ตอนที่ 50 ความเงียบน่ากลัวที่สุด
ตอนที่ 50 ความเงียบน่ากลัวที่สุด
ทวิสเต็ดลืมตาขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับค่ำคืนที่มืดมิด มีเพียงเสียงไฟจากถนนเท่านั้นที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เขาเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเพื่อไล่ความมืดให้หมดไป เมื่อแสงไฟส่องสว่าง ทวิสเต็คก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าของตนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกพร้อมกับขว้างมันไปที่มุมห้องด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว โทสะที่อัดอั้นได้บันดาลออกมา มือที่กำแน่นของเขาได้ทุบลงไปที่ผนังจนเกิดเสียงดัง
“สู้ไม่ได้เลย ฉันสู้มันไม่ได้เลย”
ไม่ทราบว่าเป็นเหงื่อหรือน้ำตากันแน่ที่หยดลงบนพื้นห้องแต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างที่เขาได้เผชิญในวันนี้ถือเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนตลอดการรับจ้างลอบสังหารผู้เล่นภายในเกมมาอย่างยาวนานหลายปี ตนไม่เคยแพ้ให้แกใคร ตนไม่เคยลอบสังหารล้มเหลว และที่สำคัญ เขาไม่เคยตายให้กับการต่อสู้ 1vs1 เช่นนี้มาก่อน
................
ณ โบสท์เล็กๆทางตอนเหนือของเมืองอัลคาเดีย มีผู้รักษาหญิงสาวคนนึงกำลังเข้ารับการชำระล้างจากแม่ชีที่ยืนล้อมรอบตัวเธอเป็นวงกลม น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ถูกยกมาจากแท่นปรัมพิธี หญิงสาวปลดเสื้อผ้าของเธอออกจากร่างกาย เหลือเพียงผ้าลูกไม้บางๆปกปิดร่างกาย ขาที่ขาวนวลของเธอ ก้าวลงไปในอ่างพิธี โดยมีแม่ชี 2 คนคอยประคองแขนเธออยู่ข้างๆด้วยความอ่อนโยน
เมื่อผิวกายของเธอได้สัมผัสกับน้ำในอ่างพิธี ความรู้สึกอบอุ่นไหลเวียนเข้าปะทะร่างกายด้วยความแผ่วเบา ผ้าลูกไม้ที่คลุมตัวเธอไม่อาจปกปิดเรือนร่างที่เปล่งประกายของเธอต่อไปได้อีก ผิวขาวดุจน้ำนมที่สามารถมองทะลุผ่านผ้าลูกไม้สีขาวอ่อน หากมีบุรุษใดที่ได้เห็นภาพความงามและเรือนร่างของหญิงสาวบริสุทธิ์ตรงหน้าคนนี้คงไม่อาจะหลุดพ้นจากมนต์สะกดนี้ไปได้อย่างแน่นอน
แม่ชี Martha หยดน้ำมนต์จากปรัมพิธีลงบนอ่างโดยมีผู้ช่วยของเธอโปรยกลีบดอกไม้หลากหลายสีลงไปภายในด้วยเช่นกัน น้ำและกลีบดอกไม้สีสันสวยสดงดงาม ค่อยไหลซึมเข้าสู่ผิวกายของหญิงสาว ไม่รู้ว่าพิธีการนี้ใช้เวลาไปนานขนาดไหน ค่ำคืนเปลี่ยนผ่าน กาลเวลาเคลื่อนคล้อย หญิงสาวภายในอ่างพิธีลุกยืนขึ้น ผ้าที่ลูกไม้สีขาวที่เปียกแนบไปกับเรือนรางถูกปลดลง ผ้าลูกไม้ที่เปียกไหลลงไปกองกับพื้นตามแรงโน้มถ่วง ผ้าใหม่อีกผืนก็ได้ห่อหุ้มตัวเธอไว้จนมิดชิด เป็นอันเสร็จพิธีการชำระล้างของผู้รักษา
ประตูของโบสถ์เล็กเปิดออก ตามด้วยเสียงเท้าที่ก้าวออกมาข้างนอก ลมอ่อนพัดกระทบผมสีน้ำตาลของเธอสะบัดพริ้ว เธอกำลังส่งสายตามองหาใครสักคน จนในที่สุดเธอก็ได้พบกับชายหนุ่มผมสีดำ ที่นั่งมองเธออยู่บนโขดหินที่ห่างออกไป
“…”
เจสเปอร์ได้เห็นไอรีนที่กำลังเดินออกมาจากโบสถ์พร้อมๆกับสายลมอ่อน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสของเธอที่มองมาหาเขาทำให้เจสเปอร์ไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้เลย
ไอรีนเดินเข้ามาหาเจสเปอร์ด้วยรอยยิ้ม คำพูดประโยคแรกหลังจากที่เธอเข้ารับการชำระล้างที่เธอได้ยินจากชายตรงหน้าก็ทำให้เธอเขินแทบม้วนตัว
“เธอสวยมาก”
เขาพูดมันออกไปโดยไม่รู้ตัว เธอคงได้ยินคนอื่นๆชมแบบนี้มาหลายครั้ง แม้มันเป็นคำพูดที่ไม่มีค่าอะไร แต่มันก็หาคำไหนมาพรรณนาสิ่งที่เขาได้เห็นไม่ได้จริงๆ
“ขอบคุณนะ ว่าแต่ด้านหลังนายนี้มันอะไรกัน นายไปก่อเรื่องอะไรมายังงั้นหรอ”
ไอรีนกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าที่แดงเป็นลูกมะเขือ แล้วพลันเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อได้เห็นฉากหลังที่เละตุ้มเป๊ะ ต้นไม้ที่หักโคนเหลือแต่ตอ เศษกิ่งไม้ ใบหญ้าเกลื่อนพื้นดินที่มีรอยลากเป็นทางยาว
ความโรแมนติคฉากนี้จบลงอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เจสเปอร์ไม่ได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเธอตามความจริง เพียงแต่บอกไปว่ามีมอนสเตอร์เข้ามาใกล้โบสถ์เขาเลยจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้เพื่อความปลอดภัย หากเขาอธิบายว่ามีคนตามฆ่าตัวเองอยู่ต่อหน้าเธอคงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะนัก
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอเสร็จธุระของเธอแล้ว ฉันก็มีอีก หนึ่งการผจญภัยจะมอบให้ว่าแต่เธอจะออฟไลน์ไปพักผ่อนก่อนไหมเพราะนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว”
“ตายจริง!! ฉันลืมเวลาไปเลย ฉันอยากไปกับนายจริงๆแต่มันดึกมากแล้ว...” เธอลังเลอยู่สักครู่ก่อนที่จะพูดประโยคต่อมา “พรุ่งนี้ฉันไม่มีตารางงานตอนช่วงเช้ากับสายเอายังงี้ฉันจะโทรหานายทันทีที่ฉันตื่นแล้วไปกับนาย ตกลงไหม”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
เจสเปอร์ตอบกลับเธอไปเพราะตัวเขาเองก็ไม่ต้องไปเรียนที่มหาลัยอีกแล้วมีเพียงธุระที่ต้องไปรับรถที่เขาได้ซื้อไว้เมื่อหลายวันก่อน ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนเลยแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เจสเปอร์จำได้ว่าตนพึ่งจะหลับไปได้เพียงไม่นาน โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นพร้อมกับส่งเสียงดัง เจสเปอร์ที่งัวเงียพยายามคลานเพื่อไปหยิบตามเสียงที่ได้ยิน
“ฮัลโหล…zZzzZ”
“ฉันเอง นี้นายยังไม่ตื่นอีกหรอตื่นได้แล้วลืมไปแล้วหรอว่านายมีนัดกับฉันไปผจญภัยไม่ใช่หรอกหรอ”
หญิงสาวปลายสายทำเสียงดุขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินบทสนทนาแรกจากชายหนุ่ม
“อืม ฉันพึ่งจะได้นอนไปเองขอนอนต่ออีกหน่อยนะ กำลังฝันดีเลย” ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงกล่อมให้เจสเปอร์มีความสุขอยู่ในความฝัน เขาพยายามขัดขืนที่จะตื่น แต่เสียงปลายสายช่างคุ้นหูซะเหลือเกิน เอ๊ะ!! “ไอรีนหรอ ฉันนอนเพลินไปหน่อยเผอิญว่าฝันดีนะ รอฉันในเกมได้เลยอีก 15 นาที ฉันจะรีบตามเข้าไป”
เจสเปอร์กดวางสายอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ความจริงเขาจะออนไลน์กลับเข้าไปในเกมสภาพนี้ก็ได้ แต่ด้วยความที่เขาต้องการความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจจึงขอเวลาในการอาบน้ำ กินอาหารและแต่งตัว ทุกๆอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เจสเปอร์ลืมตาอีกครั้งก็พบว่าเขามายืนอยู่ใกล้โขดหินด้านหน้าโบสถ์หลังเล็กๆ มีสาวสวยอีกคนกำลังนั่งหลับอยู่ใต้ต้นไม้ ใบไม้จากลำต้นช่วยบดบังแสงแดด แต่ฉากแบบนี้แค่เมื่อคืนก็มากเกินพอ เจสเปอร์ส่งเสียงเบาๆในลำคอ ตาที่กลมโตของไอรีนก็มองมาทางต้นเสียง
“ไปกันเถอะเรายังต้องเดินทางกันอีกไกล” เจสเปอร์ยืนมือออกไปเพื่อดึงเธอให้ลุกขึ้น
ทั้งสองออกเดินทางกันทันที ระหว่างทางมีมอนสเตอร์ที่ต้องพบเจออยู่บางตามหลายทางแต่เจสเปอร์เลือกที่จะหลีกเลี่ยงพวกมันเพื่อต้องการถนอมค่าความเหนื่อยเอาไว้ เพราะ ป้อมปราการ Mirage Tower เต็มไปด้วยสิ่งลึกลับและน่ากลัวซ่อนอยู่ภายใน แม้ว่าในอดีตเจสเปอร์จะเคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้แล้วก็ตาม แต่ทำเพียงแค่สำรวจอยู่บริเวณรอบนอกเท่านั้น
ม่านหมอกที่ปกคลุมป้อมปราการ Mirage Tower ส่งผลให้ภายนอกไม่สามารถที่จะมองทะลุเข้าไปในป้อมปราการได้เลยแม้แต่น้อย
“ข้างในค่อนข้างที่จะอันตราย ยังไงอยู่ติดฉันไว้” เจสเปอร์เดินนำไอรีนเข้าไปด้านในม่านหมอก
ป้องปราการ Mirage Tower ตั้งอยู่ใจกลางเกาะที่มีสระน้ำล้อมรอบ มีเพียงเรือลำเล็กๆที่ต้องใช่ไม้พายจอดเทียบท่าอยู่บนพื้นดิน
“เราคงต้องพายเจ้านี้เข้าไป”
“…”
ไอรีนพยักหน้าและช่วยเจสเปอร์เข็นเรือลำเล็กกลับลงสู่ผิวน้ำอีกครั้ง เมื่อเรือลำเล็กกระแทกลงสู่สระน้ำ แรงสั่นสะเทือนจากผิวน้ำกระจายออกเป็นวงกว้าง ทั้งคู่ช่วยกันออกแรงพายเรือลำเล็กๆ ความเงียบสงบและหมอกจางๆทำให้ทั้งคู่หวาดระแวงวิสัยทัศน์โดยรอบไม่ต่างอะไรกับเมืองร้างที่ไรผู้คน
เมื่อเรือจอดเทียบท่าป้องปราการ Mirage Tower ก็ตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคน เปิดตูใหญ่เปิดคาเอาไว้ดูจากลักษณะแล้วมันถูกเปิดทิ้งเอาไว้อย่างนั่นมาหลายสิบปีแล้ว ข้าวของต่างๆล้มระเนระนาด ฝุ่นและหยากไย่เกาะเต็มทั่วทั้งป้องปราการ ความมืดปกคลุมตัวอาคารเอาไว้ทั้งหมด
มีเพียงลมหายใจและการเต้นของหัวใจ ของทั้งคู่เท่านั้นที่กำลังส่งเสียงภายในป้อมปราการแห่งนี้
“ฉันไม่ชอบที่แห่งนี้เลย มันดูลึกลับชอบกล”
ในที่สุดไอรีนก็แสดงความรู้สึกออกมา เธอพยายามเก็บซ่อนความกลัวเอาไว้ภายในแต่ความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไป ก็ทำให้เธอไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีก
“จับมือฉันไว้ หากมีอะไรฉันจะปกป้องเธอเอง”
เจสเปอร์กุมมือเธอเอาไว้ข้างกาย ดาบอีเทอนัลวอร์เบลดที่ถืออยู่อีกข้างเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
‘หนีไป สถานที่แห่งนี้ต้องคำสาป’
เสียงที่แผ่วเบาที่มาพร้อมกับเสียงลมเข้าปะทะกับโสตประสาทหูของเขสเปอร์และไอรีนเข้าอย่างจัง ทั้งสองต่างหันมองหน้ากันเพื่อเช็คว่าอีกฝ่ายได้ยินเสียงเช่นเดียวกันหรือไม่ มือของไอรีนบีบรัดเจสเปอร์แน่นขึ้น
‘ครืดด ครืดด’
เสียงลากเท้าที่ก้องไปทั่วทั้งป้อมปราการอาจทำให้คนอื่นตื่นกลัวจนอกสั่นขวัญหนีไปได้ แต่หาใช่กับเจสเปอร์ไม่ ความเงียบต่างหากที่น่ากลัวที่สุด ความเงียบทำให้เราจินตนการไปได้ต่างๆนาและเพราะความเงียบที่เองที่ทำให้เรากลัว
ไอรีนแม้จะยังคงหวาดกลัว แต่เมื่อรู้ต้องสู้กับอะไร ท่าทีตื่นกลัวในตอนแรกก็ค่อยๆจางหายไป
เสียงลากเท้ามากมายหลายคู่ดังออกมาจากบริเวณทางเดินชั้น 2 เจสเปอร์กำดาบในมือเตรียมพร้อม แต่เมื่อเขาได้เห็นเจ้าของเสียงลากเท้าน่าสยดสยองก็พลันไม่กล้าที่เงื้อดาบฟัน
เจ้าของเสียงลากเท้าที่ดังออกมาคือประชาชนที่เคยอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้นั่นเอง ใบหน้าที่ซูบผอมเหลือเพียงหนังที่หุ้มกระดูก ไม่ต่างอะไรจากซากศพที่เดินได้ ไม่ใช่แม้กระทั่งซอมบี้และไม่ใช่แม้กระทั่งมนุษย์
“พวกเขาทั้งหมดได้ตายไปแล้ว” ไอรีนย้ำเตือนสติของเจสเปอร์ ไม่นานเธอก็เริ่มสวดภาวนา ลำแสงจากไม้คทาของเธอได้เปล่งแสงสีขาวให้เจิดจ้า
[Divine Exorcism]
[รายละเอียด: พรศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าที่ แสงบริสุทธิ์จะทำความเสียหายโดยรอบตัวผู้ใช้ภายในระยะ 3 เมตร]
ลำแสงสีขาวกระจายออกรอบไม้คทาของเธอเป็นวงกว้างรอบๆ 3 เมตร นี้คือสกิลโจมตีที่ผู้รักษามีแม้มันจะไม่รุนแรงเท่าเวทย์มนต์ของจอมเวทย์ แต่อย่าประมาทสกิลนี้ไปเป็นอันขาด เพราะพลังโจมตีที่ไม่สนค่าป้องกันเช่นนี้ สามารถทำความเสียหายให้กับศัตรูไม่มากก็น้อย.
เมื่อลำแสงพาดผ่านไปประชาชนที่โดนดูดกลืนวิญญาณออกไป ได้สลายเป็นเพียงฝุ่นผง
‘ขอพระเจ้าโปรดจงรับดวงวิญญาณที่หลงทางกลับเข้าสู่ออมกอดของพระองค์ด้วยเถิด!!’
ไอรีนยังคงสวดภาวนาของเธอต่อไป แต่ศัตรูที่มีจำนวนมากยังคงเดินหน้าลุยเข้ามาเรื่อยๆ เจสเปอร์ยังดาบของตนขึ้น ดูท่าเขาคงจะปล่อยให้ผู้หญิงออกโรงคนเดียวไม่ได้แล้ว
‘พรึ่บ’
ทั่วทั้งใบดาบเต็มไปด้วยเปลวเพลิง เจสเปอร์เคลือบมันลงไปเพื่อเผาร่างที่โดนดูดกลืนวิญญาณพวกนี้ให้ไปสู่สุคติ การต่อสู้จบลงด้วยระยะเวลาอันสั่น แต่การสำรวจป้อมปราการยังต้องดำเนินการต่อไป
หลังจากที่ทั้งคู่เคลียร่างที่ไร้วิญญาณจนหมด พวกเขาก็ได้ค้นพบปริศนาแรกที่มีคนทิ้งเอาไว้ มันคือรอยขูดวัตถุบางอย่างกับพื้นผนังให้ปรากฏอักษรที่มีใจความว่า
‘สถานที่แห่งนี้ถูกคำสาปจากจิตวิญญาณอันชั่วร้าย .....ยัง....ภัย’ ข้อความขาดหายและจบลงเพียงเท่านี้ แม้เขาและไอรีนจะพยายามหาคำใบ้อื่นๆแต่ไม่พบสิ่งใดอีกเลย แต่เมื่อเขาจะเดินทางต่อไป เงาร่างใหญ่สีดำก็มาขวางเอาไว้
เคียวจากมือของมันกวาดของใช้ในบริเวณห้องจนกระจัดกระจาย เจสเปอร์ผลักไอรีนให้พ้นรัสมีการโจมตีแต่ตัวเขาไม่อาจหลบได้พ้น เขาล้มลงด้วยแรงกระแทกพลังชีวิตหายไปช่วงใหญ่
[Nightmare Warriors: LV 30 ] !!
ร่างเงาที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันนั้นก็คือ ไนท์แมร์วอริเออร์นั่นเอง มันตรงเข้าใส่ร่างเจสเปอร์ที่ไร้การป้องกันโดยทันที
[Shield Protection]
[รายละเอียด: พรศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าที่ ส่งผลให้เป้าหมายได้รับเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั่วขณะ]
[Heal]
[รายละเอียด:คำอวยพรช่วยฟื้นค่าพลังชีวิตของเป้าหมาย]
2 สกิล ช่วยชีวิตของไอรีนถูกใช้ออกมาอย่างรวดเร็ว แม้เจสเปอร์ที่ไร้การป้องกันจะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจู่โจมของ Nightmare Warriors แต่เขาหาได้ทิ้งการโต้กลับ เมื่อมีสกิลช่วยชีวิตในสถานการณ์ที่เหมาะสมเช่นนี้ก็ดังติดปีกให้กับราชสีห์ แม้คู่ต่อสู้จะมีเลเวลที่มากกว่า เจสเปอร์ไปหลายเลเวล แต่ 2 หัวยอมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว
เจสเปอร์คว้าดาบของตนสวนกลับไป เคียวกับดาบเข้าปะทะกัน Nightmare Warriors ดึงเคียวของมันกลับไปแต่อาวุธที่มีระยะการโจมตีที่กว้างและรุนแรงเช่นเคียว มีช่วงที่ยาวกว่าดาบเมื่อถูก ศัตรูเข้าถึงตัว อาวุธประเภทนี้มีแต่จะรั้งมือรั้งเท้าเจ้าของ
เจสเปอร์ที่พุ่งเข้าประชิดตัว Nightmare Warriors ก้มหลบเคียวอย่างว่องไว ม้วนตัวอีกหนึ่งครั้งเพื่อลดช่องว่าง ดาบอีเทอนัลวอร์เบลดทิ่มแทงขึ้นทันทีเมื่อการม้วนตัวเสร็จสิ้น มีเวทย์ศรน้ำแข็งที่เป็นผลมาจาก สกิล Auto Spell เกาะกุมมือ Nightmare Warriors พันธนการ ไม่ให้เหวี่ยงเคียวได้อีก
ลำแสงชำระล้างจากไอรีนที่อยู่ด้านหลังเจสเปอร์ ถูกส่งเข้าหาเป้าหมายโดยความรุนแรง มันเงยหน้าคำราม สองตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดง
เห็นได้ชัดว่ามันกำลังเข้าสู่ร่างคลุ้มคลั่ง เจสเปอร์กระโดดตัวถอยหลังออกมาจากคลื่นยั่วยุที่มันปล่อยออกมา เช่นเดียวกับไอรีนเธอมีจุดยืนที่ไม่ใกล้และไม่ห่างเจสเปอร์จนเกินไป ทุกการเคลื่อนที่ของเจสเปอร์ จะอยู่ในความคุ้มครองของไอรีนตลอดเวลา
“มีผู้รักษามันก็ดีแบบนี้แหละนะ”
เจสเปอร์พูดให้กำลังใจตัวเอง สถานการณ์ตรงหน้า Nightmare Warriors ที่คลุ้มคลั่งหมุนเคียวในมือของมัน ส่งการโจมตีที่เป็นวงคลื่นออกมา ดูเผินๆคล้ายสกิล Ternado Attack ของอาชีพผู้พิทักษ์
เคียววงคลื่น หมุนวนกวาด สิ่งที่อยู่บริเวณโดยรอบให้พังพินาศ ไม่มีทางที่จะเข้าปะทะกับการโจมตีครั้งนี้ตรงๆได้เลย แล้วทำไมจะต้องเข้าปะทะตรงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ลองมาวัดกัน
<ความเงียบคือนิรันดร์!!>
สกิลที่เขาได้รับมาจาก สฟิงค์ในทางเดินลับตายดินที่เป็นมอนสเตอร์ปกป้องพื้นที่ของ ศิษย์เอก เกโด ความเงียบนิรันดร์ส่งผลให้เคียวที่หมุนวนในมือ Nightmare Warriors หยุดชะงักลง เจสเปอร์มีเพียง 10 วินาทีเท่านั้นที่จะสังหารมัน หากช้ากว่านั้นผลของสกิลนี้จะเป็นฝ่ายย้อนมาทำร้ายเขาเอง...
Nightmare Warriors ที่กำลังสับสน ได้เปิดช่องว่างขนาดใหญ่ของตัวเองออกมา มันที่กำลังงุนงงด้วยผลของสกิล สุดท้ายแล้วก็ต้องจ่ายบทเรียนครั้งนี้ ด้วยพลังชีวิตที่มีของมัน
“จังหวะนี้แหละ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด”
เจสเปอร์ไม่ได้ตะโกนเพื่อปลุกใจตนเองอีกต่อไป แต่สัญญาณนี้ส่งถึง ผู้รักษาที่อยู่ด้านหลังต่างหาก
< Divine Force!!>
[Divine Force]
[รายละเอียด: พรศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าที่ เพิ่มความว่องไวและอัตราการหลบหลีกให้กับเป้าหมายชั่วระยะเวลาหนึ่ง]
เจสเปอร์หยิบม้วนคัมภีร์เพิ่มพลังโจมตีและเพิ่มค่าสถานะทั้ง 2 ม้วนออกมาใช้งานโดยไม่ลังเล หากสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ตนปราบศัตรูตรงหน้าได้ สิ่งเล้กน้อยเหล่านี้ตนก็พร้อมที่จะเสียสละ
ผลบัฟต่างจากสกิลและไอเท็ม ช่วยยกระดับเจสเปอร์ให้สูงขึ้นอีกขั้น ดาบแล้วดาบเล่าที่ฟาดฟันลงบนร่าง Nightmare Warriors เผาพลาญพลังชีวิตของมันไปจนหมด จนในที่สุดอัศวินแห่งความมืดก็ได้ล้มลง พร้อมๆกับเคียวที่อยู่ในมือ....
...โปรดติดตามตอนต่อไป...