ตอนที่แล้วPTH49 ร่องรอยอสูรระดับ 5
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPTH51 โอสถซ่อมสวรรค์

PTH50 ผู้ฝึกตนเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์


“เฮ้อ… น่าเสียดาย ยันต์เพลิงมากขนาดนั้นไม่ได้สร้างได้ง่ายๆ”

เว่ยสั่วจ้องมองแผ่นหลังของหนานกงยู่ฉิงที่เดินจากไป ในใจยังนึกเสียดายยันต์ที่มอบให้

เมื่อนางจากไป เว่ยสั่วมุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเมือง ไปยังร้านแห่งหนึ่งที่เข้าเป็นประจำ

ทางตอนเหนือของเมืองแตกต่างจากทางตะวันตก หากจะเทียบ ทางตะวันตกของเมืองตีนเขา แต่ทางเหนือคือยอดเขาสูงชัน บรรยากาศดี มีเขตหวงห้ามที่ไม่ให้ผู้ฝึกตนทั่วไปเข้ามา มีพื้นที่บางส่วนที่จัดไว้เป็นที่อยู่อาศัย มีบ้านเรือนมากมาย สภาพบ้านแต่ละหลังดีกว่าบ้านที่เว่ยสั่วอยู่มาก

หากจะกล่าวว่าทางตอนเหนือของเมืองเขตคนรวย ทองตะวันตกคือเขตสลัมก็ไม่ผิด

เหตุที่ทางเหนือของเมืองถูกจัดอยู่ในระดับที่สูงกว่าเพราะสภาพแวดล้อม แต่หากจะอาศัยอยู่ที่นั่นก็ต้องแลกกับการจ่ายศิลาวิญญาณจำนวนมาก

สิ่งที่สำคัญสำหรับเว่ยสั่วยามนี้คือการปรุงโอสถซ่อมสวรรค์ หลังกลับออกจากพลับพลาหยกทอง เว่ยสั่วได้แก่นด้วงฟ้ามา ยามนี้หลายๆสิ่งก็ตระเตรียมพร้อมสรรพ จะเหลือก็เพียงกระถางปรุงโอสถและเพลิงเท่านั้น

นักสร้างสมบัติหรือนักปรุงโอสถบางคนสามารถใช้ปราณของตนสร้างกระถางปรุงโอสถหรือกระถางหลอมเป็นของตนได้ แต่กับเว่ยสั่วที่ยังมีระดับพลังไม่สูง เขาไม่สามารถทำเช่นนั้น จึงยังต้องพึ่งพากระถางปรุงโอสถอยู่

เหตุที่เว่ยสั่วมาเยือนทางเหนือของเมืองในครั้งนี้ก็เพราะต้องการหากระถางปรุงโอสถ

ด้วยมีพื้นที่หวงห้ามของขุมกำลังต่างๆมากมาย ผู้คนที่เดินกันตามถนนจึงมีอยู่ไม่มากนัก เว่ยสั่วจำต้องกล่าวถามทางกับผู้ที่บังเอิญพบเห็น เพื่อตามหาร้านที่มีเพลิงพิภพสวรรค์ให้เช่าใช้

หลังจากเดินหาไปทั่วก็พบสถานที่แห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับสถานที่ตั้งข่ายอาคมเคลื่อนย้ายของนิกายเพลิงสวรรค์

“เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 3? มีเพียงศิษย์ฝ่ายในของนิกายเพลิงสวรรค์เท่านั้นที่บรรลุระดับนี้”

เมื่อเดินเข้าไปในโถงหลัก เว่ยสั่วพบผู้ฝึกตนในอาภรณ์ฟ้า และอาภรณ์ในหลายๆแบบ ลักษณะไม่ใช่ผู้ฝึกตนไร้สังกัด เว่ยสั่วจึงโคจรวิชาสัมผัสกลิ่นอาย หยั่งระดับพลังของทุกคนที่อยู่ในนี้... ในกลุ่มคนเหล่านี้ มีผู้ฝึกตนในเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 ต่ำสุดเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 2

คนกลุ่มนี้เดินเข้าไปในโถงหลัก ตรงไปยังศิษย์นิกายเพลิงสวรรค์ที่ทำหน้าที่ดูแลสถานที่แห่งนี้ เมื่อเห็นผู้ที่มา ศิษย์ของนิกายเพลิงสวรรค์ก็กล่าวถามขึ้น “ไม่ทราบว่าพวกท่านมีธุระอะไร?”

สถานที่แห่งนี้แม้ไม่ต่างไปจากวังงดงามทั่วไป แต่เขารู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา เหมาะกับการฝึกฝน ปรุงโอสถ และสร้างสมบัติ เขาจึงกล่าวตัดหน้าคนเหล่านั้น “ข้าต้องการเช่าบ้านพักที่มีเพลิงพิภพ”

ทันทีที่เขากล่าวจบ ทุกสายตาจับจ้องมา หากจะเช่ายืมบ้านพักที่มีเพลิงพิภพ ต้องรับกับค่าเช่าที่สูงมากให้ได้ นั่นหมายความว่าผู้ที่จะเช่าได้นั้นต้องมั่งคั่ง

ศิษย์นิกายเพลิงสวรรค์ประหลาดใจ แต่ก็กล่าวตอบแทบจะในทันที “บ้านพักที่มีเพลิงพิภพมีด้วยกัน 2 หลัง บ้านหลังแรกมีแปลงดินวิญญาณราคาอยู่ที่ 80 ศิลาวิญญาณระดับล่างต่อเดือน อีกหลังไม่มีแปลงดินวิญญาณ ราคาค่าเช่าอยู่ที่ 50 ศิลาวิญญาณระดับล่างต่อเดือน ท่านสนใจหลังไหน?”

เว่ยสั่วขบคิด เขารู้ว่าบ้านที่มีแปลงดินวิญญาณให้เป็นประโยชน์ต่อเขามาก เพราะดินวิญญาณช่วยถนอมสมุนไพรได้ แต่เมื่อขบคิดถึงจำนวนศิลาวิญญาณที่ตนมี จึงเลือกบ้านที่มีราคา 50 ศิลาวิญญาณระดับล่าง

“ข้าเอาบ้านราคา 50 ศิลาวิญญาณระดับล่าง” ในขณะที่เว่ยสั่วกำลังจะให้คำตอบกับศิษย์นิกายเพลิงสวรรค์ เสียงของคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น

เมื่อหันกลับไปมอง เห็นเป็นบุรุษในอาภรณ์แดง ร่างกายผอมบางราวกับซากศพ ยืนอยู่ไม่ไกลจากเว่ยสั่วมากนัก

“เป็นมัน!” เว่ยสั่วขมวดคิ้ว เจ้าของเสียงคือผู้ที่เคยพบเห็นในงานประมูลที่ผ่านมา

“เจ้ามีปัญหาอะไร?” เมื่อเห็นว่าเว่ยสั่วจ้องมองไม่วางตา บุรุษอาภรณ์แดงขมวดคิ้ว แผ่แรงกดดันที่รุนแรง

“เขตขั้นวัฏจักรสวรรค์!” สีหน้าผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ในโถงใหญ่แปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

บุรุษในอาภรณ์แดงผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ที่ 1 ผู้ทรงพลัง เหตุที่ทราบเพราะมันจงใจเผยระดับพลังให้คนอื่นเห็น

“คารวะผู้อาวุโส!”

ศิษย์ของนิกายเพลิงสวรรค์ เร่งป้องมือให้บุรุษอาภรณ์แดง เบนความสนใจจากเว่ยสั่วไปยังบุรุษผู้นั้น

“ผู้อาวุโสต้องการบ้านที่มีกระถางเพลิงพิภพ? หากท่านต้องการเช่า ย่อมไม่เป็นปัญหา”

ศิษย์ทั้งสองคนไม่สนใจเว่ยสั่ว เพราะพวกมันรู้ว่าผู้ใดไม่ควรล่วงเกิน

หากว่ากันตามความจริงแล้ว บ้านพักเหล่านั้นสมควรเป็นของเว่ยสั่ว แต่ผู้ที่มาเป็นถึงผูฝึกตนเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ เว่ยสั่วยังไม่ใช่คู่มือของมัน ยิ่งด้วยเคยพบเห็นมันในงานประมูลที่ผ่านมา รู้ว่ามันมั่งคั่ง มันอาจครอบครองสมบัติหรืออาจเป็นมือกระบี่บินที่ทรงพลัง

ยามนี้ยังไม่สมควรล่วงเกินผู้ฝึกตนเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ ทำได้เพียงอดทน ไม่กล่าวโต้ตอบสิ่งใด ขบคิดในใจหากมีโอกาสจะทำให้มันต้องชดใช้

เมื่อเห็นเว่ยสั่วก้มหน้าไม่กล่าวสิ่งใด บุรุษผู้นั้นเข้าใจว่าเว่ยสั่วหวาดกลัวมันเหมือนกับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ จึงยิ้มอย่างลำพองใจ ยื่นกระเป๋าใส่ศิลาวิญญาณระดับล่าง 50 ก้อนให้ศิษย์นิกายเพลิงเมฆา

“ท่านยังต้องการบ้านที่มีกระถางปรุงโอสถเพลิงพิภพหรือไม่?” เมื่อบุรุษอาภรณ์แดงจากไป ศิษย์นิกายเพลิงเมฆาก็หันกล่าวกับเว่ยสั่ว

“อืม...” เหลือเพียงหลังสุดท้ายให้เช่า เว่ยสั่วไม่มีทางเลือกจึงต้องจ่ายศิลาวิญญาณระดับล่างไป 80 ก้อน นำป้ายหยกที่ศิษย์นิกายเพลิงสวรรค์มอบให้เดินไปยังหลังที่เช่า ไม่สนใจผู้ฝึกตนคนอื่นๆพูดคุย

เส้นทางจากโถงหลักแห่งนั้นทดยาวนำเว่ยสั่วไปพยทิวทัศน์ที่งดงาม รอบข้างเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม หมอกสลัวปกคลุม บุบผาบานสะพรั่ง ทางเดินหลายสายทอดยาวหลายสายนำไปสู่ที่พักต่างๆ

เว่ยสั่วเดินผ่านบ้านหลายหลังกระทั่งถึงบ้านหลังน้อยที่ตนเองได้เช่าเอาไว้

บ้านที่เว่ยสั่วเช่านั้น รอบข้างปกคลุมด้วยหมอกเบาบาง หน้าบ้านมีแท่นเสาที่สลักตัวเลข 23 เอาไว้ เป็นตัวเลขเดียวกับที่อยู่บนป้ายหยกที่เว่ยสั่วได้มา

“นิกายเพลิงสวรรค์สร้างที่นี่ขึ้นด้วยวัสดุชั้นดี ทิวทัศน์งดงาม หลายๆสิ่งพร้อมสรรพให้ใช้”

เว่ยสั่วนำป้ายหยกที่ได้มาชูจ่อไปยังแท่นเสา แท่งเสาเปล่งแสง หมอกที่ปกคลุมรอบข้างหายไป

เว่ยสั่วเดินเข้าไปในเขตบ้าน ภายในเขตบ้านถูกออกแบบให้เป็นหุบเขาขนาดเล็ก ดูเงียบสงบ บุบผาบานสะพรั่งงดงาม น้ำตกไหลลงจากหน้าผา มีบ่อน้ำไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีปลาแหวกว่ายอยู่ภายใน

ถัดจากตัวบ้านไปไม่ไกล มีบริเวณที่บรรขุดินวิญญาณเอาไว้ เหมาะแก่การปลูกสมุนไพร หากเทียบกันแล้ว บ้านหลังนี้ดีกว่าบ้านหลังน้อยของเว่ยสั่วอยู่หลายเท่า...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด