บทที่ 75 รักษาแผล
ด้วยความที่ว่าหนิงชิงเชวี่ยเองก็นับเป็นสาวงามคนหนึ่ง ถึงแม้เย่โม่จะไม่เคยเห็นแผ่นหลังของเธอแต่ก็พอจะจินตนาการได้อยู่บ้าง มันจะต้องขาวเนียนละเอียดอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้แผ่นหลังของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำม่วง…เห็นได้ชัดว่าคนที่ตีเธอใช้แรงเยอะมาก เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บตรงหลังของหนิงชิงเชวี่ยแล้ว ออร่าฆ่าฟันของเย่โม่ก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง! ตระกูลซ่ง...ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!
เย่โม่ปลดบราของหนิงชิงเชวี่ยออก เข็มทั้ง 108 เล่มในมือถูกฝังเข้าไปตรงแผ่นหลังของเธออย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างก็กดนวดตัวหนิงชิงเชวี่ยอย่างไม่มีการหยุดชะงัก พลังปราณค่อยๆ ไหลซึมผ่านมือของเย่โม่เข้าไปในร่างของหนิงชิงเชวี่ย ค่อยๆ ฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหาย...อวัยวะภายในและกระดูกสันหลังที่แตกหักให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
โชคดีที่เย่โม่เหลือยาทิ้งไว้ที่นี่อยู่บางส่วน ไม่อย่างนั้นด้วยอาการบาดเจ็บของหนิงชิงเชวี่ยแล้ว...หากจะรักษาเธอให้หายในคืนเดียวคงเป็นไปได้ยาก
เส้นลมปราณที่แตกหักเสียหายและอวัยวะภายในของหนิงชิงเชวี่ย...ถูกลมปราณของเย่โม่ค่อยฟื้นฟูขึ้นมาทีละน้อย ทว่าสีหน้าของเย่โม่กลับยิ่งซีดขาวลงเรื่อยๆ ตอนแรกเขาคิดว่าอย่างมากคงใช้เวลาสักชั่วโมงหนึ่งก็คงรักษาเส้นลมปราณของหนิงชิงเชวี่ยได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ชั่วโมงแล้วเขายังรักษาเส้นลมปราณของเธอได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เหงื่อเม็ดโตๆ ไหลหยดลงบนแผ่นหลังของหนิงชิงเชวี่ย ถึงอย่างนั้นเย่โม่ก็ไม่กล้าหยุดมือกลางครัน เพราะหากเขาหยุดแล้วล่ะก็...สิ่งที่ทำไปก่อนหน้าไม่เพียงสูญเปล่าเท่านั้น หากจะรักษาเธออีกครั้งความยากก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ถ้าหากมีหินวิญญาณสักก้อน...หรือยาฟื้นฟูวิญญาณสักเม็ดก็ยังดี ต่อให้เป็นระดับต่ำสุดก็ได้ เย่โม่รู้สึกว่าพลังปราณในร่างกำลังค่อยๆ หมดไป
ผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง มือของเย่โม่ที่กำลังนวดแผ่นหลังของหนิงชิงเชวี่ยเริ่มจะสั่นแล้ว ถึงแม้จะรู้ดีว่าพลังปราณในตัวไม่อาจยื้อไว้ได้จนสุดทางแต่เย่โม่ก็ยังจำต้องอดทนต่อไป ต่อให้รู้ดีว่าตัวเองอาจจะต้องสูญเสียพลังไปแต่เขาก็ยังต้องทำ
เขาประเมิณพลังของตัวเองสูงไป...และประเมิณอาการบาดเจ็บของหนิงชิงเชวี่ยต่ำไปเช่นกัน
แม้ตอนนี้สีหน้าของเย่โม่จะเริ่มย่ำแย่เข้าไปทุกที แต่ในเวลาเดียวกันสีผิวของหนิงชิงเชวี่ยก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมาเป็นสีขาวอย่างคนสุขภาพดีอีกครั้ง แผ่นหลังที่เคยฟกช้ำดำเขียวราวกับถูกเย่โม่ค่อยๆ ลอกออกมาทีละชั้นๆ หน้าของเธอค่อยๆ กลับมาเป็นสีแดง ผิวหนังที่เคยแข็งเกร็งด้วยความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ถึงแม้เส้นลมปราณจะถูกเย่โม่สกัดไว้ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาตอนนี้ได้ แต่จากคิ้วที่ขมวดกันมุ่นของเธอก็ทำให้เย่โม่รู้ว่าเธอคงรู้สึกถึงบางอย่าง
เย่โม่กัดฟันฝืนอัดพลังปราณสุดท้ายของเขาแล้วนวดเธอไปด้วย ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงเย่โม่ก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเธอได้สำเร็จ เย่โม่ทนฝืนอาการเหนื่อยล้าไม่ไหวล้มสลบบนแผ่นหลังของหนิงชิงเชวี่ย
ใบหน้าของเย่โม่ปะทะเข้ากับหลังนุ่มๆ ของหนิงชิงเชวี่ย กลิ่นหอมจางๆ ลอยเข้าจมูกของเขาทำให้เย่โม่สะดุ้งขึ้นมาทันที กลิ่นนี้คล้ายกับกลิ่นของลั่วอิ่ง เขารีบลุกขึ้นมาแล้วช่วยสวมบราและเสื้อบนกลับให้หนิงชิงเชวี่ย ใส่เสื้อเสร็จเขาจึงค่อยพลิกตัวของเธอกลับมา เย่โม่ผู้น่าสงสาร...แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับของอย่างชุดชั้นในอะไรแบบนี้มาก่อน ตะขอทั้ง 2 ด้านทำให้เขาสับสนอยู่นาน กว่าจะติดได้เย่โม่ก็แทบปาดเหงื่อ
เย่โม่เพิ่งจะสังเกตเห็นเอาตอนนี้เองว่าหน้าอกของหนิงชิงเชวี่ยนั้นใหญ่แน่นเต็ม ก้อนกระต่ายกลมขาวทั้ง 2 ลูกแทบจะเบียดดันกันออกมาอยู่แล้ว นี่ทำให้เย่โม่ถึงกับมึนงง...ทำไมเวลาปกติเขาจึงไม่สังเกตเห็นกัน? ผนวกเข้ากับใบหน้าอันสวยไร้ที่ติของเธอแล้ว เย่โม่เกือบจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่
ทว่าตอนนี้เย่โม่รู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เขานั่งลงพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงช่วยหนิงชิงเชวี่ยจี้คลายจุดแล้วปล่อยให้เธอนอนหลับอยู่อย่างนั้น เย่โม่เก็บข้าวของใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าพยาบาล เมื่อเห็นหนิงชิงเชวี่ยยังกอดมันไว้แน่นก็ได้แต่ถอมหายใจ สุดท้ายเย่โม่ก็เลือกจะไม่เอามันกลับไปด้วย เขาไม่หยิบแม้แต่ของที่อยู่ข้างในด้วยซ้ำ
เย่โม่ออกมาจากสวน คาดว่าเวลานี้คงจะประมาณตี 3 แล้ว เขาหาสถานที่เงียบนอนหลับพักผ่อนสักชั่วโมงหนึ่ง กว่าจะฟื้นฟูพลังปราณได้ 7 ส่วนก็เกือบตี 4 แล้ว เพราะเพิ่งจะช่วยรักษาหนิงชิงเชวี่ยไปพลังปราณของเขาตอนนี้จึงยังไม่ค่อยจะเสถียรนัก แต่เขาคิดว่าแค่นี้ก็คงพอแล้ว เขามุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของคนที่วังเผิงเรียกว่าพี่หู
ตอนที่เย่โม่เดินทางมาถึงยามหน้าประตูคฤหาสน์ก็ผลอยหลับไปเสียแล้ว เย่โม่สับสันคอให้สลบเพื่อความแน่ใจ จากนั้นจึงเข้าไปในป้อมยามเพื่อปิดการทำงานของกล้องวงจรปิด เขารู้ว่าคอมพิวเตอร์พวกนี้เชื่อมต่อกัน แต่ในเมื่อเขาปิดเครื่องที่ทำการบันทึกวิดีโอไปแล้ว คนพวกนี้ก็ไม่มีทางตรวจสอบสถานการณ์ภายในได้ชั่วคราว เพียงแต่เย่โม่เองก็ไม่รู้ว่ามีคอมพิวเตอร์ควบคุมจากที่อื่นอีกไหม
สิ่งที่ทำให้เย่โม่ประหลาดใจก็คือ...ตอนที่เขาเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ก็พบว่ายังมีห้องๆ หนึ่งเปิดไฟเอาไว้อยู่ เย่โม่เดินเข้าไปใกล้แล้วแผ่จิตสัมผัสเข้าไปตรวจสอบ ข้างในมีคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ชายที่ชื่อหูเองก็อยู่ด้วย นอกจากเขาแล้วยังมีชายหนุ่มอายุราว 20 กว่าปีอยู่ด้วย เขาคนนี้มีใบหน้าคล้ายกับซ่งเฉ่าเหวินอยู่ 3 ส่วน หน้าประตูเองก็มีชายรูปร่างกำยำอีก 2 คนเฝ้าอยู่ เพียงแค่ 2 ฝ่ามือเหล่าชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่ก็ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว
“พี่หู เรื่องของวังเผิงวันนี้พี่จัดการได้ไม่เลวเลย มีหญิงสาวสองคนอยู่ด้วยทั้งคืน…เชียนชื่อผิงคงไม่อาจหาข้ออ้างอะไรได้อีกแล้ว ผมไม่เชื่อว่าหากได้ความช่วยเหลือจากเชียนชื่อผิงแล้วไอ้คนแซ่โม่มันจะหนีได้อีก” แม้เสียงของชายหนุ่มคนนี้จะไม่ดังแต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หูพยักหน้า “เฉ่าถานพูดได้ถูกต้องแล้ว ถึงแม้อำนาจของตัวเชียนชื่อผิงจะไม่เท่าไหร่ แต่อิทธิพลเบื้องหลังของเขายังถือว่ามีประโยชน์กว่าหมายจับของทางรัฐบาลเสียอีก เพียงแต่กลัวว่าลูกน้องแก่ๆ ของพ่อเขาจะไม่เห็นด้วยก็เท่านั้น”
“ไม่เห็นด้วย? เชียนชื่อผิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเชียนหลงโถว ต่อให้ลูกชายต้องการดวงจันนทร์บนฟ้าเขาก็คงจะหามาให้ แล้วด้วยอิทธิพลของเชียนหลงโถวแล้ว...เขามีวิธีตามหาตัวเย่โม่มากกว่าพวกเราเป็น 10 เท่า ตระกูลซ่งของเราถึงจะถูกเรียกว่าเป็น 1 ใน 5 ตระกูลใหญ่ แต่ก็มีบางเรื่องที่พวกเราไม่สะดวกจะลงมืออย่างเปิดเผยนัก ยกให้เชียนหลงโถวทำก็คือว่าสมควรแล้ว” เฉ่าถานคนนี้ให้ความสำคัญกับเชียนหลงโถวมาก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าดูถูกเชียนชือผิงเช่นกัน
พูดถึงตรงนี้เขาก็นิ่งไปพักหนึ่ง “ฝีมือของเถียนจียิ่งนานวันยิ่งตกต่ำ ใช้ให้ลูกน้อง 2 คนพาตัวหนิงชิงเชวี่ยมา ไม่เพียงแต่พาตัวมาไม่ได้...พวกมันยังทำให้ตัวเองต้องมาเสียงอีก ไม่อย่างนั้นหากได้ตัวหนิงชิงเชวี่ยมาล่ะก็...เธอสวยกว่าพี่น้อง 2 คนนั้นอีก อีกอย่างผมก็อยากจะลิ้มลองสาวงามอันดับ 1 ของปักกิ่งสักหน่อยเช่นกัน พวกนี้ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ” พูดจบเขาก็ยิ้มหยันขึ้นมา
“เรื่องเถียนจีกับลูกน้อง 2 คนของมันผมจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกมันกำลังนั่งสำนึกผิดอยู่ในฐานใต้ดิน ผมว่าหนิงชิงเชวี่ยดูจะมีใจให้กับไอ้คนพิการเย่โม่อยู่บ้าง บางทีเราอาจจะใช้เรื่องนี้มาล่อเย่โม่ได้” ชายวัยกลางคนที่ชื่อพี่หูพูดขึ้น
เฉ่าถานส่ายหัว “พี่ดูถูกเย่โม่เกินไป ตามที่ผมตรวจสอบมาแล้ว เย่โม่คนนี้เป็นพวกเสือห่มหนังแกะ ไม่เพียงมีฝีมือร้ายกาจแต่ยังเจ้าเล่ห์อีกด้วย หากไม่ใช่เพราะแบบนี้เราก็คงไม่ต้องยืมมือเชียนหลงโถวหรอก ถึงยังไงหากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปก็คงไม่เป็นผลดีกับตระกูลซ่งของเราเท่าไหร่”
ตอนนี้เย่โม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เฉ่าถานคนนี้คงเป็นคนตระกูลซ่ง ทั้งยังมาเพื่อตามจับตัวเขาโดยเฉพาะ แล้วคนพวกนี้ก็เผลอทำร้ายหนิงชิงเชวี่ยแทนที่จะจับตัวเธอมา
จิตสัมผัสของเย่โม่แผ่ลงไปข้างล่างก็พบกับชาย 3 คนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ส่วนห้องนอนข้างๆ เย่โม่ก็พบกับหญิงสาว 2 ที่ถูกซ้อมกำลังนอนเปลือยอยู่บนเตียง ข้างๆ กันก็มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งนอนอยู่
บนร่างกายของหญิงสาวทั้ง 2 เต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ ไม่รู้ว่านอนหลับหรือสลบไปกันแน่ หญิงสาวพวกนี้คงเป็นนักศึกษาสาวพี่น้องที่เฉ่าถานพูดถึง เย่โม่รู้สึกว่าเขาคุ้นๆ หน้าหนึ่งในนั้นอยู่บ้าง เขานึกออกได้ทันทีว่าเคยเห็นเธอที่มหาวิทยาลัยหนิงไห่มาก่อนนั่นเอง ถือเป็น 1 ใน 10 สาวงามของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พี่หูไปพักผ่อนก่อนเถอะ ผมเองก็จะไปพักเช่นกัน” พูดจบเฉ่าถานก็ลุกขึ้นยืน
พี่หูยังไม่ทันได้ตอบอะไรประตูก็ถูกถีบเปิดออกอย่างกะทันหัน เวลานั้นเองที่เสียงเย็นๆ เสียงหนึ่งลอยเข้ามา “ไม่จะเป็นต้องไปพักผ่อนหรอก ตั้งแต่วันนี้ไปมีเวลาอีกเยอะที่นายจะได้พักผ่อน...อย่างสงบ”