ตอนที่ 33 สิบผู้อาวุโสแห่งนิกายหยุนกง (ฟรี)
ในวันที่ 29 ก่อนการแข่งขันหนึ่งวัน ระหว่างนั้น ลู่เฟิง ได้ พา เจี๋ยสวี่ กลับไปที่เมืองหลวง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เข้าไปที่พระราชวังโดยตรง เขาได้ติดตาม เจี๋ยสวี่ ไปยังฐานที่มั่นของกองทหารจินยี่เหว่ย
คนในฐานที่มั่นมีไม่มากเหลือเพียง 20 คนเท่านั้น
คนทั้งยี่สิบคนนี้ล้วนเป็นนักรบขั้นรวมพลังหยวนความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้อ่อนเเอ
เมื่อพวกเขาเห็น ลู่เฟิง เเละ เจี๋ยสวี่ เดินเข้ามา พวกเขาก็กล่าวทักทายเจี๋ยสวี่ทันที"นายท่านกลับมาแล้ว!"
พวกเขาได้ยินมาว่า เจี๋ยสวี่ ได้ยอมจำนนต่อจักรพรรดิลู่เฟิงแห่งอาณาจักรหนานหยาน ในฐานะที่ เจี๋ยสวี่ จัดตั้งกองทหารนี้ขึ้นมาเป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะติดตาม เจี๋ยสวี่ ไป
เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่มาพร้อมกับ เจี๋ยสวี่ เป็นใคร บางคนก็มีการคาดเดาว่าเขาคือลู่เฟิง แต่เนื่องจากพวกเขาไม่แน่ใจพวกเขาจึงไม่ได้กล่าวทำความเคารพ
เจี๋ยสวี่รีบกล่าวพูดทันที"พวกเจ้ายังไม่รีบทำความเคารพฝ่าบาทอีก!"
คนเหล่านี้รู้สึกตกใจและรีบคุกเข่าลงทันที"พวกเราข้าทาสผู้ต่ำต้อยขอแสดงความเคารพต่อฝ่าบาท ก่อนหน้านี้พวกเรามีตาหามีแววไม่ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงได้โปรดฝ่าบาทโปรดประทานอภัย!"
"ผ่อนคลายเถอะ พวกเจ้าไม่รู้ย่อมไม่ได้มีความผิด!"
ลู่เฟิง ได้ตอบกลับ
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"
คนเหล่านี้ได้ยืนขึ้นและจ้องมองไปที่ลู่เฟิงด้วยความเคารพ
นี่ก็คือเจ้านายสูงสุดของเขาเป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะยินยอมทำทุกอย่างเพื่อพระองค์
ลู่เฟิง ได้เดินเข้าไปยังค่ายที่พักและกล่าวถามกับคนเหล่านี้"บอกข้าถึงการเคลื่อนไหวของโม่เต๋าเมื่อเร็ว ๆ นี้มา"
"ฝ่าบาท โม่เต๋า ได้ส่งคนไปแพร่ขาวลือเพื่อทำลายชื่อเสียงของพระองค์ นอกเหนือจากนี้ล้วนไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ สำหรับ นิกายหยุนกง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำการใหญ่เมื่อเร็ว ๆ นี้!"หัวหน้ากองทหารจินยี่เหว่ย ได้กล่าวพูดด้วยความเคารพ
"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?"
"เท่าที่พวกเรารู้ อาวุโสหลักทั้งสิบของนิกายหยุนกงยกเว้นอาวุโสใหญ่และอาวุโสลำดับเก้าที่เพิ่งถูกฆ่าไป พวกเขาทั้ง 8 คนได้มารวมตัวกันที่เมืองหลวงแล้ว"
ลู่เฟิง ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย"ดูเหมือนว่าภารกิจครั้งนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว!"
ลู่เฟิงจำภารกิจที่ถูกออกโดยระบบก่อนหน้านี้ได้ อีกด้านนึงเป็นภารกิจหลัก ส่วนอีกทางหนึ่งเป็นภารกิจรอง
ภารกิจหลักต้องการให้เขาทำลายนิกายหยุนกง
ส่วนภารกิจรองคือต้องการให้เขาฆ่าสมาชิกของนิกายหยุนกงทุกคนที่เข้ามาในเมืองหลวง ตอนนี้มีผู้อาวุโสแปดในสิบของนิกายหยุนกงอยู่ในเมืองหลวง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะใช้โอกาสนี้ในการควบคุมอาณาจักรหนานหยานอย่างสมบูรณ์
แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่วันเดียวสำหรับภารกิจรองที่มีระยะเวลากำหนดครบหนึ่งเดือนเขาจะต้องเสร็จสิ้นภารกิจก่อนเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ฉันมีทั้งเกาชุน และ เจี๋ยสวี่ นิกายหยุนกง ฮ่าฮ่า หวังว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นซากศพของพวกมันจำนวนมาก!"
ลู่เฟิง ได้หัวเราะในใจของเขา
เขาได้ยืนขึ้นและจ้องมองไปที่กองทหารจินยี่เหว่ย"พวกเจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก"
ทันทีที่เขาขยับมือธนบัตรก็ปรากฏขึ้นในมือของลู่เฟิงและยื่นให้กกับพวกเขา"นี่คือธนบัตรหนึ่งหมื่นเหรียญพวกเจ้าเอาไปแบ่งกันซะ!"
ตั๋วสีเงินได้ถูกนำออกมาจากพระราชวังโดยลู่เฟิง เขาได้พกมันติดตัวไว้ทั้งหมด 3 ใบ
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"กองทหารจินยี่เหว่ยเหล่านี้ได้รับตั่วเงินมาอย่างตื่นเต้น
ในแผ่นดินใหญ่คิวชู ตั๋วเงินหนึ่งหมื่นเหรียญนั้นมีค่ามากพอที่จะทำให้นักรบขั้นรวมพลังหยวนสามารถให้พวกเขาใช้สอยใช้จ่ายได้อย่างสบาย ๆ และตอนนี้ ลู่เฟิง ได้ประทานมันเป็นรางวัลให้กับพวกเขา พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและไม่พูดอะไร เขาได้พา เจี๋ญสวี่ ออกจากฐานที่มั่น
"ฝ่าบาทท่านมีแผนจะทำยังไงต่อไป?"เจี๋ยสวี่ ได้กล่าวถาม ลู่เฟิง
"ข้าต้องการย้อมเมืองหลวงไปด้วยเลือดคนจากนิกายหยุนกง!"ลู่เฟิงได้แสดงรอยยิ้มจาง ๆ "วันพรุ่งนี้คงจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากเป็นแน่!"
"ข้าน้อยยินดีเด็ดศีรษะและหลั่งเลือดของพวกมันเพื่อพระองค์!"เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับทันที
"ฮ่าฮ่า,ข้าอดทนที่จะรอดูการนองเลือดของพวกมันในวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว จริงสิ ข้าต้องการให้เจ้าแนะนำบางอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้สักหน่อย!"ลู่เฟิง ได้หัวเราะ
...
เมืองฉิวซาน ที่พักอาศัยของ ราชาเมกาทรอน
ลู่เว่ย ได้จ้องมองไปที่ ข้ารับใช้ที่คุกเข่าด้วยสีหน้าเศร้าหมองเขาได้กล่าวพูดอย่างเย็นชา"เจ้าพวกไร้ประโยชน์ นักฆ่าจากตระกูลเฉินเสียชีวิตได้ยังไง?"
"ฝ่าบาท พวกเราได้ส่งปรมาจารย์จำนวนมากไปยังดินเเดนหมื่นหุบเขาเพื่อค้นหาซากศพของพวกเขา แต่ในช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งวันยังไม่เพียงพอต่อความคืบหน้าใด ๆ "ชายคนนี้ได้ก้มศีรษะต่ำลง
"หาต่อไป เจ้าจะต้องมองหาร่างของพวกมันกลับมาให้ได้แม้จะเป็นเศษซากก็ตาม!"ลู่เว่ย ได้กล่าวอย่างโกรธเคือง
"ขอรับ!"
คนผู้นี้ได้ตอบกลับและครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวถาม"ฝ่าบาท พรุ่งนี้เป็นข้อตกลงระหว่างนิกายหยุนกงและจักรพรรดิน้อย เราควรส่งคนไปแทรกแซงหรือไม่?"
"ไม่จำเป็น!"
ลู่เว่ยได้สูดลมหายใจเข้าลึก"ก่อนอื่นค้นหาต้นตอการตายของนักฆ่าตระกูลเฉิน ข้าต้องการรู้ว่าจักรพรรดิน้อยลู่เฟิงมันหนีรอดออกมาจากที่นั่นได้อย่างไร!"
"ขอรับ,ข้าจะสั่งเข้มงวดทุกคนทันที"
"อืม!"
ลู่เว่ย ได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าต่างเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงดาวระยิบระยับ"เจ้าน้องชายที่แสนดีของข้า แม้ว่าเจ้าจะจากไปแล้วเจ้าก็ยังทิ้งสายเลือดของเจ้าไว้ เจ้าไม่อยากให้พี่ชายคนนี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ?"
"เจ้าปฏิเสธข้าที่เป็นพี่ของเจ้าแต่กลับไปเลือกลู่เฟิงที่เป็นเพียงแค่ขยะ! โฮเต๋อ ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรหนานหยาน เจ้าจะได้รู้ว่าบุตรชายที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าไม่สามารถทำหน้าที่ของจักรพรรดิได้!"
เช้าวันรุ่งขึ้นหน้าคฤหาสน์ของเสนาบดีโม่เต๋าค่อนข้างคึกคักมาก
มีปรมาจารย์ประมาณ 15 คน ของนิกายหยุนกง
แปดคนเป็นถึงอาวุโสหลักและยังมีหกคนที่เป็นศิษย์สายตรงพวกเขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก
ทุกที่ที่พวกเขาย่างก้าวออกไปล้วนแผ่บารมีความเย่อหยิ่งออกมา
เบื้องหลังของพวกเขาคือกลุ่มข้าราชบริพารหลายร้อยคนที่นำโดยโมเต๋า วันนี้พวกเขาจะมาร่วมเป็นสักขีพยานในการสังหารจักรพรรดิองค์สุดท้ายของอาณาจักรหนานหยาน
พวกเขาต้องการเป็นสักขีพยานในการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิองค์ใหม่อย่างโม่เต๋า
"เฉียนเอ๋อร์ วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี ทำไมเจ้าถึงทำหน้ามุ่ยขนาดนั้นเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือไม่?"
โม่เต๋า รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะวันนี้เขาจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ แต่โม่เฉียน บุตรสาวของเขากลับมีสีหน้าที่เศร้าหมองทำให้เขารู้สึกงุนงง
โม่เฉียน ไม่ได้เดินไปกับปรมาจารย์จากนิกายหยุนกง เธอได้เลือกที่จะอยู่ข้างบิดาของเธอ
เธอได้สั่นศีรษะและตอบกลับ"ข้าสบายดี!"
โม่เต๋าดูแล้วก็ถอนหายใจออกมา วันนี้ขุมกำลังหลักของนิกายหยุนกงได้เดินทางมาที่นี่ ทั้ง เขายังได้ยินมาว่า จักรพรรดิน้อยลู่เฟิงเสพติดการมณ์อยู่กับ ฮวามู่หลาน ร่วมหนึ่งเดือน เขาไม่ได้ออกไปไหนเลยแม้เเต่น้อย
นี่จะทำให้เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร
กลับกัน โม่เฉียน กลับไม่มีความสบายใจ เธอไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้
แต่เมื่อได้เห็นหน้าผู้อาวุโสและพี่น้องร่วมนิกายเธอเองก็ปั้นหน้ายิ้มบนใบหน้าของเธอ ขุมกำลังหลักของนิกายหยุนกงอยู่ที่นี่ พวกเธอจะล้มเหลวได้ยังไง
กลุ่มของพวกเขาได้มุ่งหน้าไปทางพระราชวังอย่างรวดเร็ว
ในพระราชวังนอกห้องโถงเจิ้งหลงมีเหล่าขุนนางหลายสิบคนยืนอยู่ที่นี่
คนเหล่านี้นำโดย เกาชุน และ ราชเลขาทั้งสี่
ใบหน้าของราชเลขาทั้งสี่นั้นน่าเกลียดมาก ตอนแรกพวกเขาดึงดูดข้าราชบริพารกลับมาได้มากกว่า 300 คนเพื่อสนับสนุน ลู่เฟิง
แต่หลังจากมีข่าวลือว่า ลู่เฟิง ถูก ฮวามู่หลานวางเสน่ห์ใส่ คนเหล่านี้ก็ยังทำหน้าที่เป็นกลาง แม้จะเป็นวันสำคัญเช่นนี้พวกเขาก็ยังเลือกที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านแสร้งทำเป็นป่วย
"ท่านเสนาบดีเดินทางมาถึงแล้ว!"
ขุนนางคนนึงได้ตะโกนขึ้นสุดกำลัง
พวกเขาเห็นคนจากนิกายหยุนกงและโม่เต๋าที่เดินมาพร้อมกับข้าราชบริพารมากกว่า 700 คน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทำให้สีหน้าของ ราชเลขาทั้ง 4 ยิ่งมายิ่งมืดมนมากกว่าเดิม