บทที่ 25 อาวุธคู่กาย
บทที่ 25 อาวุธคู่กาย
เมื่อผู้บ่มเพาะเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้แล้ว จะสามารถปลุกอาวุธคู่กายขึ้นมาได้ แต่โดยส่วนมากจะปลุกได้ตอนอยู่ในระดับหลอมรวมพลังขึ้นไป ผู้ที่สามารถปลุกได้ตอนอยู่สร้างรากฐานถือได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะที่หาได้ยาก
พวกเขาเหล่านั้นมีพลังตอนสู้ที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพมากมายมหาศาล เพราะการปลุกอาวุธคู่กายไม่เพียงแค่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มันยังสามารถเพิ่มศักยภาพของคนผู้นั้นให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกได้ด้วย อาวุธคู่กายยิ่งถูกปลุกมาเร็วยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเร็ว เพราะพลังของมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามการบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะ
กุนไท่ไม่รู้ว่าตนนั้นจะปลุกได้ตอนไหน และใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ แต่เขาคิดเพียงแค่ว่าหากเขาปลุกได้แล้ว เขาจะกลับไปหาบิดาของตน เพราะบิดาได้สัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะให้รางวัลเมื่อตนสามารถทะลวงไปถึงระดับสร้างรากฐานได้ แต่ตอนนี้กุนไท่ต้องการปลุกอาวุธคู่กายด้วย เขาปรารถนาให้บิดาของตนแปลกใจมากขึ้น
กุนไท่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเทือกเขาไม้ป่าสงบ เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก ที่ตีนเขานั้นมีต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่ม มีเสียงลมพัดออกมาเป็นระยะ ดูแล้วเงียบสงบเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆจนไปเจอน้ำตกแห่งหนึ่งเข้า ตรงลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกนั้นมีสัตว์อสูรตัวหนึ่ง รูปร่างเป็นกวางแต่มีรูปร่างใหญ่กว่าปกติถึงสิบเท่า! มันมีผิวสีม่วงที่สวยงาม มันมองมาที่กุนไท่เช่นเดียวกัน แต่มองเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก่อนจะไม่สนใจ แล้วกลับไปกินน้ำที่ลำธารตามเดิม จากนั้นมันก็หมุนตัวแล้วจากไป
กุนไท่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขารู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยสมชื่อมาก มันไม่คิดทำร้ายเขา เพราะหากมันคิดจะสังหารเขาแล้วละก็ เขาทำได้เพียงแค่หนีเท่านั้น อีกฝ่ายเป็นถึงสัตว์อสูรระดับหลอมรวมพลัง!
กุนไท่คิดว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการปลุกอาวุธคู่กายเป็นอย่างมาก หลังจากถอดอาภรณ์ทั้งหมดแล้ว กุนไท่ก็ลงสู่ลำธารแต่ไปได้ไม่ไกลนัก มันถูกเรียกว่าลำธารก็จริง แต่กลับมีขนาดใหญ่ราวกับแม่น้ำ ระดับบ่มเพาะของเขายังต่ำอยู่ไม่สามารถเดินไปได้ไกลนัก
ซึมๆๆ
กุนไท่รู้สึกได้ถึงคลื่นน้ำที่ซัดสาดเข้าใส่ร่างกาย ทำให้เขารู้สึกปวดเหมือนมีคนมาทุบร่างกายของเขาตลอดเวลา ชายหนุ่มนั่งลงขัดสมาธิทำให้ร่างกายจมลงไปในน้ำ แต่เนื่องจากน้ำที่ใสมากทำให้คนภายนอกมองเห็นได้
เปลือกตาของเด็กหนุ่มพลันปิดลงก่อนจะจมลงสู่ห้วงแห่งจิต ภาพมากมายปรากฏขึ้นมันเป็นภาพตอนที่หมิงเซียนเรียกอาวุธคู่กายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้สึกว่าพลังจิตของเขาค่อยๆหายไปอย่างเชื่องช้า
ภายในห้วงแห่งจิตเริ่มปรากฏเป็นสำนึกรู้ขึ้น! การจะสร้างอาวุธคู่กายได้นั้น ต้องมีสำนึกรู้เสียก่อน ต้องรู้ว่าตนมีพลังแบบใด ต้องรู้ความสามารถของตน ต้องรู้ว่าการฝึกฝนของตนควรไปในทิศทางใดถึงจะสามารถสร้างสำนึกรู้ขึ้นมาได้!
กระบวนการทั้งหมดนี้นั้นยังคงดำเนินต่อไปถึงสิบวันเต็ม สำนึกรู้ของกุนไท่เริ่มเด่นชัดมากขึ้น พลังการบ่มเพาะก็ก้าวหน้าขึ้นตาม!
ปุ้ง!
น้ำสาดกระเซ็นออกมาพร้อมกับพลังปราณของกุนไท่พรั่งพรูขึ้น ก่อนจะเบิดออกมา พร้อมกับพุ่งขึ้นไปถึงชั้นฟ้า!
วิ้งงงงง
เสาที่สร้างจากพลังปราณสีม่วงให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ และลึกลับ สัตว์อสูรโดยรอบที่แข็งแกร่งมากมายต่างก้มหัวให้ นัยน์ตาปรากฏความเคารพ และหวาดกลัวขึ้นมา น้ำรอบตัวของกุนไท่แยกออกจากกัน เขายังคงนั่งอยู่ในลำธาร เพียงแต่กระแสน้ำรอบตัวกลับแยกออก! ส่งผลให้ภายในลำธารมีแค่พื้นที่ของเด็กหนุ่มเท่านั้นที่ไม่มีน้ำ!
ปัง!
กลิ่นอายที่กักเก็บเอาไว้ก็ระเบิดออกมาเช่นเดียวกัน กลิ่นอายพิเศษที่มีตัวตนอันสูงส่งมันเหยียดหยามสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้
กุนไท่ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ในห้วงแห่งจิตปรากฏสำนึกรู้ ในมือซ้ายของกุนไท่กำลังถือขลุ่ยสีม่วงอันหนึ่งอยู่ มันแผ่กระจายพลังที่ยากจะหยั่งถึงออกมา มีรัศมีพลังสีม่วงที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ดูลึกลับเป็นอย่างมาก เส้นผมสีน้ำเงินของชายหนุ่มนั้นแผ่ขยายไปออกไป รูปลักษณ์ตอนนี้ของเขานั้นดูราวกับเทพเจ้าที่จุติลงมายังโลกมนุษย์!
กุนไท่จับขลุ่ยขึ้นมาแล้วเริ่มเป่ามัน เสียงเพลงอันไพเราะแต่กลับโศกเศร้า และเคียดแค้นในเวลาเดียวกันดังออกมาจากทำนองของบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่
กรรร กริชชช โฮกกก!
สัตว์อสูรจำนวนมากกรีดร้องออกมาบางตัวอยู่ระดับต่ำกว่าขั้นหลอมรวมพลัง พวกมันทนไม่ได้ถึงกลับร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะตกตายไป พลังอำนาจของบทเพลงนี้นั้นกระจายไปทั่วเทือกเขาไม้ป่าสงบ
ทีแรกที่เงียบสงบมาตลอด กลับถูกทำลายลงด้วยเสียงของขลุ่ยที่ทะลุทะลวงไปถึงวิญญาณดังก้องไปทั่ว พร้อมกับเสียงของสัตว์อสูรมากมายตามกันมา แม้แต่สัตว์อสูรในระดับหลอมรวมพลังบางตัวจะรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก
เมื่อบทเพลงนี้จบลง กุนไท่ก็หยุดเป่าในทันที ก่อนจะเก็บขลุ่ยสีม่วงไว้ในห้วงแห่งจิตดั่งเดิม พลังที่แผ่ซ่านทั่วทั้งเทือกเขาหายไปอย่างฉับพลัน ขลุ่ยนี้มีชื่อว่า ขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณ! ตอนนี้ในเทือกเขามีศพของสัตว์อสูรมากมาย
เมื่อกุนไท่กลับมาเป็นปกติ เขาจึงรีบเก็บกลิ่นอายกลับไป ทำให้ดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
เขารู้สึกผิดที่ได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนมากไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากการปลุกอาวุธนั้นจะทำให้เข้าสู่สภาวะลืมตน และพลั้งเผลอใช้พลังของขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณออกมา เพราะพลังที่อัดแน่นมากเกินไปในห้วงแห่งจิต เขาเลยต้องระบายมันออกมา
แต่หากเป็นศัตรูที่คิดทำร้ายเขา เขาไม่เคยรู้สึกผิดหรือลังเลที่จะสังหารพวกมันเลยแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้วนั้นชีวิตคนเรามีค่า การจะสังหารใครเราต้องไตร่ตรองใคร่ครวญให้ดี สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตนั้นมีคุณค่าเป็นของตนเอง การฆ่าพวกมันไปนั้นอาจจะทำให้บุตรของพวกมันหิวตายได้ เนื่องจากการตายของบิดามารดาของพวกมัน มันเป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์ทางอ้อม!
กุนไท่สวมใส่อาภรณ์อย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับโรงเตี๊ยมก่อนจะออกมาจากโลกแห่งความฝันไป เขากลัวว่าการปลุกอาวุธของเขานั้นจะทำให้ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจำนวนมากเกิดความสนใจ แล้วจะมาบังคับให้เข้าร่วมนิกาย สำนัก หรือกองกำลังใดก็แล้วแต่ที่เขาไม่อยากผูกมัดด้วย
มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา ทรัพยากรธรรมดาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ มีแต่สมบัติพิเศษ หรือของล้ำค่าหายากบางส่วนเท่านั้นที่สามารถช่วยได้ อย่างเช่นลูกแก้วผสานจิตราชัน และหินจิตวิญญาณเป็นต้น
แต่ตอนนี้หินจิตวิญญาณของตนเพียงพอแล้ว มันสามารถใช้ได้จนถึงเขาทะลวงเข้าสู้ระดับหลอมรวมพลังได้เลยทีเดียว!
กุนไท่ชำระล้างร่างกายก่อนจะเปลี่ยนอาภรณ์เป็นสีดำแล้วออกจากห้องของตน พร้อมกับเดินไปที่ตำหนักของบิดาเพื่อไปหากุนจวิน!