MATOP ตอนที่ 15
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายของวันแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะละลายภายใต้แสงแดดที่แผดจ้า ภาพของต้นไม้และบ้านที่อยู่ไกลออกไปตามถนนนั้นดูบิดเบี้ยวเล็กน้อยจากอากาศที่ร้อน (หมายถึงปรากฏการณ์มิราจ)
โรแลนด์กำลังเดินกลับไปที่วิหารบนภูเขาตามถนนในเมือง เขามองเห็นว่าฟอลเคนนั้นกำลังร่ายคาถาใส่หญิงสาวร่างอวบ รอบตัวของเธอนั้นมีเสาเวทมนตร์ที่มีแสงสีขาว จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็หัวเราะอย่างโล่งอก และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ฟอลเคนได้ร่ายคาถาความสามารถทางภาษาใส่ให้กับ โรแลนด์ก่อนที่เขาจะถามว่า “นายได้รับค่าแรงมาเท่าไหร่ ?”
“เหรียญทองแดง 28 เหรียญครับ” โรแลนด์ตอบแล้วหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าเสื้อพลางถามต่อไปว่า “นี่คือเหรียญทองแดงใช่ไหม ?”
ฟอลเคนเดินเข้ามาหาเขาและยิ้ม พลางวางมือของเขาที่หลังของโรแลนด์ “นายมีรายได้มากกว่าที่ฉันคาดไว้ ฉันคิดว่านายสามารถจะได้เหรียญทองแดงได้ไม่เกินสิบในฐานะมือใหม่ ทองแดง 28 เหรียญเพียงพอที่จะทำให้นายอิ่มไปได้หลายวันเลยทีเดียว”
โรแลนด์ยิ้มแต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม แต่เขากลับกล่าวว่า “ผมจะหาอาหารได้ที่ไหนในเมือง ? ผมรู้สึกหิวนิดหน่อย”
“เลี้ยวขวาลงภูเขาไปแล้วเดินไปตามทาง นายจะเจอโรงเตี๊ยมอยู่ทางขวามือของนาย หลังจากที่นายเดินเลยท่าเรือไปแล้ว อาหารในโรงเตี๊ยมมีมากมายและราคาถูก แต่แน่นอนว่าไม่ค่อยอร่อยนัก ฉันไม่รู้ว่ามันจะถูกปากนายหรือเปล่า”
“อาหารอะไรผมก็ถูกปากทั้งหมดแหละครับ ในตอนนี้” โรแลนด์ยักไหล่และเดินออกจากวิหารหลังจากขอบคุณฟอลเคนแล้ว
ตามคำแนะนำของฟอลเคนโรแลนด์พบโรงเตี๊ยมตั้งอยู่ภายใต้แสงแดดที่แผดจ้า
มีรูปสัญลักษณ์สามรูปที่ประตูของโรงเตี๊ยม ความสามารถทางภาษาสามารถมีอิทธิพลต่อจิตใจและทำให้ผู้คนสามารถพูดคุยกันได้เท่านั้น ไม่สามารถทำให้ผู้ที่โดนร่ายคาถาใส่เข้าใจคำที่เขียนได้
โรงเตี๊ยมนี้ไม่ใหญ่มากนัก โดยมีพื้นที่ไม่เกินสองร้อยตารางเมตร ประตูเป็นประตูไม้เตี้ย ๆ ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากข้างนอกได้
มีโต๊ะกลมเก่า ๆ แต่สะอาดหลายตัวล้อมรอบด้วยเก้าอี้ทรงกลม กลิ่นหอมของขนมปังและกลิ่นเปรี้ยว ๆของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟุ้งกระจายไปทั่ว โรแลนด์ยังเห็นผู้ชายหลายคนจับถ้วยสีเทาขนาดใหญ่และส่งเสียงโห่ร้องราวกับว่าพวกเขานั้นกำลังเมาอยู่
โรแลนด์ผลักประตูและเดินเข้าไป พนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์รีบเรียกเขาและทักทายทันทีว่า “ท่านคะ ยินดีต้อนรับสู่ โรงเตี๊ยมเลควิว ต้องการจะสั่งอะไรดีคะ ?”
ดังนั้นคำสามคำบนประตูทางเข้าจึงคงมีความหมายว่า “โรงเตี๊ยมเลควิว”
ในขณะที่พนักงานเสิร์ฟจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ โรแลนด์ก็ถอยหลังกลับไปที่ประตูและถ่ายภาพ 4 ภาพ ก่อนที่เขาจะจดบันทึกความหมายไว้บนภาพถ่าย
แม้ว่าความสามารถทางภาษาจะไม่สามารถสอนภาษาให้เขาได้ในทันที แต่เขาก็ยังสามารถเรียนรู้ภาษาได้หากเขาใช้ประโยชน์ของคาถาในทางอ้อมแบบนี้ นอกจากนี้คาถานี้ดูเหมือนจะใช้กับทุกภาษาซึ่งทำให้มันมีประโยชน์มาก
โรแลนด์ค่อนข้างมีความสุขที่ได้ตระหนักถึงเคล็ดลับนี้ เขาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกครั้งและสังเกตว่าพนักงานเสิร์ฟกำลังมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เขารู้ว่าพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาในตอนนี้คงจะทำให้เธอประหลาดใจ
“ของถูกและอร่อยมีไหมครับ ?” โรแลนด์นั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์และถามกลับด้วยรอยยิ้ม “อย่าแนะนำอะไรที่แพงเกินไปนะครับ ผมมีเงินไม่มากนัก”
พนักงานเสิร์ฟไม่ได้สวยสะดุดตา แต่เธอนั้นยังเด็กและน่ารัก มีฝ้ากระที่ข้างจมูก ดวงตาของเธอกลมโตและเป็นสีฟ้าและรอยยิ้มของเธอก็หวานและอ่อนโยน
“ฉันขอแนะนำขนมปังน้ำผึ้ง” พนักงานเสิร์ฟเองก็สวมเสื้อผ้าลินินเช่นกัน เว้นแต่ว่าเธอนั้นดูสะอาดและทันสมัยกว่าเขา “ฉันรู้ว่าคุณคือฮีโร่ที่ช่วยชีวิตเด็ก ๆ ทั้งสามคนไว้ ฉันจะขายขนมปังน้ำผึ้งให้คุณในราคาแค่ครึ่งเดียว ถ้าฉันเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมนี้”
“งั้นก็เอาขนมปังน้ำผึ้ง 1 ชิ้น”
“ได้เลยค่ะ โปรดรอสักครู่” พนักงานเสิร์ฟเดินกลับไปที่ห้องครัวและไม่นานก็กลับมาพร้อมกับจานที่มีขนมปังชิ้นยาวหุ้มด้วยน้ำผึ้งสีทอง “นี่คือขนมปังที่คุณสั่ง ราคาเหรียญทองแดง 2 เหรียญ”
ขนมปังน้ำผึ้งดูใหญ่มาก และราคา 2 เหรียญทองแดง ก็เป็นราคาที่ยอมรับได้สำหรับโรแลนด์ เขามอบเหรียญทองแดง 2 เหรียญ จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็จ้องไปที่มือของเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
โรแลนด์มองตามไปที่มือของตัวเอง เขาพบแผลขนาดใหญ่ 2 – 3 ที่ เขาลองกดมันแต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด แม้ว่ามันจะดูน่ากลัวก็ตาม คงเป็นเพราะความรู้สึกเจ็บปวดที่ลดลงจนเหลือแค่ 1 ใน 10
มันเป็นผลมาจากการขุดเหมืองเมื่อเช้านี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรเพราะมันก็ไม่ได้เจ็บปวดเกินไปนัก เขายังสามารถขุดและทำเงินในเช้าวันพรุ่งนี้ได้เหมือนเดิม
โรแลนด์กัดขนมปัง จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน น้ำผึ้งนั้นก็ดีนะและขนมปังก็ไม่ได้แย่เช่นกัน แต่ขนมปังกับน้ำผึ้งนั้นเมื่อรวมกันมันไม่ได้มีรสชาติที่ดีมากนัก มันแข็งเกินไปและยังมีกลิ่นที่อธิบายไม่ถูก
ไม่น่าแปลกใจที่ฟอลเคนบอกว่าอาหารในโรงเตี๊ยมนี้อาจไม่ถูกปากเขา
พนักงานเสิร์ฟสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจากท่าทางที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดของเขา เธอยิ้ม “ไม่อร่อยเหรอคะ ? แต่ขนมปังของเราดีที่สุดในเมืองนี้แล้ว แม้ว่ามันอาจจะดูแย่ไปสักหน่อยสำหรับผู้ยิ่งใหญ่ เช่นคุณ”
“ผู้ยิ่งใหญ่ ? เขาก็เป็นแค่ไอ้เด็กน้อย”
หนึ่งในผู้ชายไม่กี่คนที่กำลังดื่มอยู่ในที่นั้น หันกลับมาและตะโกน ด้วยหน้าแดงก่ำ “เขาไม่มีข้อดีอะไรเลยนอกจากหน้าตาที่ใช้ได้ของเขา เป็นเพียงเพราะแค่โชคดีที่เขาได้ช่วยเด็กเหล่านั้นไว้ได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาสูงส่งมากนักล่ะ ?”
โรแลนด์รู้ว่าเขาน่าจะมีชื่อเสียงในเมืองนี้อยู่สักหน่อย แต่เขาไม่รู้ว่าเขามีชื่อเสียงมากขนาดนี้ เด็ก ๆ คืออนาคตของครอบครัว เมืองและก็ประเทศ ลูกหลานและเด็ก ๆ ต่างก็มีความสำคัญที่สุดในทุก ๆ ที่
การช่วยเด็กอาจสร้างความรู้สึกขอบคุณได้มากกว่าการช่วยผู้ใหญ่ในหลาย ๆ ครั้ง
และแน่นอนว่าในขณะที่บางคนชื่นชมฮีโร่และบุคคลพิเศษ แต่บางคนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพวกเขาเหล่านั้น ส่วนใหญ่ความเกลียดชังของพวกเขาเกิดขึ้นจากเหตุผลง่าย ๆ อย่างหนึ่งนั่นก็คือความอิจฉาริษยา
โรแลนด์มองไปที่คนขี้เมาทั้งสามคนนั่น แต่ก็พบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเกี่ยวกับพวกเขา พวกเขาทั้งหมดเป็นแค่ชายวัยกลางคนที่ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่น่าดึงดูดเลย
ฉันได้เข้าสู่ภารกิจอะไรบางอย่างหรือเปล่า ? โรแลนด์คิดอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยจิตวิญญาณของการทดลองของเขา เขาจึงลองพูดอย่างยั่วยุว่า “ตัดเรื่องไร้สาระออกเถอะ พวกนายอยากออกไปสู้กันข้างนอกหรือเปล่าล่ะ ?”
ชายพวกนั้นโยนถ้วยลงพื้น สาดเบียร์สีเหลืองสดกระจายไปทุกที่ ขณะที่พนักงานเสิร์ฟกรีดร้อง พวกเขาพลิกโต๊ะคว่ำแล้วเดินเข้าหาโรแลนด์อย่างหาเรื่อง