PTH49 ร่องรอยอสูรระดับ 5
“ตั๊กแตนน้ำแข็ง?”
ห้องรับรองพิเศษภายในพลับพลาหยกทอง ผู้เยาว์สองคนในอาภรณ์งดงามค้อมศีรษะให้เว่ยสั่วด้วยความเคารพ ผู้เยาว์คนหนึ่งคือผู้ที่ปรากฏตัวในงานประมูลที่ผ่านมา นามหลิวเสียง อีกคนไม่คุ้นหน้า แต่เป็นคนของพลับพลาหยกทอง ดูจากอาภรณ์สวมใส่ สมควรมีศักดิ์ด้อยกว่าหลิวเสียง
หลังกลับจากถ้ำหินปูน เว่ยสั่วบังเอิญพบตั๊กแตนน้ำแข็งจำนวนหนึ่ง จึงล่าพวกมันแล้วนำมาขาย หลิวเสียงและผู้เยาว์อีกคนเห็นตั๊กแตนน้ำแข็งจำนวนมาก ทั้งสองตกตะลึง
“ทั้งหมดนี่ขายได้เท่าไหร่?” เว่ยสั่วดื่มชาพลางกล่าวถาม
“ตั๊กแตนน้ำแข็งเหล่านี้แม้จะดูมีสภาพร่างที่สมบูรณ์ แต่ยังมีตำหนิอยู่เล็กน้อย” หลิวเสียงตรวจสอบตั๊กแตนทุกตัวที่เว่ยสั่วนำมา
“มีตำหนิ?” เว่ยสั่วขมวดคิ้วพลางกล่าว “ที่เจ้าพูดแบบนี้แสดงว่าจะไม่รับซื้อ?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น” หลิวเสียงอธิบาย “นอกจากแก่นอสูรที่มีค่าแล้ว ส่วนอื่นๆของพวกมันสามารถนำไปสร้างเป็นสมบัติได้ ฉะนั้น มูลค่ารวมทั้งหมดที่ขายได้จะอยู่ที่ 1600 ศิลาวิญญาณระดับล่าง ผู้อาวุโสพอใจหรือไม่?”
ในแคว้นสวรรค์ลึกล้ำ ผู้ที่มีระดับพลังด้อยกว่าจะเรียกผู้ที่มีระดับสูงกว่าว่าผู้อาวุโส ดังนั้นหลิวเสียงที่มีระดับพลังด้อยกว่าจึงเรียกขานเว่ยสั่วว่าผู้อาวุโส
สำหรับราคาที่หลิวเสียงเสนอมา เว่ยสั่วค่อนข้างพอใจ จึงพยักหน้าตอบตกลง
ทันทีที่ตกลงราคากันแล้ว เว่ยสั่วนำผ้าโปร่งใสผืนหนึ่งออกมา
“ผ้าคาดเอวหงส์เพลิง?” ดวงตาหลิวเสียงเบิกกว้าง “ผู้อาวุโส ท่านจะให้พลับพลาหยกทองเรานำสิ่งนี้ไปประมูลหรือไม่?”
“จริงๆแล้ว...” เว่ยสั่วกระแอมก่อนกล่าวถาม “ข้าได้ยินมาว่าพลับพลาหยกทองมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสมบัติอยู่ ข้าอยากรู้ว่าหากจะเปลี่ยนให้ผ้าคาดเอวกลายเป็นอาภรณ์โดยไม่กระทบกับคุณสมบัติเดิมของมัน พอจะทำได้หรือเปล่า?”
“ท่านจะเปลี่ยนผ้าคาดเอวให้เป็นอาภรณ์?” หลิวเสียงพยักหน้า “ข้าว่าไม่สมควรยากจนเกินไป แต่ส่วนของผ้าที่เพิ่มเข้ามา ท่านอยากได้วัสดุชนิดใด? หรือมีความต้องการเพิ่มเติมหรือไม่”
“ข้าต้องการเสริมการป้องกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทนทาน มีจุดเด่นให้รู้ว่าเป็นอาภรณ์หงส์เพลิง หรูหราเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนทั่วไปคิดว่าเป็นของไร้ค่า”
คำกล่าวของเว่ยสั่วทำให้หลิวเสียงประหลาดใจ เพราะถึงจะเปลี่ยนให้ผ้าคาดเอวให้เป็นอาภรณ์ ลักษณะย่อมไม่ต่างอาภรณ์ของสตรี ดูไม่เหมาะหากจะให้บุรุษสวมใส่
แต่หลิวเสียงก็พยักหน้า “ย่อมได้… พลับพลาหยกทองเรามีเส้นไหมที่จะช่วยเสริมการป้องกันให้กับผ้าคาดเอวหงส์เพลิง โดยไม่กระทบกับคุณสมบัติเดิม เมื่อถักทอเป็นอาภรณ์ครบชุดเสร็จ เราจะเพิ่มลวดลายให้คล้ายกับอาภรณ์ที่ท่านกำลังสวมอยู่ ส่วนเรื่องราคา… สมควรอยู่ที่ 350 ศิลาวิญญาณระดับล่าง”
“ตกลงตามนั้น” เว่ยสั่วพยักหน้าพลางกล่าวถาม “แล้วตอนนี้เจ้ามีแก่นด้วงฟ้าอยู่เท่าไหร่? ขายเท่าไหร่?”
“แก่นด้วยฟ้า? ตอนนี้มีทั้งหมด 15 แก่น แต่ละแก่นขาย 60 ศิลาวิญญาณระดับล่าง”
“อืม ข้าเอาทั้งหมด”
...
“คนผู้นี้ดูไม่ต่างผู้ฝึกตนไร้สังกัดทั่วไป เหตุใดถึงมีของล้ำค่ามาขายบ่อยขนาดนี้? ความเร็วในการหาศิลาวิญญาณระดับนี้ ต่อให้เป็นเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ก็ไม่อาจเทียบได้” หลังจากเว่ยสั่วจากไป ผู้เยาว์อีกคนจ้องมองแผ่นหลังเว่ยสั่ว พลางกล่าวกระซิบกับหลิวเสียง “เขาจะซื้อแก่นด้วงฟ้ามากขนาดนี้ไปทำอะไร?”
“เจ้าอย่าลืมกฏของพลับพลาหยกทอง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาก็เป็นแขกของเรา ห้ามพูดลับหลังเด็ดขาด” หลิวเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “อีกอย่าง ถึงแม้จะเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัด แต่หากมีพรสวรรค์คนผู้นั้นก็ไม่ได้ต่างจากไปจากผู้ฝึกตนระดับสูง… หากเขาได้ยินคำที่เจ้ากล่าวลับหลังเขาคงไม่พอใจ นับจากนี้ไปเจ้าต้องระวังคำพูดมากกว่านี้”
“ข้ารู้” ผู้เยาว์คนนั้นพยักหน้ารับคำ
“โดนไปเยอะเลย...”
หลังออกจากพลับพลาหยกทอง เว่ยสั่วส่ายหน้า
ผ้าคาดเอวที่เอาไปเปลี่ยนให้กลายเป็นอาภรณ์ รวมกับค่าแก่นด้วงฟ้า 15 แก่น ทำให้สูญศิลาวิญญาณระดับล่างไปมากถึง 1250 ก้อน
ดังนั้นตอนนี้เว่ยสั่วจึงเหลือศิลาวิญญาณระดับล่างอยู่เพียง 550 ก้อน
นอกจากสิ่งที่ขายไปหมดแล้ว สิ่งล้ำค่าที่นำไปขายได้อีกชิ้นคือหญ้าหยกเมฆา แต่ด้วยชายชราบอกให้เก็บไว้ใช้ในอนาคต จึงเอามาขายไม่ได้
ศิลาวิญญาณระดับล่าง 550 ก้อน เป็นจำนวนที่มากสำหรับผู้ฝึกตนไร้สังกัดในเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 แต่กับเว่ยสั่วที่เห็นศิลาวิญญาณจำนวนมากมาแล้วงานประมูล รู้ถึงความต่างของความมั่งคั่ง ทำให้เขาคิดว่าศิลาวิญญาณจำนวน 550 ก้อนนี้ไม่นับว่าร่ำรวย
สิ่งจำเป็นอื่นๆที่เว่ยสั่วต้องจ่ายเพื่อให้ได้มา ยังเหลืออีกหลายสิ่ง
ผ้าคาดเอวหงส์เพลิง พลับพลาหยกทองจะปรับปรุงให้ใหม่ทั้งหมด หากสิ่งต่างๆเป็นไปตามที่หลิวเสียงกล่าว ผ้าคาดเอวของเว่ยสั่วจะกลายเป็นสมบัติเวทย์ระดับล่าง ต้านการจู่โจมในเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ได้
วิชาลับอสรพิษอัสนีที่ได้มาเป็นวิชาที่เป็นประโยชน์ นอกจากจู่โจมได้รุนแรง ยังมีผลทำให้ศัตรูมึนชา จึงเป็นวิชาที่เว่ยสั่วสามารถใช้ได้อีกระยะหนึ่ง
วิชาปราณกระบี่วารียามนี้ไม่เพียงพอให้ใช้จู่โจม เว่ยสั่วต้องพึ่งยันต์เพลิงหรืออาจจะต้องหาซื้อวิชาระดับสูงมาใหม่ แต่หากจะต้องซื้อยันต์ระดับสองที่สูงชั้นขึ้นมารับมือศัตรูที่ทรงพลังขึ้น รายจ่ายก็จะสูงเป็นเท่าตัว ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดจึงต้องหาวิชาที่ทรงพลัง
มีบางสถานที่ที่ไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปได้ จำเป็นต้องมีวิชาเหาะเหิน หรือสมบัติที่ทำให้เดินทางบนท้องนภา แต่ยามนี้เว่ยสั่วยังไม่มีสิ่งเหล่านั้น แม้เป็นสมบัติหรืออาวุธ เว่ยสั่วก็ยังไม่มี
หากจะซื้อสิ่งต่างๆที่จำเป็นให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ศิลาวิญญาณระดับล่างแค่ 550 ก้อนไม่พอ ต่อให้เป็น 50,000 ก้อนก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่า
ที่สำคัญ เว่ยสั่วยังต้องปรุงโอสถซ่อมสวรรค์ เท่าที่ชายชราอาภรณ์เขียวบอกเล่า จำเป็นต้องใช้ศิลาวิญญาณระดับล่างซื้อหาวัตถุดิบมาปรุง แลกกับการที่เขาจะได้แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
…
“เจ้ากำลังดูอะไรอยู่?”
หนานกงยู่ฉิงเห็นเว่ยสั่วยืนอยู่ใต้ป้ายประกาศขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของเมือง แววตาที่นางมองเว่ยสั่วยามนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน แฝงด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน
แต่เมื่อนางเดินมาใกล้ๆ นางกลับไม่พอใจ เพราะขนาดนางเข้ามาใกล้แทบจะแนบกาย เว่ยสั่วยังไม่สังเกตุเห็น ลักษณะดูคล้ายกำลังเหม่อลอย
“ไม่ได้มองอะไรหรอก… เจ้ามาเมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่เห็น” ใบหน้าเว่ยสั่วแดงระเรื่อด้วยความอาย แต่ก็เร่งนำกระเป๋าใบหนึ่งออกมาเพื่อกลบเกลื่อน
“ในนี้เป็นของที่ข้าอยากจะมอบให้เจ้า”
“ขอบคุณ… พรุ่งนี้กับเมื่อรืนข้าจะออกนอกเมือง หากเจ้ามีเรื่องสำคัญอันใด ให้มาพข้าหลังจากนั้น… ข้าจะออกนอกระยะของสร้อยหยก เจ้าจะติดต่อข้าไม่ได้” นางจ้องมองเว่ยสั่วพลางกล่าว
“ไม่อยู่สองวัน?” เว่ยสั่วประหลาดใจเล็กกน้อย “เจ้าจะไปไหนเหรอ?”
“คนของเถี่ยเซ่อพบร่องรอยของ แมลงกลืนเหมือง เป็นอสูรที่เป็นอันตราย พวกข้าจำเป็นต้องกำจัดมัน” นางกล่าวตอบ
“แมลงกลืนเหมือง! อสูรระดับ 5 !?” เว่ยสั่วสูดหายใจลึก
แมลงกลืนเหมืองเป็นอสูรที่มีชื่อเสียงในแคว้นสวรรค์ลึกล้ำ ทรงพลังน่าสะพรึงกลัว มีความสามารถในการอำพรางกายที่ไม่ธรรมดา รู้ตัวอีกทีมันเข้าประชิด ปากขนาดใหญ่ที่แข็งแรงขบกัดศีรษะปลิดชีพ
สิ่งที่จะทำให้มันเผยกายออกมาจากการอำพราง มีเพียงการพรมผงกระดูกอสูรระดับ 4 ขึ้นไปลงไปบนร่างของมัน
หากได้ถูกแมลงกลืนเหมืองลอบจู่โจม ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ที่ 2 ก็ไม่อาจเอาชีวิตรอด
“มันอันตรายเกินไป” เว่ยสั่วเป็นห่วงนาง
“พวกเราเตรียมตัวกันไว้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาเป็นกังวลของเว่ยสั่ว นางก็มีความสุข
เว่ยสั่วรู้ว่าเถี่ยเซ่อจัดเป็นขุมกำลังใหญ่ของเมืองจิตวิญญาณสูงสุด ไม่ใช่องค์กรที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะเทียบเคียงได้
“ข้าให้” เว่ยสั่วนำยันต์ลวงตาออกมาแล้วยื่นให้นาง
“มันคืออะไร?”
“ยันต์ลวงตา… สามารถช่วยชีวิตเจ้ายามคับขันได้ แม้จะสร้างได้ยากแต่ยามใช้ศัตรูจะไม่มีทางสังเกตุเห็น” เว่ยสั่วอธิบาย “ในกระเป๋าที่ข้ามอบให้เป็นยันต์ลวงตา สามารถสร้างภาพลวงเป็นตั๊กแตนน้ำแข็ง 30 ตัว หรือเหยี่ยววิญญาณวายุ แต่จงจำไว้ สิ่งที่ศัตรูเห็นเป็นเพียงภาพลวง แม้ไม่อาจสร้างความเสียหาย แต่อย่างน้อยๆก็ทำให้ศัตรูสับสนได้”
นางรับยันต์ลวงจากเว่ยสั่วมา
“เดี๋ยว… เอายันต์เพลิงไปด้วย” ก่อนที่นางจะหันกายจากไป เว่ยสั่วรั้งนางไว้ นำยันต์เพลิงจำนวนหนึ่งยัดใส่มือนาง...