DH บทที่ 8 - ซงเจียนหนาน
DH บทที่ 8 - ซงเจียนหนาน
ติงโฮวเปิดประตูแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไป
และในตอนนั้นเอง—
พรึ่บ!
พรึ่บ!
สองเงาดำในความมืดรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วที่บริเวณหลังประตูไม้พร้อมกับเกิดลงกรรโชกขึ้น มันพุ่งอย่างน่ากลัวเข้าที่ด้านหลังศีรษะของติงโฮว
ในมือพวกมันคือท่อนไม้ยาวสีดำ
ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของท่อนไม้พวกนั้นปรากฏเด็กหนุ่มสองกำลังหัวเราะเยาะเย้ย
สองคนนั้นคือลูกสมุนของจาวซิงเฉิงเมื่อคืนนี้!
ท่อนไม้ทั้งสองนั้นแข็งราวกับแท่งเหล็ก พวกมันกวักแกว่งอยู่หลังศีรษะของติงโฮวด้วยพลังที่สามารถจบชีวิตเขาได้ในทันที
ทันใดนั้นติงโฮวก็สังเกตเห็นจาวซิงเฉิงที่ประตูกระท่อมฝั่งตรงข้าม เขากำลังมองติงโฮวอย่างมั่นใจด้วยสีหน้าที่เต็มไปเจตนามุ่งร้าย
แล้วติงโฮวก็ยิ้มออกมา
เห็นดังนั้น จาวซิงเฉิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความงุนงงและประหลาดใจ เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
จาวซิงเฉิงกำลังมองดูการซุ่มโจมตีที่เขาตั้งใจวางแผนกำลังล้มเหลวลงไปต่อหน้าต่อตา จาวซิงเฉิงไม่ได้คาดการณ์ว่าติงโฮวจะรับมือได้แบบนี้ ลูกสมุนสองคนคนของเขาที่เข้าโจมตีนั้นถูกติงโฮวโต้ตอบด้วยการปล่อยหมัดเข้าที่หน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
“อ๊าก…”
“อ็อก…”
เสียงร้องของทั้งสองดังขึ้น
เลือดและฟันขาว ๆ กระเด็นออกจากปากของทั่งคู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันก่อนหน้านี้ได้บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเสียแล้ว จากนั้นร่างของทั้งสองที่อ่อนปวกเปียกเป็นตุ๊กตาก็ลอยถอยหลังไปไกลนับสิบเมตรแล้วชนเข้ากับรั้วอย่างแรง ติงโฮวเป่าเลือดบนกำปั้นแล้วตรงไปที่กลางลาน
ลูกสมุนคนอื่น ๆ ของจาวซิงเฉิงที่แอบอยู่ตามจุดลับตาในลานนั้นต่างก็ตะลึงจนตัวแข็งทื่อไปตาม ๆ กัน
ส่วนหัวโจกจาวซิงเฉิงนั้นเกิดขี้ขลาดขึ้นมาราวกับว่าเห็นติงโฮวเป็นยักษ์โบราณที่น่ากลัว เขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจจนเกือบล้มลงที่พื้น ตอนนี้จาวซิงเฉิงกลัวจนหัวหด เขากลับหลังหันแล้วเปิดประตูเข้าไปในกระท่อมมุงจากหลังนั้น
“รุ่นพี่ซง มันมาแล้ว รุ่นพี่ซง...” จาวซิงเฉิงร้องเสียงหลงด้วยความกลัว
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้าไปในกระท่อมหลังนั้น มันสาดแสงลงบนเด็กหนุ่มในชุดสีน้ำเงินผู้มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม เขาหลับตาและนั่งไขว่ห้างอย่างสุขุมอยู่ในกระท่อมหลังนั้น บนเข่าทั้งสองนั้นมีดาบโลหะเล่มยาวในปลอกที่ดูประณีตวางอยู่
“รีบไปไหนกัน” เด็กหนุ่มหน้าเหลี่ยมถามขึ้นขณะค่อย ๆ ลืมตามอง
“รุ่นพี่ซง มัน...มัน...ติงโฮวมันมาแล้ว...มัน” จาวซิงเฉิงพูดจาไม่ประติดประต่อ เข้าลิ้นแข็งไปหมดหลังจากได้เห็นหมัดของติงโฮว
ส่วนติงโฮวนั้น ตอนนี้ได้มายืนอยู่ที่หน้ากระท่อมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
แสงอาทิตย์สีทองส่องประกายที่ด้านหลังของติงโฮวจนแทบมองใบหน้าของติงโฮวไม่ออก เงาจากแสงอาทิตย์นั้นทำให้หน้าของเขาดูเหมือนกำลังโกรธแค้นอะไรบางอย่าง
“เจ้าคือไอ้เด็กจองหองที่จาวซิงเฉิงพูดถึงงั้นเหรอ” ซงเจียนหนานลุกขึ้นช้า ๆ พร้อมถือดาบไว้ในมือ
เขายืนอยู่บนเสื้อคลุมสีแดงที่ควรแขวนอยู่บนผนัง มันเป็นของสิ่งเดียวที่ติงโฮวเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงน้องสาว ทว่าตอนนี้ ชายผู้ไม่ได้รับเชิญกลับเหยียบเสื้อตัวนั้นราวกับว่ามันเป็นพรมเช็ดเท้า
ติงโฮวมองเสื้อคลุมตาเขม็ง
“นี่เจ้าหนุ่ม รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ข้าชื่อซงเจียนหนาน เป็นศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักพินิจดาบ และจาวซิงเฉิงน่ะเป็นเพื่อนข้า ถ้าเจ้ามาแตะต้องเขา นั่นก็แปลว่าเจ้าแตะต้องข้าด้วย แต่ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าทักษะของเจ้าก็ใช่ย่อย เพราะฉะนั้นถึงเจ้าจะโอหังและทำร้ายคนของข้า แต่ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับข้า ข้าก็จะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป…”
ซงเจียนหนานดูเหมือนนกยูงจ่าฝูง เขามองติงโฮวด้วยหางตาขณะพูด
“ไปตายซะเถอะ!” ติงโฮวพูดด้วยความโมโห
“เจ้าว่าไงนะ” ซงเจียนหนานอึ้งจนลืมใจความที่ติงโฮวพูด
“ข้าบอกว่า ไอ้งั่งรกโลกอย่างเจ้าน่ะ ไปตายซะ!” ติงโฮวกัดฟันกรอด
สิ้นคำ ติงโฮวก็ปล่อยหมัดออกไปทันที
หมัดนั้นเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งจากถ้ำแห่งนั้นที่ติงโฮวได้รับมา มันว่องไวราวกับสายฟ้าและส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่ว ทำให้อากาศบริเวณนั้นปะทุออกและเกิดฟ้าลั่นขึ้น
ซงเจียนหนานรู้สึกมึน ลมวูบหนึ่งพัดผ่านเขาอย่างแรง เขาตั้งรับไม่ทันแต่ก็กวัดแกว่งดาบเล่มยาวของเขาตรงหน้าเพื่อต่อสู้กับดาบของติงโฮวที่มีแรงมหาศาลขนาดทำลายภูเขาได้
เคร้ง!
ดาบเล่มยาวสั่นสะท้านและส่งเสียงดังขึ้น
ใบหน้าของจงเซียนหนานเปลี่ยนเป็นสีแดง ด้วยการโจมตีของติงโฮว จงเซียนหนานตัวปลิวถอยหลังออกไปในชั่ววินาที
ร่างของเขาชนเข้ากับผนังของกระท่อม ไม้และหินมากมายกระทบกันทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วรวมถึงชิ้นส่วนของกระท่อม ผนังของมันถูกชกอีกครั้งจนเป็นรูรูปกำปั้น แล้วร่างของซงเจียนหนานก็ลอยออกไป
“คลั่ก…”
เหตุการณ์นี้ทำให้จาวซิงเฉิงที่ดูอยู่ใกล้ ๆ ต้องขนลุกซู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ฟันของเขากระทบกันเพราะตัวที่สั่นเทิ้มจากความกลัวต่อสิ่งไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เพียะ!
ติงโฮวฟาดมือเข้าที่จางซิงเฉิงโดยไม่หันหน้ากลับมา
จางซิงเฉิงกระเด็นออกมาจากประตูเหมือนตุ๊กตา ใบหน้าของเขาบวมแดงขึ้นดูเหมือนลูกพีชไม่มีผิด ฟันซีกขวาของเขาร่วงเป็นแถบและมีเลือดกระเด็นออกจากปากมากมาย
ติงโฮวผู้เดือดดาลค่อย ๆ ก้มตัวลงหยิบเสื้อคลุมสีแดงตัวนั้นขึ้นมาแล้วปัดรอยเท้าและฝุ่นออกไป
“ไอ้สารเลว ออกมา ออกมานี่สิวะ แกต้องตาย!”
ซงเจียนหนานส่งเสียงคำรามดังมาจากลานหน้าบ้านด้วยความเจ็บปวด ศิษย์สำนักพินิจดาบผู้โอหังราวกับนกยูงนั้น ในตอนนี้กำลังทึ่งในการโจมตีด้วยกำหมัดของติงโฮว
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธที่เปิดได้หนึ่งจุดชีพจรแล้ว ดังนั้นซงเจียนหนานจึงสามารถต่อกรกับแรงปะทะได้มากถึง 200 กิโลกรัมและเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไป แต่ทว่ากลับต้องปลิวไปไกลด้วยการโจมตีของติงโฮวเพียงครั้งเดียว ตอนนี้เขาไม่กล้าต่อสู้กับติงโฮวอีกแล้ว ได้แต่ยืนอยู่ในลานและส่งเสียงยุยงเท่านั้น
ติงโฮวลงมือพับเสื้อคลุมสีแดงนั้นอย่างระมัดระวังแล้วนำมันไปวางไว้บนเตียง ก่อนที่เด็กชายจะกลับหลังหันแล้วเดินออกจากกระท่อมไป
ซงเจียนหนานยังยืนอยู่ในลานสีเขียว บนใบหน้าของเขาดูว้าวุ่นและไม่มีความสุขุมปรากฏอยู่อีกต่อไป มันบิดเบี้ยวด้วยความฉุนเฉียวและเกรี้ยวโกรธสุดบรรยายจากการที่เขาต้องอับอายในเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
ตามร่างกายของเขามีเศษหลังคากระท่อมติดไปทั่วและผมของเขายุ่งเหยิงไปหมด แต่ซงเจียนหนานก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ซงเจียนหนานชักดาบของเขาออกมา แสงขาวที่ส่องออกมาจากดามเล่มยาวนั้นสว่างแทงตา มันเป็นดาบที่ทำขั้นอย่างประณีตด้วยวัสดุชั้นดี
แสงจาง ๆ สีแดงส่องออกมาจากร่างของซงเจียนหนาน ร่างของเขาจางหายและปรากฏขึ้นมาสลับกันไป