Ep.98 - จุดจบของราชันย์อัศวิน
4/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.98 - จุดจบของราชันย์อัศวิน
“กั๊ก กั๊ก!” ชุดคลุมดำกระหายเลือดขบกรามโกรธเกรี้ยว เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี มันเลยพรวดออกมาจากซ่อนเงา และระเบิดลำแสงแห่งความมืดออกไป
เจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างโดนลำแสงแห่งความมืดกันถ้วนหน้า
แต่แน่นอน ว่าไม่ได้รวมฉินเฟิง
ในปัจจุบัน จากบรรดาทั้งเจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณ มีหนึ่งคนที่ถูกฉินเฟิงดูดกำลังภายในไป ส่วนฮั่นเจียนกับหลินเซิงไม่เข้ามาร่วมวง แยกตัวห่างออกมา ดังนั้นจึงมีทั้งสิ้นสี่คนที่โดนลำแสงเข้าจังๆและตกอยู่ในภาวะอันตราย
ส่งผลให้สถานการณ์ในปัจจุบัน ทางฝั่งราชันย์อัศวินสามารถพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
“บัดซบ! ใครก็ได้ ไปฆ่าไอ้ชุดคลุมดำกระหายเลือดนั่นที!”
“แต่มันหายตัวไปอีกแล้วเนี่ยสิ! ในเมื่อหาไม่เจอแล้วจะฆ่ายังไง!”
“แล้วฉินเฟิงล่ะ? มันไปไหนแล้ว ให้ฉินเฟิงลงมือไง ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงก็เป็นคนหามันเจอไม่ใช่หรือ งั้นคราวนี้เขาก็ต้องหามันได้สิ!”
ในเวลานี้ เมื่อหลายคนตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ จู่ๆพวกเขาก็กลับลำ หันมาพึ่งพาฉินเฟิงซะอย่างงั้น!
ฉินเฟิงที่กลับไปหลบในซ่อนเงาลอบหัวเราะหยัน
เห็นฉันเป็นไอ้โง่รึไง ทำไมฉันต้องช่วยพวกแกด้วย?
ช่วงเวลานั้นเอง ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่มันผุดมาจากเงามืดเบื้องหลังผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ฉินเฟิงเพิ่งปล้นกำลังภายในไป
เมื่อไร้ซึ่งกำลังภายในที่จะใช้ขัดขืน วินาทีต่อมา ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็งับ!เข้าใส่ลำคอของอีกฝ่าย
“อ๊า!” ชายคนนั้นกรีดร้องน่าอย่างน่าสังเวช “ช่วยฉันด้วย รีบช่วยฉันเร็วเข้า!”
แต่น่าเสียดาย ที่เวลานี้ไม่มีใครสนใจจะช่วยเขา เพราะในบรรดาคนทั้งหมดในปัจจุบัน แท้จริงแล้วแบ่งยิบย่อยกันเป็นห้ากองกำลังหรือก็คือเขตใครเขตมัน! และผู้ใช้วรยุทธโบราณในที่นี้ก็มีแค่เขาคนเดียวที่มาจากเขตของตนเอง!
แต่กรณีนี้ก็ยังมีข้อยกเว้น อย่างเช่นฉินเฟิงกับหลินเซิงก็มาจากเขตเฉิงเป่ยเหมือนกัน แต่หากหนึ่งในสองเกิดปัญหาขึ้นล่ะก็ อีกคนย่อมไม่มีวันเข้าไปช่วยเหลือ!
ดังนั้น จึงไม่มีใครเลยในที่นี้ที่คิดยื่นมือช่วยเขา!
ไม่นานเกินรอ ชายคนนั้นก็ถูกสูบเลือดจนเนื้อหนังเหี่ยวแห้ง ตำแหน่งช่วงแขนที่ขาดวิ่นของชุดคลุมดำกระหายเลือดเริ่มก่อร่าง สร้างกระดูกและเลือดเนื้อของมัน งอกขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว
“จงตายให้บิดา!”
จู่ๆหลินเซิงก็พุ่งเข้าไป ฉวยโอกาสนี้คิดสังหารชุดคลุมดำกระหายเลือด
เนื่องจากในเวลานี้ เขาไม่ได้ถูกลำแสงแห่งความมืดยิงเข้าใส่จังๆ ร่างกายจึงยังสามารถคงพละกำลังเอาไว้ ไม่สูญสิ้นเรี่ยวแรงจากอานุภาพของลำแสงเหมือนคนอื่นๆ หรืออาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันในสนามรบแห่งนี้ เขาคือผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ความแข็งแกร่งที่สุด!
ชุดคลุมดำกระหายเลือดไม่ใช่การดำรงอยู่ที่จะยอมให้ตนเองถูกข่มเหง หากฉินเฟิงไม่มีภูมิคุ้มกันอบิลิตี้มืด ผลการต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับมันคงไม่ปรากฏออกมาในรูปแบบนี้!
เมื่อเห็นศัตรูเสนอหน้า มันก็น้อมรับคำท้า ทั้งสองกระโจนเข้าระเบิดโจมตีใส่กัน ตลอดทั้งฉากกลายเป็นสว่างวาบ
----
ย้ายกลับมาอีกด้าน ราชันย์อัศวินก็สู้เพียงลำพังเช่นกัน แต่ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ทว่าคนๆเดียวย่อมไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้การรุมทึ้งของผู้ใช้วรยุทธเลเวล E คาดว่ามันคงสามารถยืนหยัดได้อีกไม่นาน
“กี๊ซซซซซ!”
ราชันย์อัศวินหวีดเสียงแหลม หวดกระแทกศัตรูสองคนที่กำลังรุมล้อมอย่างดุร้าย และขว้างโล่ในมือของมัน โจมตีซ้ำออกไป
ฟาดเปรี้ยง! เข้าใส่หนึ่งในผู้ใช้วรยุทธโบราณอย่างแรง ขอบโล่จมลึกเข้าไปในหน้าอกเขา
เป๊าะ!
เสียงซี่โครงแตกหักดังขึ้น
พรวดดดด!
ผู้ใช้วรยุทธโบราณปลิวกระเด็น เลือดกระอักพุ่งตามเป็นสาย หน้าอกยุบลงดูน่าสยองขวัญ ขณะเดียวกัน ดวงตาของเขาก็เริ่มสูญเสียความสดใสไป
ในหัวใจของเขาบังเกิดความรู้สึกเสียดาย : ทั้งๆที่ตนกอบโกยผลประโยชน์จากสงครามแนวหน้าได้มากมายถึงขนาดนี้แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้งอย่างงั้นหรือนี่?
ฉินเฟิงผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง โฉบไปใกล้ๆผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เพิ่งตายลง
“จงดูดกลืน!”
พลังงานทางกายภาพที่แข็งแกร่ง และกำลังภายในจากตันเถียนที่ยังไม่สลายไป ว่ายวนเป็นคลื่นระลอกใหญ่ถ่ายเทเข้ามายังในตันเถียนของฉินเฟิง
ปรากฏกลุ่มหมอกอีกนับสิบกลุ่มเสริมเข้ามาภายในตันเถียนของฉินเฟิง
“เสี่ยวไป๋ ไปเอาโล่มา!”
ฉินเฟิงตะโกน
ไป๋หลีก็หลบอยู่ในซ่อนเงาของฉินเฟิงเช่นกัน และมันไม่เคยปรากฏตัวเลย ใช้ออกด้วยพลังมิติทันที
ราชันย์อัศวินสูญเสียอาวุธของมันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันสามารถค้นพบถึงตัวหัวขโมยในที่สุด
เพราะยังไงซะ ก็มีเพียงฉินเฟิงคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆศพที่ถูกโล่จมลึกอยู่ในอก
“ก๊าซซซซ!”
ราชันย์คำรามด้วยความโกรธ ควบม้าทมิฬเบื้องล่าง พุ่งเข้าหาฉินเฟิง
และฉินเฟิงไม่ลังเลเลยที่จะ ---- เผ่นหนี!
ในขณะเดียวกัน อีกสามคนกำลังล้อมราชันย์อัศวินอยู่ เป็นธรรมดาที่ไม่ยินยอมพลาดโอกาสทองนี้ไป เมื่อเห็นศัตรูสูญสิ้นอาวุธ ทั้งหมดก็ไล่ตามอัศวินมาติดๆ
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของคน มีหรือจะสู้ความเร็วของม้าได้?
ผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งหมดไม่อาจไล่ตามราชันย์อัศวินได้ทัน ยิ่งนานก็ยิ่งถูกทิ้งห่าง
แน่นอน ว่าความเร็วของฉินเฟิงก็ไม่อาจสู้ม้าได้เช่นกัน!
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
ท่ามกลางช่วงวิกฤติ ฉินเฟิงวาดหลังมือออกไป ระเบิดพลังพิเศษยิงกลับหลังอย่างรวดเร็ว
ลำแสงเปลวไฟปะทุขึ้น ฉากนี้เปรียบดั่งดอกไม้เบ่งบานในท้องฟ้ายามค่ำคืน วิสัยทัศน์ของทุกผู้คนกลายเป็นพร่ามัว รู้สึกตัวอีกที ลำแสงก็กระแทกเข้าเต็มอกของราชันย์อัศวินแล้ว!
เปรี้ยง!
แรงปะทะนี้ ส่งผลให้ราชันย์อัศวินร่วงหงาย ตกลงจากหลังม้าโดยตรง
สำหรับไป๋หลี ทุกสิ่งเธอล้วนได้รับการสอนสั่งโดยฉินเฟิง เฝ้าสังเกตและรับฟังฉินเฟิงเสมอมา จนได้มาทั้งหอกและโล่ของศัตรู ดังนั้นเมื่อเห็นถึงสถานการณ์ตรงหน้า เธอก็คิดเองได้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร ---เมื่อเห็นม้าทมิฬยืนนิ่งงันอยู่เพียงลำพัง ดวงตาของเด็กสาวก็เปล่งประกายสดใส พื้นที่มิติปรากฏขึ้นทันใด โถมกลืนกินม้าศึกเข้าไปทันที
ส่งผลให้เวลานี้ ราชันย์อัศวินกลายเป็นโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง!
ฉินเฟิงไม่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปแน่นอน เขาหยุดหลบหนี สะบัดตัวกลับหลัง ปากอ้าตะโกนก้อง
“ตายซะ!!!”
ฉินเฟิงยกแขนซ้ายขึ้น ปืนใหญ่ในมือที่ยังไม่ถอดออก ส่งเสียงคำรามหึ่งๆ
วูบบบบ เปรี้ยง!!!
กระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกไป
หลิวบาและคนอื่นๆที่ไล่ตามมาต่างเบิกตากว้าง ทั้งหมดสบถสาปแช่ง
แต่ก็มีเวลาไม่มากพอ ด่าได้ไม่กี่คำก็ต้องชะงักฝีเท้า ม้วนตัวหลบ หมอบลงกับพื้น
ตูมมมมม!
ตำแหน่งที่ราชันย์อัศวินเคยยืนอยู่ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
เปลวไฟขนาดใหญ่พวยพุ่ง แรงระเบิดส่งผลให้ผู้ใช้วรยุทธโบราณหลายคนได้รับผลกระทบ อวัยวะภายในสั่นสะเทือนราวกับมีอะไรมากระชากให้หลุดไปจากตำแหน่งเดิม
ตรงกันข้าม มีเพียงฉินเฟิงที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากตั้งแต่แรกที่เขายิงราชันย์อัศวิน เขาอยู่ห่างจากมันมากที่สุด
ไม่รีรอให้ฝุ่นผงปลิวหาย ฉินเฟิงปราดเข้าไปในเปลวไฟจากแรงระเบิดที่ลุกไหม้ รูนไฟว่ายวนขึ้นรอบตัวเขา เพื่อปกป้องร่างกายให้พ้นจากอันตราย
ณ ใจกลางของการระเบิด ราชันย์อัศวินมิได้ถูกระเบิดจนแหลกสลายก็จริง หากแต่เกราะตัวของมันบัดนี้บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปเป็นร่าง โดยเฉพาะส่วนหัวถูกแรงระเบิด จนฉีกขาดแยกจากลำตัว
มันจบชีวิตลงโดยสิ้นเชิง!
ฉินเฟิงเร่งหยิบหมวกเกราะ และเขย่าๆเทเอาหัวของราชันย์อัศวินลงมา
ตุบ ..
หัวที่มีน้ำหนักพอๆกับหมวกเกราะแยกออกจากกัน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ในเบ้าตาของมัน ยังสามารถมองเห็นถึงแก่นพลังงานสีแดง - สีแดงที่มีขนาดเท่ากำปั้นปรากฏอยู่!
--เป็นแก่นพลังงานระดับราชันย์เลเวล F8 !
หากอิงตามราคาห้องประมูลของกลุ่มหวันซ่ง มูลค่าแก่นพลังงานชิ้นนี้น่าจะมีราคาอยู่ที่หลักร้อยล้าน!
“ที่รัก ฉันต้องการมัน!” ไป๋หลีกระโดดออกมาจากซ่อนเงา โผเข้ากอดรัดพัวพันกับฉินเฟิง แต่สายตายังคงจดจ้องกับแก่นพลังงาน
ฉินเฟิงพอถูกเรียกโดยไป๋หลีก็ได้สติกลับคืน เขารู้สึกร่างกายเริ่มด้านชา ช่วงล่างจู่ๆก็เริ่มขยายตัวขึ้น!
“เออๆ รีบเอาไปเลย!” ฉินเฟิงโยนแก่นพลังงานนี้ให้กับไป๋หลีทันทีโดยไม่ลังเล
ไป๋หลีรับมันมาอย่างมีความสุข จากนั้นก็เก็บเอาหัว และร่างของราชันย์อัศวินลงในพื้นที่มิติ
“แค่ก แค่ก ไอ้โง่ฉินเฟิง คิดจะฆ่าพวกเดียวกันรึไง ว่าแต่ราชันย์อัศวินมันหายไปไหนแล้ว?”
ในที่สุด เศษฝุ่นรอบตัวก็กระจายหายไป หลิวบาและคนอื่นๆจึงสามารถไล่ตามมาได้ในที่สุด ส่วนไป๋หลีเมื่อเสร็จกิจก็หายวับไปทันที ปัจจุบันจึงเหลือฉินเฟิงเพียงลำพัง
“มันปลิวเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว” ฉินเฟิงผายสองมือออก ถึงเขาจะไม่มีหลักฐานการตายของมัน แต่ต่อให้คนเหล่านี้พลิกทั้งภูเขาแม่ พวกเขาก็จะไม่มีวันเจอราชันย์อัศวินอยู่ดี!
“โกหก! แกซ่อนราชันย์อัศวินเอาไว้ใช่ไหม แกจะต้องมีอุปกรณ์รูนมิติอยู่กับตัวแน่ๆ สารภาพมาซะดีๆ พวกเราเป็นคนช่วยกันฆ่าราชันย์อัศวินไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมแกต้องฮุบสินสงครามเอาไว้คนเดียว!”
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “ผมสามารถฆ่ามันได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกคุณ ตรงกันข้าม พวกคุณนั่นแหละที่พาคนจำนวนมากเข้ามาจนก่อความวุ่นวายให้กับผมแทน!”
“ฉินเฟิง อย่าทำเป็นอวดดีไป!”
“ไอ้หนู แส่หาเรื่องตาย!”
อีกสองผู้ใช้วรยุทธโบราณคำรามด้วยความโกรธ