DH บทที่ 9 - เขาเป็นสัตว์ประหลาดชนิดไหนกัน
DH บทที่ 9 - เขาเป็นสัตว์ประหลาดชนิดไหนกัน
คิ้วของติงโฮวกระตุกด้วยความโกรธ เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรงจากที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
เสียงสีแดงนั่นคือสิ่งที่เขาเรียกกันว่า ‘ปราณมืด’ หรือเปล่านะ
“จากความทรงจำ ศิลปะการต่อสู้ของมนุษย์ในโลกนี้ทำให้สามารถควบคุมพลังเหนือธรรมชาติอย่าง ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เรียกกันว่า ‘ปราณมืด’ นี้ได้ และสามารถใช้พลังนี้ในการช่วยเปิดจุดเส้นพลังทั้ง 12 และจุดสำคัญทั้ง 108 จุดบนร่าง…
“แสงสีแดงที่ออกจากร่างเขาเมื่อกี้นี้ก็คงเป็นการปรากฏของปราณมืดสินะ พลังของซงเจียนหนานนั่นอยู่ในระดับทั่ว ๆ ไปเท่าคนอื่น เขาคงไม่สามารถต่อกรกับศิษย์ผู้ฝึกยุทธสกัดจุดที่เก่งที่สุดได้ด้วยซ้ำ งั้นข้าคงไม่ต้องกังวลมากนัก”
ติงโฮวคิดอย่างรวดเร็วแล้วรับรู้ถึงความแข็งแกร่งและพลังของแต่ละคนทันที
“ไอ้สวะ วันนี้แกไม่รอดแน่” ซงเจียนหนานพูดขึ้น นัยน์ตาของเขาส่องประกายที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะฆ่าติงโฮว
เขามาที่นี่อย่างจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้คาดว่าเหตุการณ์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นในบริเวณที่พักอาศัยแห่งนี้ ซงเจียนหนานเห็นชัดว่าติงโฮวไม่ได้เป็นผู้ที่ฝึกฝนการควบคุมพลังความมืดและไม่มีวี่แววที่จะทำเช่นนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่เขาคนนี้กลับทำให้ร่างเขากระเด็นไปไกลได้ด้วยหมัดชกเพียงครั้งเดียว มันทำให้เขาเสียหน้าเป็นอย่างมาก
เรื่องแบบนี้มันให้อภัยกันไม่ได้!
“ไอ้เศษสวะ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ซึ้งว่าการตายด้วยพลังของดาบที่แท้จริงมันเป็นยังไง” ซงเจียนหนานหัวเราะอย่างมุ่งร้าย
ทันทีที่พูดจบ เขาชักดาบเล่มยาวออกมาและกวัดแกว่งอย่างมีชั้นเชิงเพื่อซักซ้อมกระบวนท่าแรกที่จะใช้
และทันใดนั้นเอง รังสีรอบตัวซงเจียนหนานก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาค่อย ๆ ปล่อยรังสีที่น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกออกมา มันดูราวกับว่าสามารถทำให้คนคนหนึ่งเสียสติได้เลยทีเดียว
“หืม ชักจะน่าสนใจซะแล้วสิ” ติงโฮวขมวดคิ้วแล้วยิ้มออกมา
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา เด็กชายยื่นมือไปคว้าดาบเปื้อนสนิมออกมาและล้อเลียนท่าทางของซงเจียนหนานไปด้วย ติงโฮวใช้ดาบของเขาในการประกอบท่าทางที่เหมือนกับซงเจียนหนานไม่มีผิดเพี้ยน
และเช่นเดียวกัน รังสีที่น่ากลัวนั้นเปล่งออกมาจากร่างของติงโฮวด้วย
ติงโฮวเพียงแค่จะล้อเลียนท่าทางของซงเจียนหนานเท่านั้น แต่ท่าทางพวกนั้น ทั้งการเคลื่อนไหว การกวัดแกว่งดาบ มันทำให้รังสีของติงโฮวส่องประกายมากกว่าซงเจียนหนานราวกับว่าเขาผ่านการฝึกซ้อมมานับพันครั้ง ในตอนนี้นั้นติงโฮวสามารถทำท่าทางพวกนั้นตามซงเจียนหนานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“เจ้าโง่ แกคิดว่าจะใช้ทักษะดาบพวกนั้นได้แค่เพราะทำท่าตามข้างั้นรึ ฝันไปเถอะไอ้สวะ เวลาของแกมาถึงแล้ว!”
“วูบ!”
ดาวเล่มยาวของซงเจียนหนานสั่นสะท้านและส่องแสงเยือกเย็นไปทั่วบริเวณเมื่อเขาเริ่มกระบวนท่าแรก
กระบวนท่าชุดนี้มีชื่อเรียกกันว่า “ท่าดาบผกผัน”
หลังจากที่ซงเจียนหนานกวัดแกว่งดาบก็เกิดเสียงลมหวยโหนดังขึ้นพร้อมกับสายฝนกระหน่ำ และความเร็วของดาบนั้นว่องไวราวกับสายฟ้า เป็นที่กล่าวขานกันว่า กระบวนท่านี้เคยถูกใช้ในการประลองครั้งใหญ่ คนที่โดนโจมตีนั้นแหลกสลายไปราวกับใบไม้ร่วงโดยถูกหั่นออกเป็นสิบชิ้นเท่า ๆ กันอย่างประณีตในเสี้ยววินาทีเท่านั้น
“มาเลย” ติงโฮวพูดขึ้น ตาของเขาส่องประกายเป็นพิเศษ
ดาบเปื้อนสนิมในมือของเขาสั่นขึ้นเช่นกัน มันเคลื่อนออกไปในทันที เหมือนกันกับดาบของซงเจียนหนานอีกตามเคย
“เคร้ง! เคร้ง!เคร้ง!”
ประกายไฟเกิดขึ้นทั่วไปหมดเมื่อดาบเล่มยาวและดาบเปื้อนสนิมของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง
ทุกท่วงท่าที่ซงเจียนหนานเคลื่อนไหว ติงโฮวจะคอยสังเกตและทำตามเขาทันที
พวกเขาทั้งสองอยู่ระหว่างการต่อสู้ที่ดูแสนจะประหลาด มองดูเหมือนกับว่าหนึ่งในนั้นกำลังฝึกซ้อมกระบวนท่าอยู่หน้ากระจก ทั้งสองร่างที่อยู่ซ้ายขวานั้นต่างก็ใช้กระบวนท่าแบบเดียวกัน
ตั้งแต่ที่ติงโฮวได้พบกับถ้ำปริศนาแห่งนั้น เขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ดาบซงเจียนหนานที่เต็มไปด้วยพลังมืด ติงโฮวยังตั้งรับได้ด้วยการใช้เพียงดาบเปื้อนสนิมเล่มนั้น
ในชั่วพริบตาถัดมา เกิดลมพัดไปมามากมายระหว่างทั้งคู่
ในลานที่ล้อมด้วยรั้วเล็ก ๆ แห่งนี้ มีดาบพลังลมปราณพุ่งสลับไปมาอย่างรวดเร็ว เกิดเสียงดังจากการกระทบดันของโลหะดังก้องและเกิดประกายแสงสว่างไปทั่วบริเวณ
หลายนาทีต่อมา สีหน้าของซงเจียนหนานเริ่มเปลี่ยนไป
“เป็นไปไม่ได้! เกิดอะไรขึ้น ทำไมไอ้สวะนี่ถึงใช้ ‘ดาบผกผัน’ ของข้าได้ ผู้ที่มีรายชื่อเป็นศิษย์สำนักพินิจดาบเท่านั้นที่จะได้เรียนรู้ทักษะนี้ แล้วไอ้เจ้านี่ มันไม่ใช่ระดับล่าง ๆ หรอกหรือไง ทำไมทักษะของมันดูชำนาญและมั่นใจอย่างนั้น ทักษะนั่น...มันเหนือกว่าข้าซะอีกรึนี่”
ซงเจียนหนานทำหน้าราวกับว่าได้กลืนหนูลงไป เขารู้สึกอัศจรรย์ใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นทักษะและความชำนาญของติงโฮวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าซงเจียนหนานและติงโฮวมีความสามารถเท่ากันในรอบแรกของการต่อสู้แล้ว ในรอบถัดไปที่ใช้กระบวนท่า ติงโฮวจะชำนาญและมีทักษะมากกว่าซงเจียนหนานถึงสองเท่าจนสามารถควบคุมดาบในการต่อสู้ได้มากขึ้น ส่วนดาบของเขาเองก็จะแกร่งและเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่ซงเจียนหนานไม่สามารถมองตามได้ทัน
ในที่สุด –
เคร้ง!
เสียงกระทบของโลหะดังอย่างชัดเจนอีกครั้ง
มือของซงเจียนหนานสั่นอย่างบ้าคลั่งและแขนของเขาชาจนไม่สามารถถือดาบไว้ได้อีกต่อไป
ปัง! ปัง! ปัง!
ติงโฮวยังไม่หยุดโจมตี เขาฟาดดาบอีกครั้งด้วยหลังมือ
ยังไม่ทันที่ซงเจียนหนานจะได้ตอบโต้ คมของดาบเปื้อนสนิมก็ได้เฉือนใบหน้าเขาไปแล้วถึงสามครั้งด้วยความไวปานสายฟ้า
“อุ้ก…”
ซงเจียนหนานผู้อยู่ในรายชื่อศิษย์สำนักพินิจดาบโดนแรงปะทะจนเลือดออกปากและกระเด็นไปไกล
จาวซิงเฉิงและคนอื่น ๆ ที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ที่น่าตกใจนั้นต่างก็ขนลุกซู่ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
“หึ เจ้ากล้าดียังไง...”
ซงเจียนหนานร่วงลงบนพื้นอย่างแรง สภาพดูกระเซอะกระเซิงไปหมด ใบหน้าของเขาแดงขึ้นมาและซงเจียนหนานสำลักเลือดในปากอีกครั้ง ความอับอายที่เขาได้รับนั้นได้เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นไปแล้วเรียบร้อย ซงเจียนหนานกำลังจะยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อสั่งสอนติงโฮว ทว่า...เมื่อเขาเห็นติงโฮวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วพร้อมใช้ดาบฟันใบไม้ที่ขวางทางออกจนพวกมันลอยกระจายไปทั่ว ทำให้ซงเจียนหนานตะลึงจนไม่สามารถขยับปากได้
ติงโฮวไม่หยุดเพียงเท่านั้น
เขาจมอยู่ในโลกของการใช้ดาบนี้เรียบร้อยแล้ว และดาบของติงโฮวก็กำลังพัฒนาพลังของมันเองอย่างต่อเนื่อง
ในไม่ช้า เขาก็ได้เข้าสู่สภาวะที่เรียกกันว่าวิถีแห่งดาบ
เกิดความเปลี่ยนแปลงกับดาบเปื้อนสนิมในมือของเด็กชายตลอดเวลา มันดูเหมือนดวงไฟสีแดงที่วิ่งวนไปไปรอบ ๆ ร่างกายของติงโฮวและส่องแสงกระพริบไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น เสียงลมโหยหวนจากดาบเล่มนั้นดังก้องและแหวกอากาศออกเมื่อมันเคลื่อนผ่าน ช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึง
นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ที่ติงโฮวใช้กระบวนท่า ‘ดาบผกผัน’
แต่เพียงแค่นี้ ดาบของเขาก็เปล่งแสงถึงขั้นที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้แล้ว มันดูเหมือนมีหมอกสีแดงห่อหุ้มร่างของติงโฮวไว้ จนในที่สุด เสียงหวีดหวิวของดาบที่เคลื่อนที่ผ่านอากาศนั้นหายไป เหลือเพียงแสงจาง ๆ ทิ้งไว้เป็นร่องรอย
มันคือจุดสูงสุดของกระบวนท่า ‘ดาบผกผัน’ – ตัดใบไม้ออกเป็น 10 ส่วนได้โดยที่หยดน้ำยังไม่สัมผัสชิ้นส่วนใดเลย
ซงเจียนหนานในตอนนี้หัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้วเมื่อได้เห้นภาพเมื่อครู่ สภาพเขาตอนนี้เหมือนกับคนกำลังเห็นผีไม่มีผิด เขาเฝ้าฝันถึงจุดสูงสุดของกระบวนท่านี้มาตลอด
ตั้งแต่ได้เข้าสำนักพินิจดาบมา ซงเจียนหนานฝึกหนักมากว่าหนึ่งปีและปราณมืดของเขาก็ไม่ได้พัฒนาไปมากนัก แต่ทักษะการใช้กระบวนท่าดาบของเขานั้นอยู่ในระดับที่เป็นที่ยอมรับแล้ว เขาจึงตั้งใจที่ใช้กระบวนท่านี้ในการได้มาซึ่งชื่อเสียงในสำนักและเอาคำ ‘ผู้ฝึกฝน’ ออกไปจากสถานะของตนในการประเมินปีถัดไปให้ได้เพื่อให้ได้เป็นที่รู้จักในนามศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่ง
แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มท่าทางเหมือนยาจกคนนี้จะครอบครองทักษะของกระบวนท่าขั้นสูงสุดได้จากการทำท่าทางเลียนแบบซงเจียนหนานเพียงสามครั้งเท่านั้น เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไรกัน
มันทำให้ซงเจียนหนานรู้สึกโกรธและเกลียดติงโฮวเข้าไส้
ฟึ่บ ฟึ่บ!
แสงสีแดงจากดาบหายไปในพริบตา ติงโฮวเก็บดาบเข้าฝักและยืนตรงอย่างสง่างาม
ลำแสงสีขาวพวยพุ่งจากร่างของเขา แม้เสื้อผ้าของติงโฮวจะขาดวิ่น แต่เขากลับเปล่งประกายแสงสว่างจ้าที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า