิลดอร์ยืนอยู่ข้างหน้าเตียงของรอนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดผิดปกติ
ด้านข้างของเขาคือศาสตราจารย์มักกอนนากัล และสเนปที่โน้มตัวไปตรวจร่างกายรอนอย่างระมัดระวัง
“อัลบัส, วีสลีย์ ,นี่มัน………..” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวอย่างเป็นกังวล
“คำสาปที่ทรงพลังถูกร่ายมาจากวิญญาณของเขา, เด็กน้อยที่น่าสงสาร, เขาคงจะไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรไป” ดัมเบิลดอร์พูดขณะที่จ้องมองรอนที่แน่นิ่ง
“เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือสาเหตุว่าทำไมวีสลีย์ที่ปกติในหัวไม่มีอะไรจู่ๆก็สามารถร่ายคาถากัดกร่อนที่แข็งแกร่งแบบนั้นได้” สเนปพูดขึ้นขณะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าน่ารังเกียจ “แต่โชคดีที่เขาไม่ได้ถูกสาปนานเกินไปจนเป็นไอ่โง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร”
สเนปหยิบขวดยาออกมาจากอกของเขาและเทมันลงไปที่ลำคอของรอน
ในเวลาเดียวกัน รอนตื่นขึ้น เขาจ้องมาที่คนอื่นๆโดยท่าทางงุนงง
“ฉันอยู่ที่ไหน?”
หลังจากที่เขาสังเกตเห็นเหล่าศาสตราจารย์ยืนอยู่ข้างเขา เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “สบายดีไหมครับ ศาสตราจารย์…………….”
“ขอบคุณพระเจ้า เธอตื่นเสียที วีสลีย์!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “เธอตกอยู่ภายใต้คำสาปสะกดใจ”
“คำสาปสะกดใจ?”
“ใช่ มันเป็นมนต์ดำที่ชั่วร้ายมาก คนที่ตกอยู่คำสาปนี้จะสูญเสียเจตจำนงของเขา มันยอมให้ใครก็ได้ควบคุมความคิดของคนอื่น”
“แต่ผมจำอะไรไม่ได้สักนิด, ผมทำอะไรไป?” รอนถามพร้อมกับส่ายหัวของเขา
“เธอใช้คำสาปกรัดกร่อนใส่เมสัน และหลังจากนั้นนายพยายามฆ่าเขาด้วยคำสาปพิฆาต” สเนปพูดอย่างเย้ยหยัน “แต่เห็นได้ชัดว่าเธอทำมันไม่สำเร็จ ด้วยพลังเวทย์มนต์อันน้อยนิดของเธอ ถึงมันจะโจมตีโดนเขา ฉันก็สงสัยว่ามันคงทำได้แค่ทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาแค่นิดหน่อย”
“แต่ผม…….”
“คุณวีสลีย์ มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ขนาดพ่อมดที่แข็งแกร่งยังอ่อนไหวต่อคำสาปสะกดใจ”
ดัมเบิลดอร์พูดด้วยสีหน้าที่ดูผึ่งผายขณะที่มองไปที่อีวานและถามอย่างสุภาพ “แต่ฉันต้องถามเธอหน่อย เธอมีอะไรที่อยากบอกกับฉันบ้างไหม?”
“ไม่ครับ ไม่!” รอนพูดขณะที่หน้าซีด เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรและลังเลอยู่นานก่อนที่เขาจะตอบเบาๆ “ผมจำอะไรไม่ได้เลย ศาสตราจารย์!”