ตอนที่ 12
ตอนที่ 12
ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
เมื่อลองมองดูจากภายนอก
เขาก็เหมือนกับชายชราทั่วไป ดูไม่มีพิษสงอะไร
“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าหนุ่มกำลังตามหาข้างั้นหรือ มีเรื่องอะไรล่ะ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวกับซูฮยอน
“ผมเป็นนักผจญภัย พอดีผมเจอหมู่บ้านแห่งนี้โดยบังเอิญ คือ...ผมอยากจะพักผ่อนสักสองสามวัน ไม่ทราบว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะอนุญาตไหมครับ”
“พ่อหนุ่มคงไม่มีเป้าหมายอย่างอื่นใช่ไหม”
“เป้าหมายอะไรครับ”
“หมู่ของพวกข้าไม่มีอะไรให้ขโมยหลอกนะ แม้แต่เศษฝุ่นข้าไม่มีให้เจ้า เพราะฉะนั้นจงกลับไปซะ”
ดูเหมือนซูฮยอนจะถูกมองเป็นโจรปล้นทรัพย์ไปซะแล้ว
เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อปล้นหมู่บ้านแห่งนี้สักหน่อย
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ เขาต้องรีบอธิบายกลับไป
“ไม่ใช่แบบนั้นครับหัวหน้าหมู่บ้าน ผมแค่อยากพักผ่อนสักสองสามวัน ส่วนค่าที่พักแลกกับอาหารได้ไหมครับ”
“จริงหรือ”
นัตน์ตาของหัวหน้าหมู่บ้านสว่างวาบ
ซูฮยอนพยักหน้าตอบกลับ “จริงครับ ผมยินดีแบ่งอาหารให้ แถมถ้ามีมอนสเตอร์รุกรานผมจะจัดการให้ด้วย”
“ไม่ หมู่บ้านของหนูไม่ต้อนรับพวกมอนสเตอร์ อีกอย่างพวกมอนสเตอร์ก็ไม่เคยมามีหมู่บ้านของหนู” เสียงเด็กน้อยกรีดร้องด้วยความกลัวดังขึ้น
ซูฮยอนหันไปมองตามเสียง เขาเห็นเด็กตัวน้อย กำลังร้องห่มร้องไห้บน-อกของมารดาอยู่
ไม่นานเสียงหัวหน้าหมู่บ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง “อืมได้ หมู่บ้านแห่งนี้พอมีบ้านว่างอยู่ เจ้าสามารถพักผ่อนที่นี่ได้ ส่วนเรื่องอาหาร..
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมแบ่งให้”
“ได้ ถ้างั้นตามข้ามา”
ดูเหมือนทัศนคติร้ายๆที่มีต่อซูฮยอนจะหายไปแล้ว
แต่มันกลับแทนที่ด้วยความตื่นเต้นแทน
ดูถ้าท่าทางหมู่บ้านแห่งนี้คงมีปัญญาหาเรื่องอาหารการกิน
ในโลกที่ใกล้ล่มสลาย หนึ่งในปัญหาที่พบเจอได้บ่อยที่สุดคือเรื่องอาหาร
โลกที่พื้นดินไม่สามารถปลูกข้าวได้
มันก็เปรียบเสมือนนรกบนดินของพวกชาวบ้านทุกคน
อาหารการกินหายากประดุจดั่งการหาประตูสู่แดนสวรรค์
เมื่อไม่มีอาหารกินเป็นเวลานานๆ
ความหิวเริ่มบดบังจิตใจ ทำให้มนุษย์หันมากินเนื้อพวกเดียวกัน
โชคยังดีที่ชาวบ้านแห่งนี้ยังไม่ถึงชั้นนั้น
แต่ก็ไม่นานเกินรอ
หมู่บ้านแห่งนี้อาจจะมีการกินเนื้อมนุษย์เกิดขึ้นก็ได้
ซูฮยอนนึกถึงคำพูดของเด็กตัวน้อยที่กรีดร้องออกมา
'มอนสเตอร์ไม่เคยผ่านมางั้นเหรอ…'
ในตอนที่ซูฮยอนกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงของหัวหน้าหมู่บ้านก็เสียงสติของเขากลับมา “ตามข้ามาเร็วๆสิ ยืนรออะไรอยู่”
“อ่า..ครับได้ครับ”ซูฮยอนตอบรับคำของหัวหน้าหมู่บ้านแล้วเดินตามหลังไป
* * *
เมื่อซูฮยอนเดินไปบ้านหลังที่ว่าง
แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นเต๊นท์โทรมๆหลังหนึ่งตั้งอยู่
มันเก่าจะซะจนไม่รู้ว่าจะทนต่อแรงลมได้ไหม
มันแย่ยิ่งกว่าบ้านของเขาในโลกแก่งความจริงซะอีก
สิ่งนี้มันจะเรียกว่าบ้านได้เหรอ
เมื่อเห็นสภาพของที่นี่ บ้านของเขาดูหรูหราขึ้นมาทันที
ซูฮยอนโยนกระเป๋าเขาไปในเต้น แล้วหยิบ ขนมปัง ถั่ว เนื้อ น้ำ แล้วอาหารอื่นๆขึ้นมา
ในกระเป๋าของซูฮยอนเขาใส่เสบียงไว้เต็มไปหมด
“อ้า”
เมื่อซูฮยอนก้าวออกมาจากเต๊นท์โทรมๆ เขาก็พบว่ามีคนมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
เธอก็คือเด็กผู้หญิงที่กรีดร้องก่อนหน้านี้
อายุของเธอประมาณ 6-7 ขวบเท่านั้น เธอมองซูฮยอนด้วยใบหน้ามอมแมม
“หนูน้อยรอพี่อยู่เหรอ”ซูฮยอนย่อตัวลงถาม
เด็กพยักหน้าตอบ แล้วมองไปที่มือของซูฮยอน
“หนูอยากกินไหม”
“อยากกินค่ะ”
ซูฮยอนหยิบขนมปังชิ้นหนึ่งให้เธอ
เมื่อหนูน้อยเอื้อมมือไปหยิบขนมปัง
เสียงที่แหบพร่าก็ดังขึ้น
“แม่หนู เธอกำลังทำอะไรไม่ทราบ” เสียงของหัวหน้าหมู่บ้านคำรามขึ้น
“ก็พี่ชายบอกว่าจะให้อาหารเป็นค่าที่พักนี่คะ เพราะงั้นหนูก็เลย..”
“ใจเย็นๆครับ เธอยังเด็กอยู่ อีกอย่างเธอก็เป็นชาวบ้านของที่นี่”
หัวหน้าหมู่บ้านจากเดิมดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูหน้ากลัวขึ้น
“ใช่เธอคือคนของหมู่บ้านนี่ แต่เจ้าหนุ่ม เธอรู้ไหมว่าในที่แห่งนี้ อาหารมันเปรียบเสมือนพรจากพระเจ้า แล้วนังหนูนี่แอบมากินคนเดียวมันใช่เรื่องไหม”
ถึงเรื่องที่หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวมันถูกก็จริง แต่ว่า…
ซูฮยอนก้มลงมองเด็กหญิงตัวเล็ก ที่กำลังร้องไห้สะอื้นอยู่ “หนูน้อยไม่ต้องร้องนะ”
ซูฮยอนลูบหัวเด็กน้อยเพื่อปลอบใจ เสียงร้องไห้ของเธอเงียบลงแต่เสียงสะอื้นของเธอยังดังอยู่
เขายืนถุงที่เต็มไปด้วยอาหารให้หัวหน้าหมู่บ้าน
“นี้ครับ อาหารแทนค่าที่พัก ที่ผมบอกจะให้ผู้อาวุโส”
“อืมขอบคุณ ขออภัยกับกิริยามารยาทเมื่อสักครู่ด้วย อาหารมันจำเป็นต่อชาวบ้านทุกคนจริงๆ”
หัวหน้าหมู่บ้านตรวจสอบอาหารที่ซูฮยอนให้มา ข้างในมันเต็มไปด้วย ข้าวสาร เนื้อ น้ำ นม ถั่ว และอื่นๆ
แววตาของหัวหน้าสว่างวูบ ตอนนี้ซูฮยอนเกลียดแววตาของหัวหน้าหมู่บ้านมากที่สุด
ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยสนใจชาวบ้านสักเท่าไหร่
“ไม่ทราบว่า ผู้อาวุโสมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอเชิญผู้อาวุโสกลับไปก่อน ผมอยากพักผ่อน”
“อะ อ่า เข้าแล้วล่ะ” หัวหน้าหมู่บ้านรีบจากไปด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้หัวหน้าหมู่บ้านจะไปแล้วแต่เสียงสะอื้นของเด็กน้องก็ยังคงอยู่
แต่ตอนนั้นเองผู้เป็นแม่ก็เดินเข้ามากอดลูกสาวของตัวเอง
“พ่อหนุ่มเธอไม่ต้องสนใจ กิริยาเมื่อสักครู่ของหัวหน้าหรอก”
ดูเหมือนเธอจะแอบได้ยินการพูดคุยระหว่างเขากับหัวหน้าหมู่บ้านเข้าโดยบังเอิญ
เธอมองไปที่ลูกของเธอ และมองทางที่หัวหน้าหมู่บ้านเดินจากไป
“หัวหน้าหมู่บ้าน อายุสังขารก็มาก เหนื่อยล้ามานาน เขาทำงานไม่เคยหยุดพัก
เขาทำเพื่อหมู่บ้านแห่งนี้มาโดยตลอด และหัวหน้าหมู่บ้านคงกำลังคิดมากเรื่องอะไรอยู่ก็ได้ เลยทำให้อารมณ์แปรปรวนแบบนั้น”
“คุณกำลังจะบอกผมว่า หัวหน้าคิดมากจนเริ่มลืมเลือนความเป็นมนุษย์งั้นเหรอ แค่ขนมปังยังแบ่งให้เด็กน้อยไม่ได้”
“ใช่ ฉัน…ไม่สิ พวกเราทุกคนเชื่อแบบนั้น”ดูเหมือนว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เธอก็ลังเลที่จะพูดออกมา
เธออยสกจะพูดอะไรกัน หัวหน้าหมู่บ้านมีความสำคัญกับพวกชาวบ้านขนาดไหนกัน....
ซูฮยอนจมลงไม่กับความคิดภายในหัว
ไม่นานซูฮยอนก็หยิบขนมปังชิ้นใหม่ขึ้นมาแล้วส่งให้เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่ “หนูน้อยกินนี้สิ”
แม่ของเด็กน้อยตกใจ
“นั่นมัน… จะดีเหรอคะ ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านเจอมีหวังโดนด่าแน่ๆ”
“ไม่ต้องห่วงครับ มันคืออาหารส่วนตัวของผม แล้วเขาจะด่าเธอด้วยข้อหาอะไรล่ะ”
“แต่ว่ามัน…”
“คุณสนใจสักชิ้นไหม ไม่ต้องห่วงหัวหน้าหมู่บ้านไม่มีทางด่าคุณแน่”
ทั้งแม่และลูกหยิบขนมปังจากมือของซูฮยอนไปแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย
ดูเหมือนพวกเธอคงไม่มีโอกาสได้กินอาหารดีๆมานาน
ซูฮยอนหยิบขนมปังอีกชิ้นแล้วลงให้เด็กน้อยที่กินหมดก่อนใครเพื่อน เขาลูบหัวของเธออย่างเอ็นดู
'เอาล่ะ ขอเดินสำรวจหน่อยแล้วกัน'
ใช้เวลาไม่นาน ในที่สุดซูฮยอนก็เดินสำรวจหมู่บ้านเสร็จสักที
ซูฮยอนนึกถึงแม่ลูกคู่นั้น ปฏิกิริยาของผู้เป็นแม่ดูแปลกๆ
ชาวบ้านเกือบทุกคนเคารพบูชาหัวหน้าหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่ซูฮยอนเห็นจากสายตาของผู้เป็นแม่คนเมื่อครู่
มันคือสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ซูฮยอนเชื่อว่า หัวหน้าหมู่บ้านต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ
'ฉันต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง'
ปกป้องหมู่บ้านและมีชีวิตรอด
บททดสอบของชั้นที่สิบยังดูคลุมเครือไม่ชัดเจน
เขาจะปกป้องหมู่บ้านจากภัยอันตรายจากอะไรกัน
* * *
ในหมู่ 'ผู้ตื่นขึ้น' มีการแบ่งความคิดออกเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายแรกบอกว่า ตัวละครในหอคอยแห่งการทดสอบเป็นเพียง NPC ที่ถูกสร้างขึ้น
เหตุผลที่พวกเขาเชื่อแบบนั้นก็เพราะ
เมื่อพวกเขาทำภารกิจล้มเหลว แล้วขอทำการแก้ตัวอีกครั้ง แต่ผลที่ออกมา บรรดาชาวบ้านทุกคน จำเขาไม่ได้เลย
ส่วนฝ่ายมี่สองบอกว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบเป็นของจริง ไม่ว่าจะ มอนสเตอร์ หรือชาวบ้านก็ตาม
เหตุผลที่พวกเขาเชื่อแบบนั้นก็เพราะอารมณ์ความรู้สึกที่ชาวบ้านแสดงออกมา
มันเหมือนกับคนจริงๆ มันไม่มีทางที่ Ai จะทำได้เนียนขนาดนี้
ซูฮยอนคิดขณะมองไปรอบๆหมู่บ้าน
แม้แต่ซูฮยอนก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
อารมณ์ ความรู้สึก ทั้งวัฒนธรรม และการใช้ชีวิต มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างมาจริงๆหรือ
หรือว่าพวกเขาจะเป็นคนจริงๆ?
ซูฮยอนไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อไหนมันจริงกันแน่
แต่ซูฮยอนเชื่อว่า..
ในเมื่อพวกเขามีอารมณ์ ความรู้สึก พวกเขาก็เปรียบเสมือนมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน
ซูฮยอนเดินสำรวจทั่วหมู่บ้าน แล้วถามไถ่ถึงหัวหน้าหมู่บ้าน ว่า เขาเป็นคนยังไง ใช้ชีวิตยังไง
แต่คำตอบที่เขาได้รับค่อยข้างไรประโยชน์
“ทำไมแกถึงถามอย่างนั้น”
“แกจะอยากจะรู้ไปทำไม ถ้ารู้แล้วแกจะมี แขนงอกออกมาหรือไง”
“บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าแกทำอะไรหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่ปล่อยแกไปแน่”
ซูฮยอนโดนชาวบ้านด่ากลับมาจนหูของเขาชาไปหมด
แต่โชคดีที่ซูฮยอนเจอหญิงวัยกลางคน นางหนึ่ง
เธอดูเป็นคนอ่อนโยน เธอเล่าเรื่องให้เข้าฟังแบบคร่าวๆ
“พ่อหนุ่ม ที่ชาวบ้านทุกคนมีปฏิกิริยาแบบนั้น เป็นเพราะหมู่บ้านของพวกเราโดนปล้นเป็นประจำ ถึงแม้พวกเราจะไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านคิดอะไรอยู่ พวกเราก็ไม่ใส่ใจนัก แต่กลับกันเธอคือคนนอก เพราะฉะนั้นชาวบ้านจึงระแวงเธอก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ซูฮยอนก็รู้อยู่หรอกว่า ถ้าหมู่บ้านไหนที่อ่อนแอ
หมู่บ้านแห่งนั้นจะถูกปล้นสะดมเป็นประจำ
แต่ซูฮยอนอยากรู้เรื่องหัวหน้าหมู่บ้านมากกว่า
“คุณน้าครับ ทำไมชาวบ้านถึงเคารพหัวหน้าหมู่บ้านขนาดนั้น มันมีเหตุผลอะไรไหมครับ”
“เพราะว่าหัวหน้าหมู่บ้านคือ วีรบุรุษ ของพวกเรา ชาวบ้านทุกคนจึง ศรัทธา เขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“วีรบุรุษ?” ชายชราคนนั้นเนี่ยนะ หลังตาของซูฮยอนกระตุกขึ้นลง
เขาพยายามถามหารายละเอียดต่างๆ
เขาอยากรู้จริงๆว่าหัวหน้าหมู่บ้านมีอะไรดี ถึงได้ชื่อว่าเป็น วีรบุรุษ
“อ่า..ฉันบอกเธอได้แค่นี้ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน” แม้แต่หญิงวัยกลางคนที่ดูอ่อนโยนยังเดินจากซูฮยอนไป
ในหัวของซูฮยอนตอนนี้ มีข้อสงสัยมากมายเต็มไปหมด
วีรบุรุษ.. ดูเหมือนหมู่บ้านแห่งนี้จะเคยเจอวิกฤตอันตรายมาก่อน
และผู้ที่ช่วยเหลือให้หมู่บ้านผ่านพ้นวิกฤตไปก็คงเป็นตัวของหัวหน้าหมู่บ้านเอง
ทว่า...ตัวของหัวหน้าหมู่บ้านเองก็ไม่น่าใช่คนแบบนั้น
หรือว่าคำพูดของผู้อารักขาจะผิดกัน
หรือไม่..พวกชาวบ้านอาจจะโดนล้างสมอง...
ซูฮยอนเดินสำรวจหมู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะถามใคร
พวกเขาต่างเบี่ยงหน้าหนีไม่พูดไม่จา
ช่วยไม่ได้เขาคงต้องหาข้อมูลเองซะแล้ว
อย่างแรก เขาต้องรีบหาคำตอบ..
บททดสอบมันให้ปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้
ทำไมเขาต้องปกป้องด้วย แล้วจากอะไรหล่ะ
หลังจากที่สำรวจภายในหมู่บ้านเป็นเวลานาน เขาก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลยแม้แต่อย่างเดียว
ซูฮยอนจึงตัดสิ้นใจ เริ่มต้นเดินตรวจรอบนอกของหมู่บ้านมั้ง
ทว่า..เมื่อเขากำลังเดินสำรวจรอบนอก ซูยอนก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นตุๆที่เหมือนเคยได้กลิ่นมันมาก่อน
“หืม..กลิ่นมันคุ้นๆจัง”
เมื่อซูฮยอนได้กลิ่น เขาเริ่มเดินตามทางไปเรื่อยๆ
“หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดก็แล้วกัน”
ซูฮยอนได้พบเจอกับมนุษย์ที่ชั่วร้ายมาหลายคน
ในโลกที่ใกล้ถึงกาลล่มสลาย จิตใจของมนุษย์จะถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดีมากแค่ไหน...
แต่เพื่อความอยู่รอดของคุณ
คุณก็พร้อมที่จะฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า
“จงจับตามองหัวหน้าหมู่บ้านให้ดีๆ”ซูฮยอนนึกถึงคำพูดของ ผู้อารักขา ที่บอกแก่เขา
ไม่นานซูฮยอนก็มาถึงต้นทางของกลิ่นไม่พึงประสงค์
ที่นี้สินะ มาดูกันว่ามันมีอะไรอยู่กันแน่