บทที่ 76 ยอดฝีมือ
“เย่โม่! แกนี่เอง!” ชายที่ชื่อหูจำเย่โม่ได้ทันที รูปภาพของเย่โม่เขาเคยเห็นมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบ โดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่นิดปล่อยหมัดออกไปทันที แรงหมัดที่ปล่อยออกมารวมศูนย์อยู่ ณ จุดๆ เดียว
เย่โม่แค่มองก็รู้ว่าชายตรงหน้าเหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้...เป็นยอดฝีมือ เขาเองก็อยากจะลองทดสอบดูว่าแรงหมัดของตัวเองนั้นมีมากเท่าไหร่กันแน่ จึงปล่อยหมัดออกไปปะทะเช่นเดียวกัน
กร๊อบ! เสียงกระดูกหักดังขึ้น เย่โม่ถอยหลัง 2 ก้าวจนไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูอีกครั้ง ส่วนพี่หูก็ถอยหลังไป 2 ก้าวเช่นเดียวกัน เขาถอยไปกระแทกเฉ่าถานที่อยู่ด้านหลัง
จากการปะทะหมัดกันทำให้กระดูกมือของชายทั้ง 2 หัก แววตาของเย่โม่เย็นเยียบขึ้นมา เขารู้ตัวเองแล้วว่าพลังของเขาตอนนี้ไม่อาจนับเป็นอะไรได้ในโลกใบนี้ ถึงแม้เขาจะเพิ่งฟื้นมาพลังกลับมาได้เพียง 7 ส่วน แต่คนที่เก่งกว่าพี่หูคนนี้แน่นอนว่าต้องมีอยู่
“ระดับเหลือง ขั้นปลาย...” ภายในดวงตาของพี่หูฉายแววหวาดกลัวออกมา หลังจากกระดูกมือของเขาหักก็ไม่กล้าเข้าปะทะกับเย่โม่อีก สาเหตุก็เพราะเขาไม่มีพลังฟื้นฟูร่างกายด้วยลมปราณเหมือนกับเย่โม่ หรือต่อให้เขามีพลังปราณจริงก็คงต้องใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
เฉ่าถานเมื่อเห็นว่าเย่โม่มีฝีมือทัดเทียมกับพี่หู แววตาก็ฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าเย่โม่จะมีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ พูดกันตรงๆ แล้วเขายังไม่เคยเห็นใครมีฝีมือทัดเทียมกับพี่หูเลยแม้แต่คนเดียว เขาเคยได้ยินมาว่าพี่หูเป็นลูกศิษย์ของผู้ฝึกยุทธโบราณ การที่เย่โม่หยุดหมัดของพี่หูได้แบบนี้เขาย่อมต้องตื่นตระหนกอยู่แล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่า ‘ระดับเหลืองขั้นปลาย’ นั้นหมายความว่ายังไง แต่เย่โม่ก็คิดว่ามันคงเป็นคำเรียกวัดระดับฝีมือของคนในโลกนี้
เมื่อเฉ่าถานเห็นเย่โม่มีฝีมือร้ายกาจ เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกทันที เย่โม่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายคนนี้เป็นคนจากตระกูลซ่ง ทั้งยังมีหน้าที่ตามจับตัวเขาโดยเฉพาะ...เย่โม่ไม่มีความคิดที่จะไว้ชีวิตชายคนนี้แต่แรกแล้ว มือของเขาซัดตะปูออกไปตัวหนึ่ง
เฉ่าถานยังไม่ทันได้กดเบอร์...ตะปูตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาปักหว่างคิ้วของเขาเสียแล้ว
“แกฆ่าเฉ่าถานไปแล้ว?” พี่หูเห็นเย่โม่แค่ยกมือซ่งเฉ่าถานก็ตายแล้ว แววตาฉายแววตกตะลึงและโกรธแค้น
เย่โม่หัวเราะเสียงเย็น “ซ่งเฉ่าเหวินผมก็ฆ่าแล้ว ทำไม? ไม่พอใจหรือไง?”
แววตาของพี่หูกลับเป็นปกติอีกครั้ง จริงสิ...แม้แต่ซ่งเฉ่าเหวินเย่โม่ก็ฆ่าไปแล้ว แค่ฆ่าซ่งเฉ่าถานอีกคนสำหรับชายคนนี้แล้วคงไม่อาจนับเป็นอะไรได้อีก
“ถ้าหากนายยอมตอบคำถามผมสัก 2-3 ข้อล่ะก็…ไม่แน่ว่าวันนี้ผมอาจจะไว้ชีวิตนายก็ได้” เย่โม่พูดจบก็จ้องมองพี่หูคนนี้ด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ฮ่า!ฮ่า! ไว้ชีวิตหูชิวคนนี้? เมื่อครู่แกไม่ได้เปรียบไปกว่าข้าเลย! ในเมื่อวันนี้มาแล้วก็อย่าหวังจะได้กลับออกไปอีก!” มืออีกข้างที่ยังดีอยู่ของหูชิวหยิบแส้ขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขากระโดดทันที แส้ในมือคล้ายจะเปลี่ยนเป็นเงาแส้ฟาดไปยังเย่โม่!
เร็วจริง! เย่โม่มองเงาแส้ที่มีมากมายละลานตา ตอนนี้เขาไม่กล้าจะเข้าปะทะพลังตรงๆ หากเป็นก่อนหน้าที่เขาจะรักษาหนิงชิงเชวี่ยล่ะก็เขาคงสามารถรับแส้ตรงๆ ได้ แต่ตอนนี้ถึงเขาจะฟื้นพลังได้ 7 ส่วนแล้วมันก็ยังไม่พอ เขารู้สถานการณ์ของตัวเองดีจึงก้าวเท้าหลบไปด้านข้าง
เพียงแต่ห้องที่พวกเขาต่อสู้กันนั้นเล็กเกินไป หลังของเย่โม่จึงถูกแส้ฟาดเข้าอย่างจัง เกิดเป็นความเจ็บปวดราวกับถูกไฟลวก เขารู้ทันทีว่าแส้เส้นนี้อย่างน้อยก็ฟาดเข้าผิวหนังของเขาไปชั้นหนึ่งจนเป็นรอยเลือดลึก
เมื่อเห็นว่าแส้ของตัวเองได้ผล หูชิวก็ยิ่งฮึกเหิมกดดันเย่โม่ต่อ เขาหมุนตัวกลับมาพร้อมกับแส้ในมือที่ถูกวาดเข้าใส่เย่โม่อีกครั้ง
เย่โม่จำต้องยอมรับว่าวิชาแส้ของคนแซ่หูคนนี้ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ เขารู้ดีว่าการต้องหลบแส้ในห้องแคบแบบนี้ตัวเขาจะเสียเปรียบเสียเปล่าๆ ถ้าอย่างนั้นเข้าไม่สู้เข้าปะทะตรงๆ เสียจะดีกว่า เย่โม่เร่งเร้าพลังปราณขึ้นมาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งซัดตะปูออกไป 3 ตัว ส่วนอีกข้างก็เตรียมหาจุดที่เหมาะสมเพื่อจับปลายแส้
หูชิวตกตะลึงในใจ เขาคิดไม่ถึงว่ายังมีใครหน้าไหนกล้าคว้าจับแส้ของเขาท่ามกลางการโจมตีอันรุนแรงแบบนี้!
“รนหาที่!” หูชิวยิ้มหยัน แส้ในมือของเขายิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นอีก เงาแส้ที่ปรากฏยิ่งละลานตา ยากที่ใครจะมองเห็นได้ชัด
ตะปูทั้ง 3 ตัวที่ถูกซัดออกมานั้นหูชิวสัมผัสพวกมันได้ เขาเข้าใจแล้วว่าเย่โม่คิดจะโจมตีแลกกันไปเลย เขาจำเป็นต้องชักแส้กลับ...ไม่อย่างนั้นตะปูทั้ง 3 ตัวคงปักเข้ามาที่ตัวเขาเป็นแน่
หูชิวหัวเราะเสียงเย็น คิดจะแลกเลือดกับข้าอย่างนั้นรึ!? เขาไม่ได้ชักแส้กลับแต่เอี้ยวตัวหลบแทน เขาหลบตะปูไปได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ส่วนอีก 2 ตัวปักเข้าไปตรงอกซ้ายของหูชิวอย่างแม่นยำ
ถึงหูชิวจะถูกตะปู 2 ตัวซัดเข้าใส่แต่ก็ไม่ได้ชักแส้กลับแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าเย่โม่มีฝีมือร้ายกาจจึงเสี่ยงเอาตัวเข้ารับแบบนี้...เพื่อแลกกับแส้ที่ฟาดออกไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! แส้ของเขาแฝงไว้ด้วยแรงมหาศาล ความเร็วก็เป็นเลิศ เขาเชื่อว่าเย่โม่ไม่มีทางคว้าจับได้แน่นอน ทั้งยังต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการฟาดครั้งนี้แน่นอน และแผลนั้นจะต้องไม่ใช่อะไรที่ตะปูแค่ 2 ตัวจะเทียบได้แน่
ทว่าตัวหูชิวนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกปราณ เขาไม่รู้จัก ‘จิตสัมผัส’ กว่าเขาจะตั้งตัวได้ เย่โม่ก็คว้าจับปลายแส้ได้เสียแล้ว
แรงแส้อันมหาศาลถาโถมเข้ามา เย่โม่รู้สึกได้ถึงแรงปะทุตรงกลางอกจึงรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว ถึงแม้เขาจะคว้าแส้เอาไว้ได้ แต่ผลข้างเคียงจากการช่วยรักษาหนิงชิงเชวี่ยก็เริ่มออกอาการแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกเวียนหัวอยากอาเจียนด้วยซ้ำ
เย่โม่รู้ดีว่าตอนนี้เขาสุดรั้งแล้ว ไม่อาจลังเลได้อีก เขาฉวยโอกาสตอนที่หูชิวยังคงตกตะลึง รวบรวมพลังปราณเฮือกสุดท้ายถีบเข้าไปตรงกลางอกของหูชิว
ถึงตอนนี้หูชิวจึงค่อยเข้าใจได้ในที่สุด เย่โม่ตรงหน้าสามารถมองหาตัวแส้จริงของเขาได้จากเงาแส้นับไม่ถ้วน ทั้งยังคว้าจับได้อีก...หรือว่าจะเป็น?
“ระดับดำ...” หูชิวชี้หน้าเย่โม่แล้วพูดออกมา จากนั้นจึงกระอักเลือดอย่างรุนแรง ไม่นานก็ล้มลงสิ้นใจอยู่ตรงนั้น
เย่โม่ผ่อนลมหายใจยาวๆ วันนี้อันตรายจริงๆ เขาเกือบจะเสียท่าลงที่นี่เสียแล้ว ตอนแรกเขาคิดจะจับตัวคนแซ่หูคนนี้มาถามอะไรสักหน่อย ดูท่าแล้วตัวเขาคงจะประเมิณพลังตัวเองสูงเกินไป คนเก่งๆ ในโลกนี้ที่แท้ก็มีอยู่ทุกที่ แค่ตัวเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนก็เท่านั้น ฟังจากคำที่ชายคนนี้พูดก่อนตายแล้ว...ยังมีระดับที่เหนือตัวหูชิวไปอีก...เรียกว่า ‘ระดับดำ’
เย่โม่รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขายันกำแพงแล้วพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น มีห้องที่ห่างจากตรงนี้ไม่ไกล ที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งกระทำชำเราหญิงสาว 2 คน เขาคงจะเป็นลูกชายของเชียนหลงโถว...เชียนชื่อผิง เย่โม่ถีบประตูเข้าไปลากเชียนชื่อผิงออกมา
“แกเป็นใคร!? กล้าดียังไง...” เชียนชื่อผิงที่ถูกปลุกจากฝันกลางครันก็รู้สึกสับสนมึนงง เขามองไปยังเย่โม่ที่ตอนนี้มีท่าทีอ่อนแรง เขาคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“คนที่ฆ่านาย” เย่โม่หอบหายใจ ถีบประตูเมื่อครู่กินแรงเขาอยู่บ้าง
“ฆ่ากู? ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า! มึงรู้มั๊ยว่ากูเป็นใคร? ถ้ามึงฆ่ากูต่อให้หนีไปทั้งประเทศก็ไม่มีทางหนีรอด! มึงคิดว่า...” เชียนชื่อผิงยังไม่ทันพูดจบ ตะปูตัวหนึ่งก็พุ่งทะลุหว่างคิ้วของเขาเสียแล้ว แม้แต่ตอนตายเขายังไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะกล้าฆ่าเขาจริงๆ พ่อของเขาคือเชียนหลงโถวนะโว้ย! แต่น่าเสียดายที่สติเขาได้หลุดลอยไปเสียแล้ว
เย่โม่ไม่กล้าชักช้าอีกแล้ว เขารู้สึกว่ายิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของเขายิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ เขาเดินลงไปชั้นใต้ดินก็พบกับชายทั้ง 3 คนที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ เย่โม่ซัดตะปู 3 ตัวออกไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทั้ง 3 คนยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกตายลงแล้ว ส่วนหญิงสาว 2 คนภายในห้องในเย่โม่ไม่สนใจ คิดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเชียนชื่อผิง
รีบหนี! นี่คือความคิดเดียวในหัวของเย่โม่ตอนนี้ เรื่องราววันนี้เขาเสี่ยงชีวิตมากเกินไปแล้ว ไม่คิดว่าหูชิวจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้…ถึงกับมากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก หากไม่ใช่เพราะว่าหูชิวเชื่อมั่นในแส้ของตัวเองมากเกินไป…วันนี้ตัวเขาเย่โม่คงไม่มีโอกาศเดินออกจากคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว!