บทที่ 80 : คนขี้ประจบก็ดูสถานะเหมือนกัน
“อะไรนะ!!!” เทย์เลอร์เสียงดัง เขาตกตะลึง
องครักษ์ที่เพิ่งส่งข่าวให้เขาได้หายไปแล้ว เขากลับไปจัดระเบียบเอลฟ์ที่กำลังจะย้ายบ้าน
เทย์เลอร์ตกใจมากเมื่อได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ดูแลที่ชื่ออาเธอร์เพิ่งบอกเขาว่าทั้งเมืองบลูมูนกำลังจะย้ายไปยังเมืองรุ่งอรุณ เจ้าหญิงแอนนี่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในชีวิตของเธอ เพราะเธอไม่สบายเมื่ออาศัยอยู่ในเมืองบลูมูน!
เอลฟ์มูนไลท์ทุกตนก็จะไปเช่นกัน ทั้งองครักษ์ชายหญิงใช้ชีวิตในที่แห่งนี้เป็นเวลานาน แต่ชีวิตใหม่จะต้องเกิดขึ้น และองครักษ์เหล่านี้ก็ใกล้ชิดกับเจ้าหญิงมากที่สุด พวกเขาจึงต้องติดตามเธอไป
ส่วนเอลฟ์แบล็คลีฟตนอื่นๆนั้น พวกเขาสามารถติดตามมาได้หากพวกเขาต้องการ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไร แอนนี่ไม่ได้บังคับใคร
แต่…
เธอแค่ทำตัวเป็นลอร์ดของเมืองบลูมูนเพียงชั่วคราว
ช่างมันเถอะ เหล่าเอลฟ์ต่างชื่นชอบเจ้าหญิงแอนนี่เป็นอย่างมาก
อาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่มาพร้อมกับเฝ้าดูเจ้าหญิงต่างถิ่นองค์เติบโตนี้…
เธอทั้งน่ารัก ใจดี บริสุทธิ์ หยิ่งทนง แต่ก็มีชีวิตชีวาและนำความสุขไปทุกๆที่
กล่าวโดยย่อก็คือเธอคือเจ้าหญิงที่ไร้ที่ติองค์หนึ่งที่เป็นที่รักของคนทั้งหลาย
ดังนั้น เมื่อเอลฟ์แบล็คลีฟได้ยินข่าวว่าเธอจะย้ายออกไป พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปกับเธอ
สุดท้ายแล้ว
พวกเขาก็ไม่ได้ออกจากป่าแบล็คลีฟ และพวกเขายังคงเป็นเอลฟ์แบล็คลีฟ
แล้วเมืองแห่งรุ่งอรุณล่ะ?
หลังจากที่ทั้งสองเมืองเริ่มมีความสัมพันธ์ทางการค้า บางคนพบว่าท่านลอร์ดวิลเลียมเป็นเจ้าชายในราชวงศ์เอลฟ์
แต่สายเลือดจะช่วยให้คุณปักหลักได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น
มีเพียงราชวงศ์เอลฟ์เท่านั้นที่มองว่าสายเลือดมีความสำคัญมาก
พวกเอลฟ์ทั่วไปก็รู้สึกว่าสายเลือดนั้นสำคัญ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ไม่ได้มองว่ามันมีความสำคัญเท่ากันพวกเขาหลายคนปรารถนาที่จะเป็นมนุษย์
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิลเลียมก็ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงอะไรนี่?
แล้วจะเป็นไรไปหากพวกเขาจะไปอยู่ที่นั่น?
สำหรับเอลฟ์แล้ว การย้ายที่อยู่ควรเป็นเรื่องปกติใช่ไหม?
มีเอลฟ์หลายตนที่พอใจกับการอาศัยอยู่ในเมืองบลูมูน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่สร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ก็มีเอลฟ์ที่ย้ายที่อาศัยบ่อยครั้ง พวกเขาไม่สามารถอาศัยอยู่ในที่เดียวเป็นเวลา 100 ปีได้…
“เป็นไปไม่ได้! ไม่จริงหรอก นี่เป็นบททดสอบจากแอนนี่ใช่มั้ย?”
“ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดีครับ องค์ชาย?” องครักษ์ของเทย์เลอร์เดินไปเดินมา พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้และก็ไม่มีสิทธิ์จะทำอีกด้วย
ราชาเอลฟ์ได้มอบทั้งตำแหน่งเจ้าหญิงและอำนาจให้แก่แอนนี่ด้วยพระองค์เอง เทย์เลอร์เปรียบได้แค่เจ้าชายเท่านั้น เขาไม่มีอำนาจอันใดที่จะไปหยุดยั้งเธอได้
เธอสามารถไปได้ทุกที่ที่เธออยากจะไป…
เทย์เลอร์ยังคงคิดว่านี่เป็นบททดสอบจากแอนนี่ เขาเชื่อว่าแอนนี่ยังคงชอบเขาอยู่ เอลฟ์ล้วนมีอายุขัยยืนยาว เธออาจเป็นหนึ่งในคนที่คิดว่าระยะทางทำให้หัวใจเติบโตขึ้น!
แต่เขาโทษวิลเลียมเพราะแค้นที่แอนนี่จากไป
“ให้ตายสิ ต้องเป็นมันแน่ๆ สมควรตาย” เทย์เลอร์อดไม่ได้ที่จะด่าทอ องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆดูเหมือนว่าอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถหยุดเทย์เลอร์ได้
โชคดีที่เทย์เลอร์รู้สถานะและขีดจำกัดของตัวเองดี เขาหายใจลึกๆ และยิ้มอย่างเย็นชา "บอกคนอื่นๆ ว่าเราจะออกไปจากที่นี่ หลังจากเรากลับมา เราจะบอกท่านพ่อว่าวิลเลียมลักพาตัวเจ้าหญิงแอนนี่ไป และในฐานะเจ้าหญิงของเธอนั้นทำให้เหล่าเอลฟ์ทั้งหมดในเมืองบลูมูนอพยพไปยังเมืองแห่งรุ่งอรุณ"
“เจ้าจำได้หรือไม่?”
“ครับองค์ชาย ข้าจำได้คำต่อคำ!”
“อืม นำไปบอกองครักษ์ตนอื่นด้วย อย่าให้ผิดพลาดล่ะ”
เทย์เลอร์ที่แต่งกายด้วยชุดหรูหราและงดงามมองไปยังวิลเลียมที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาสวมชุดเกราะนั่งอยู่บนหลังม้า ทั้งลูกธนูและอาวุธสะพายอยู่บนหลังของเขา
“ดูเขาสิ ดูเหมือนเจ้าชายเอลฟ์ไหมล่ะ? เขาดูเหมือนอัศวินมากกว่าอัศวินจริงๆซะอีก สายเลือดสกปรกเช่นนั้นไม่ควรมีอยู่บนโลกด้วยซ้ำ ทำไมอลิซถึงไปตกหลุมรักมนุษย์แล้วยอมให้สืบทอดนามสกุลของราชวงศ์กัน? น่าละอายยิ่งนัก”
เทย์เลอร์อวดดีมากเกินไป
แค่นามสกุลของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะแทนทุกสิ่ง มันเป็นความภาคภูมิใจของเขา
นอกจากนี้ ทั้งมรดก ชื่อเสียง และศักดิ์ศรีของเอลฟ์แบล็คลีฟก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาภาคภูมิใจได้
เทย์เลอร์จ้องมองไปยังวิลเลียม
วิลเลียมก็หันกลับมามองเขาเช่นกัน พวกเขาไม่ได้สื่อสารกัน ไม่จำเป็น พวกเขาไม่ได้กล่าวสาบานและเริ่มต่อสู้กันอย่างไร้เหตุผล เพราะมันจะเป็นเพียงความอับอายต่อตัวตนในฐานะเอลฟ์ของพวกเขา
“การกระทำที่กล้าหาญและเกียรติภูมิในตำนานของบรรพบุรุษนั้นคุ้มค่ากับความภาคภูมิใจ”
“แต่การดำรงอยู่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะพักผ่อนได้อย่างสบายอกสบายใจได้ตลอดไป”
“การทำลายและการเกิดใหม่นั่นคือจุดสิ้นสุดของเนื้อเรื่องในทุกๆเวอร์ชันของ Gods”
“ฉันผู้ที่ฟื้นคืนชีพกำลังมีชีวิตอยู่อย่างเลวทรามต่ำช้าเพื่อที่ฉันจะได้อยู่ต่อไปในอนาคต แล้วคุณล่ะ คุณมีอะไร? คุณคิดว่าเผ่าพันธุ์เอลฟ์แบล็คลีฟนั้นปลอดภัยเพราะแค่คุณมีตัวตนเช่นนี้น่ะเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าคุณอาศัยแต่เกียรติและมรดกของบรรพบุรุษหรอกหรอ?”
“เหอะ เหอะ...” วิลเลียมทำเพียงหัวเราะและนิ่งเงียบ
เทย์เลอร์นำองครักษ์ 100 ตนจากไปอย่างหดหู่ นี่คือป่าแบล็คลีฟ อาณาเขตของเอลฟ์แบล็คลีฟ ไม่จำเป็นต้องนำองครักษ์ไปมากมายนัก
นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางที่มีสายเลือดรีเจนดารี เขาค่อนข้างแข็งแกร่งเลยที่เดียว
อย่างไรก็ตาม…
มี NPC จำนวนมากที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารีในทวีปรีเจนดารี
แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งจะตายในอนาคต พวกเขาจะถูกสังหารโดยผู้เล่นเนื่องจากเวอร์ชันของเกมยังคงดำเนินต่อไปจะมี 'รีเจนด์’ มากขึ้นเรื่อย ๆ
สายเลือดก็ยังคงเป็นแค่สายเลือด
ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีสายเลือดรีเจนดารีจะกลายเป็นรีเจนด์ หากพวกเขาไม่มีโอกาส ก็ไม่สามารถเป็นได้!
วิลเลียมที่สังหารบอสระดับรีเจนดารีมาอย่างน้อยห้าตนมีสิทธิ์ที่จะกล่าวเช่นนั้น
“นี่มัน...” ทันใดนั้นดวงตาของวิลเลียมเบิกกว้าง เขาเห็นผู้วิเศษเอลฟินวัยกลางคนกำลังร่ายเวทมนต์บนต้นไม้แสงจันทร์ขนาดใหญ่
อากาศผันผวนและคลื่นเวทย์มนตร์ก็พุ่งออกไปทุกทิศทาง
ต้นไม้แสงจันทร์ที่สูงหลายร้อยเมตรนั้นค่อยๆหดตัวลง มันถูกย่อได้ถึง 100 เมตร จากนั้นก็เหลือไม่กี่สิบเมตรและในที่สุดก็เป็นต้นไม้ขนาดเท่าต้นปาล์มเท่านั้น!
ผู้วิเศษเช็ดเหงื่อ เขาเดินไปหยิบ“บ้าน” ของพวกเขาขึ้นมา แล้ววางไว้ในกล่องเล็ก ๆ จากนั้นก็เสร็จเรียบร้อย ...
“จอมเวทย์มิติ?” วิลเลียมเอามือปิดปาก เขาค้นพบสิ่งที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว
แบนด์ วอซเนียร์
อาชีพ: ผู้วิเศษมิติ
เผ่าพันธ์ุ : เอลฟ์มูนไลท์
ศักยภาพทางสายเลือด : อีปิค
ระดับ : ???
เลเวล : ???
ค่าสถานะอื่นๆ : ???
“แบนด์คนนี้น่าสนใจนัก เขาต้องเป็นจอมเวทย์อย่างแน่นอน ด้วยขีดจำกัดของเวอร์ชันนี้ยังไปถึงระดับนั้นไม่ได้ แต่เขากำลังจะไปยังเมืองแห่งรุ่งอรุณแล้ว เขาต้องเป็นบอสของขีดจำกัดเวอร์ชันอย่างแน่นอน ใครจะไปรู้กันว่าเขาอยู่ห่างไกลจากการเป็นจอมเวทย์ผู้วิเศษแค่ไหน?”
“ไม่ มันไม่ถูกต้อง มีผู้อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าขีดจำกัดของเวอร์ชันเกินไป นี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของพวกเขา และนี่ยังเป็นพื้นที่ห่างไกลและเขตพัฒนาแห่งใหม่ เป็นไปได้รึเปล่าว่า….”
วิลเลียมเลิกคิ้ว ด้วยการคาดเดาเช่นนี้ ทำให้เขายืนยันได้ว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องตื่นตระหนก
แอนนี่นำเอลฟ์ 45,000 ตนออกเดินทาง แต่พวกเขาทั้งหมดก็ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของเขาในทันที
พวกเขาเพียงแค่ย้ายไปอยู่อาศัยที่เมืองแห่งรุ่งอรุณเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องภักดีต่อท่านลอร์ดอย่างเขา
แน่นอนว่าคนทั่วไปจะต้องไม่ยินยอมให้กลุ่มคนขนาดใหญ่มาตั้งถิ่นฐานในอาณาเขตของพวกเขา…
แต่วิลเลียมกลับสะบัดผมยาวๆนี่ใส่ เขามั่นใจเป็นอย่างมาก!
เขาจะจับกระต่ายขาวทั้งหมดนี่ไปไว้บนลานบ้านของเขาให้ได้
สำหรับการย้ายถิ่นอย่างกะทันหันนี้ โดยธรรมชาติแล้วเมืองแห่งรุ่งอรุณ ... ไม่สามารถสนับสนุนพวกเขาได้ แต่วิลเลียมได้วางแผนมาแล้วเขาจะอนุญาตให้พวกเขาอาศัยอยู่นอกเมืองทางตอนใต้
วิลเลียมได้วางแผนไว้สำหรับห้าปี สิบปี และมีแม้กระทั่ง 100 ปีในอนาคต
เป้าหมายสุดท้ายของเขาคือการสร้างเทือกเขาตลอดแนวทิศเหนือจรดทิศใต้ให้เป็นเมืองของเขา!
เขาจะขยายเมืองแห่งรุ่งอรุณอย่างต่อเนื่อง แผนการของเขานั้นรวมถึงการเชื่อมทะเลตอนใต้กับทุ่งนาตอนเหนือ จากนั้นเขาจะสร้างอาณาเขตขนาดใหญ่
“ท่านพี่วิลเลียม!”
“ห้ะ?” วิลเลียมหันไปมององค์หญิงที่ปรากฏอยู่ด้านหลังเขาอย่างกระทันหัน
“เรื่องคริสตัลเวทมนตร์ทั้ง 999 ชิ้นนั้นพี่พูดจริงหรือเปล่า?” แอนนี่เดินข้างๆเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกระซิบข้างหู
วิลเลียมกลืนน้ำลายก่อนจะพยักหน้า
ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของเขามันไม่สำคัญว่าเขาจะให้คริสตัลเหล่านี้ไปจำนวนเท่าไหร่ เพราะพลังงานของพวกมันนั้นไม่สามารถใช้ในปริมาณมากได้ มันเป็นประโยชน์สำหรับเขาที่จะใช้พวกมันแทนเงินในขณะที่เขาไม่สามารถใช้มันเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ และเขาก็สามารถค้นหาผลึกเวทมนตร์ได้อย่างง่ายดาย
เงินที่ไม่สามารถใช้จ่ายได้นั้นไร้ค่า ถ้าเขาใช้เงินก้อนใหญ่ บางทีเขาอาจจะได้รับผลประโยชน์ที่เขาไม่เคยจินตนาการไว้ก็ได้
เห็นแก่ตัว? แล้วมันทำไมล่ะก็เขาเป็นลอร์ดนี่? มันจะดีแค่ไหนกันถ้าเขาสามารถครอบครองขุมทรัพย์ของเหล่าขุนนางในอาณาจักรมนุษย์ได้!
แน่นอนว่าเขาต้องเจ็บปวดหัวใจ
แต่แอนนี่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อเธอยิ้ม ก็ดูเหมือนว่าตาเสี้ยวพระจันทร์ของเธอจะทำให้รอยยิ้มนั้นดูหวาดหยดย้อยมากยิ่งขึ้น
เมื่อผู้ดูแลอาเธอร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็รู้สึกโศกเศร้า มือกำดาบแน่น
อัศวินกับเจ้าหญิง?
แล้วยังไง
เขาอาจจะอยู่รับใช้จนกระทั่งถึงจุดจบ จนกระทั่งไม่เหลืออะไร
แต่ทว่า
มันช่างแตกต่างจากเจ้าชายรูปงาม