HPST ตอนที่ 20 ยอมรับความขี้ขลาดอย่างนอบน้อม
HPST ตอนที่ 20 ยอมรับความขี้ขลาดอย่างนอบน้อม
อีวานนอนหลับสนิทในคืนนั้น ขณะที่เขาฝันถึงสิ่งต่างๆ
เขาฝันว่าเขาอยู่ที่ก๊อดดริกฮอลโล่ว์ คืนที่โวลเดอมอร์ฆ่าพ่อแม่ของแฮรี่, เขาต้องการจะช่วยคนเหล่านั้น แต่เขาไม่มีพลังมากพอ
หลังจากนั้นเขาฝันถึงจินนี่ ,เด็กผู้หญิงล้มลงตรงหน้าเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างของเธอนั้นเย็นเหมือนกับไร้ชีวิต ทอม ริดเดอ้ลยินอยู่ข้างเธอ ,ใบหน้าของทอมหยิ่งยะโสและเย้ยหยันความไร้พลังของเขาด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงตรงหน้า
อีวานดึงไม้กายสิทธิ์ของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ในไม่กี่อึดใจ อีวานก็ถูกโจมตีจนลอยไปโดยทอม และวินาทีต่อมาคาถาสีเขียวยิงมาที่อีวาน เขาสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝันและลุกขึ้นนั่ง
เมื่ออีวานตื่นขึ้นมา ทั้งตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มันเกือบจะถึงเวลารุ่งเช้าแล้ว เขาจึงนอนลงอีกครั้ง เขาตระหนักแล้วว่าตัวเขายังอ่อนแอเกินไป เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโวลเดอมอร์
แต่โชคยังดีที่เขายังพอเหลือเวลา และโชคดีกว่านั้น พวกเขามีดัมเบิลดอร์ พ่อมดที่โวลเดอมอร์หวาดกลัว
อีวานรู้ว่าเขาต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาไปทีละขั้น เขาไม่สามารถจะเรียนเวทย์มนต์ชั้นสูงได้ในตอนนี้ แต่สำหรับตอนนี้ เขาต้องคิดหาวิธีล้มเจ้าบาซิลิสก์ และวิธีที่จะจัดการกับไดอารี่
“ฉันรู้ว่าบาซิลิสก์กลัวเสียงไก่ขัน” (จุดอ่อนของของบาซิลิสก์)
ขณะเขาคิดเกี่ยวกับการจะล้มเจ้าบาซิลิสก์ เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากมุมห้อง
“ลูมอส” อีวานกล่าว เขาร่ายคาถาและมองหาใครบางคน
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีดวงตาสีเขียวสวมด้วยปลอกหมอน เอลฟ์ประจำบ้าน และมันกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ แสงจากไม้กายสิทธิ์ของอีวานทำให้เอลฟ์ประจำบ้านกลัว และมันก็ปล่อยเสียงกรีดร้องที่ถูกระงับในลำคอ และหายไปในอากาศ
ข้างๆเตียงของเขาคือเตียงของโคลิน แต่จากเหตุการณืทั้งหมด เขาหลับเหมือนกับท่อนซุง
อีวานนอนต่อไม่หลับ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะคิดเกี่ยวกับโวลเดอมอร์ บางทีในสายตาของโวลเดอมอร์ เขาก็คงนอบน้อมไม่ต่างจากเอลฟ์ประจำบ้าน (จะสื่อว่ากระจอกนั่นเอง)
ความรู้สึกนี้มันแย่มากๆ ดังนั้นอีวานจึงสวมเสื้อคลุมของเขาและลุกออกจากเตียง
ในตอนเช้าที่ฮอกวอตส์นั่นเงียบสงัด เหล่าภาพวาดกำลังหลับอยู่ แม้กระทั่งเงาก็ยังไม่เห็น อีวานเดินผ่านปราสาทที่ว่างเปล่า สงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากเห็นภาพพระอาทิตย์ขึ้น
อีวานเดินขึ้นบันได้ไปที่ชั้นบนสุดของปราสาท ไปยังที่ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน
ขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปบนชั้นบนสุด เขาเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้าของห้องนั่งเล่น
มันมีหน้าต่างโค้งที่สง่างามล้อมรอบด้วยผ้าไหมสีฟ้าและสีบรอนซ์ และมีที่เคาะรูปนกอินทรีสีบรอนซ์บนประตู
มันเป็นทางเข้าห้องนั่งเล่นของเรเวนคลอ อีวานเข้าไปใกล้กลับระเบียงและเขาสามารถเห็นภาพทิวทัศน์ที่สวนงามภายนอกปราสาท
ในวินาทีต่อมา อีวานสังเกตเห็นว่ามีคนมาที่นี่เร็วกว่าตัวของเขา
เมื่อลมอ่อนๆพัดไป ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นจากชายขอบของป่าต้องห้ามอย่างช้าๆ ด้วยแสงของดวงอาทิตย์ที่ฉายมา ทำให้อีวานได้เห็นหญิงสาวผมสีทองที่งดงามกำลังนั่งอยู่บนขอบของระเบียง หญิงสาวคนนี้มีความงดงามจนอาจทำให้คนอื่นคิดว่าเธอเป็นนางฟ้า
“อรุณสวัสดิ์อีวาน!” ลูน่าพูดขึ้นอย่างใจเย็นขณะหันไปหาอีวาน เหมือนกับเธอจะรู้มาตั้งแต่แรกว่าเขาจะต้องมาที่นี่
“อรุณสวัสดิ์ลูน่า” อีวานถอนหายใจและนั่งลงข้างๆเธอ “เธอมาทำอะไรที่นี่หรอ?”
“ฉันกำลังเขียนบทความเกี่ยวกับ สนอร์แค็กเขาย่น และจะเอามันไปเสนอให้หนังสือพิมพ์ของเธอน่ะ” ลูน่ากล่าว
อีวานไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อบทความของเธอยังไง เขาควรจะมีความสุข แต่พอเขาคิดถึงเรื่องเนื้อหา “วิธีการหาสนอร์แค็กเขาย่น” มันทำให้เขาทั้งมีความสุขและเป็นทุกข์พร้อมๆกัน
“ในตอนเช้าๆมันง่ายที่จะสร้างแรงบันดาลใจ!” ลูน่าพูดพร้อมกับวางกระดาษในมือเธอลงและมองไปที่อีวานด้วยตาโปนๆของเธอ “เธอก็มาหาแรงบันดาลใจหรอ ,ไม่ ,นายเหมือนจะมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในหัว”
“อืม ใช่!” อีวานพูดอย่างลังเลและพูดต่อ “ฉันแค่มีความรู้สึกว่าความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย พลังของมนุษย์มันช่างต้อยต่ำ ถึงแม้จะรู้ทุกเรื่อง แต่มันก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
อีวานพูดอย่างคลุมเคลือ ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าลูน่าจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
ทั้งสองมองดูดวงอาทิตย์ขึ้นได้ครู่หนึ่ง ลูน่าพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายมึนงงและแปลกประหลาด “พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันที่สุด คนที่เผชิญกับความขี้ขลาดของเขาและยังถ่อมตัวอยู่ได้ ,นั่นไม่ใช่ความกล้าหาญอย่างหนึ่งหรอกหรอ?”
“ใช่” อีวานตอบพร้อมพยักหน้าเบาๆ ความกล้าหาญคือสิ่งสำคัญ
“แต่ฉันเชื่อในความฉลาดมากกว่าพลังหรือความกล้า” ลูน่าพูดในน้ำเสียงสดใส “มีปัญญาที่เกินกว่าจะวัดได้ถือเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์”
นี่เป็นครั้งที่สองที่อีวานได้ยินลูน่าพูดประโยคนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้เขาได้ลองสืบหาที่มาดู นี่เป็นหนึ่งในคำพูดสุดท้ายของ โรเวน่า เรเวนคลอ
บางทีมันอาจเป็นคำพูดที่โด่งดัง แต่อีวานก็ไม่รู้ว่าประโยคนี้จะช่วยกำจัดโวลเดอมอร์ได้อย่างไร
“แม่ของฉันเคยบอกกับฉันก่อนที่ท่านจะเสีย, มันนสำคัญที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง และหลังจากนั้นไม่ว่าจะมีคนมากมายคัดค้านคุณ คุณต้องยึดมั่นกับมันและไล่ตามความเชื่อของคุณ”
ที่ระเบียง เสียงของลูน่าทำให้อิวานจมไปกับความคิดของเขา
“ทางเลือก!” อีวานกล่าวและถามด้วยความสงสัย “แม่ของเธอ?”
“ใช่” ลูน่ากล่าว “แม่ของฉันเป็นแม่มดที่ยอดเยี่มและชอบที่จะทำการทดลอง แต่วันหนึ่งคาถาของเธอกลับมาเล่นงานเธอเองและเสียชีวิตตอนที่ฉันอายุได้เก้าขวบ”
“ฉันเสียใจด้วยลูน่า”
“มันโอเคอีวาน” ลูน่าตอบ “ฉันโอเค ตั้งแต่ที่ฉันรักเธอมากตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าฉันจะรู้สึกหดหู่บ้างบางครั้ง แต้อย่างน้อยฉันยังมีพ่อของฉันอยู่ ที่ฉันอยากจะบอกก็คือไม่ว่ามันยากลำบากแค่ไหน แต่นายยังมีคนคอนช่วยเหลือนายอยู่ตลอดเวลา”
“เธอพูดถูก ฉันยังมีคนคอยช่วยเหลือ” อีวานพยักหน้าเมื่อเขาเข้าใจสิ่งที่เธอพูด
อีวานมีความกังวลอย่างมาก เพราะเขารู้ว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งพ่อมดของ แฮรี่ พอตเตอร์ เขาวางตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้ามของโวลเดอมอร์โดยไม่สนใจการดำรงอยู่ของผู้อื่น
หลังจากเขาได้ฟังลูน่า เขาก็นึกถึงแฮรี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และคนอื่นๆที่อยู่ในเรื่องนี้ช่วยกันเอาชนะโวลเดอมอร์ได้ ถึงแม้ว่ามันจะมีราคาที่สูงที่ต้องจ่ายไป แต่พวกเขาก็เอาชนะได้ในท้ายที่สุด
ตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่ เขาจะต้องรักษาชีวิตของคนที่สูญเสียไป
“เชื่อมั่นในเพื่อนของเธอ มันอาจจะไม่ได้เขย่าขวัญคนทั้งโลกนี้ แต่มันจะเปลี่ยนสิ่งที่ธรรมดาให้กลายสิ่งที่จำเป็นได้” ลูน่ากล่าว “ฉันว่าความคิดหนึ่งในคำพูดของ เฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ พูดไว้ได้ดีเลยนะ,’ฉันจะสอนให้มากและปฏิบัติกับเขาอย่างเท่าเทียม’ เธอดูเหมือนจะเป็นผู้ก่อตั้งที่ดีที่สุดเลย”
“ขอบคุณนะลูน่า” พูดโดยอีวานที่รู้สึกดีขึ้นเยอะ
“ฉันยินดีที่จะพานายไปห้องนั่งเล่นของเรเวนคลอกับฉันนะ” ลูน่าพูด “พวกเราจะไปอ่านเดอะควิปเบลอร์ด้วยกัน มันเป็นนิตยสารที่พ่อของฉันเขียน มันอาจจะให้แรงบันดาลใจนายก็ได้นะ”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันว่าฉันเริ่มจะหิวแล้วล่ะ ฉันจะลงไปด้านล่างแล้วกินพุดดิ้ง!” อีวานพูดพร้อมกับส่ายหัว ถึงแม้ว่าเขาจะสนใจห้องนั่งเล่นของเรเวนคลอ แต่เขาไม่ได้อยากจะไปอ่านเดอะควิปเบลอร์