PTH47 แก่นหินย้อยและการยกระดับ
เว่ยสั่วตามเก็บซากร่างของตั๊กแตนและเหยี่ยววิญญาณวายุเข้ากระเป๋าทั้งหมด พลางบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเขาว่านเฉอให้หนานกงยู่ฉิงฟัง จากนั้นก็พากันกลับเข้าเมือง
เมื่อไปถึงเมือง ทั้งสองกล่าวลาต่อกัน เว่ยสั่วก็มุ่งหน้ากลับบ้านของตน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้นับว่าน่าสะพรึงกลัว อีกอย่าง แม้ว่าผ้าคาดเอวจะเหมาะสมกับหนานกงยู่ฉิงมาก แต่เว่ยสั่วรู้ว่าการมอบให้นางยังไม่เหมาะ เพราะการมอบผ้าคาดเอวให้เช่นนั้น เป็นสิ่งที่คนรักมอบให้กัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางยังไม่ถึงขั้นนั้น
การไปเยือนถ้ำหินปูนพร้อมกับนางครั้งนี้นับว่าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มหาศาล ทั้งหญ้าหยกเมฆา ตั๊กแตนน้ำแข็ง และเหยี่ยววิญญาณวายุ แม้ซากร่างของอสูรเหล่านี้จะได้รับความเสียหาย ขายแลกศิลาวิญญาณได้ไม่มาก แต่พวกมันก็สามารถนำไปปรุงเป็นโอสถได้ ดังนั้นเมื่อขายสิ่งต่างๆได้ทั้งหมดแล้ว เว่ยสั่วและหนานกงยู่ฉิงจึงได้ศิลาวิญญาณระดับล่างมาทั้งหมด 1500 ก้อน แบ่งกันคนละ 750 ก้อน
วันนี้หนานกงยู่ฉิงทำให้เว่ยสั่วกอบโกยผลประโยชน์ได้มาก ส่วนตัวนางที่เป็นผู้ชักชวนกลับดูราวกับไม่ค่อยได้สิ่งใดมากนัก ยิ่งด้วยนางเชื่อใจเขา เขายิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจต่อนาาง จึงคิดจะมอบผ้าคาดเอวหงส์เพลิงให้นางเพื่อตอบแทน แต่นางปฏิเสธ ดังนั้นคราวหน้าหากพบกัน เว่ยสั่วจึงตัดสินใจว่าจะมอบยันต์ลวงตาให้
เขาได้พิสูจน์แล้วว่ายันต์ลวงตามีประโยชน์มาก สามารถลวงศัตรูได้โดยที่ศัตรูไม่รู้
“ที่แท้นางเป็นน้องสาวของจี้หยา ไม่แปลกที่นางร่ำรวยขนาดนั้น”
เว่ยสั่วรู้มาจากหนานกงยู่ฉิงว่าหานเว่ยเว่ยเป็นใคร รู้ว่าขุมกำลังใดหนุนหลังนาง เมื่อย้อนคิดถึงภาพที่นางร่ำไห้ด้วยความเสียใจ เว่ยสั่วก็ทำได้เพียงส่ายหน้า
“ไปเที่ยวกับสตรีถึงไหน? ทำไมถึงกลับช้าขนาดนี้?” เมื่อเว่ยสั่วเปิดประตูเข้าบ้าน ชายชราอาภรณ์เขียวก็ปรากฏตัว
“นี่ผู้อาวุโส ลมอะไรหอบให้ท่านออกมาพบข้า” เมื่อเห็นชายชราปรากฏตัว เว่ยสั่วหัวเราะ พลางถ่ายปราณสู่กระเป๋าเก็บสมบัติแล้วนำหญ้าหยกเมฆาออกมา
ยามนี้เว่ยสั่วใช้กระเป๋าเก็บสมบัติได้อย่างเชี่ยวชาญ สามารถหยิบเอาของที่ต้องการออกมาใช้ได้ตามใจ
หลังจากได้ลองใช้กระเป๋าเก็บสมบัติมาหลายครั้ง เว่ยสั่วค้นพบบางสิ่ง คือการนำบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าโดยไม่ต้องเอากระเป๋าออกมา
“หญ้าหยกเมฆา?” เมื่อชายชราเห็นสิ่งที่เว่ยสั่วนำออกมา สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง “เจ้าไปได้หญ้าหยกเมฆามาได้ยังไง?”
“ทำไมเหรอ?” เห็นชายชราสนใจ เว่ยสั่วจึงคาดหวังบางสิ่ง “หนานกงยู่เว่ยเป็นคนพบอยู่ในถ้ำหินปูน มีเหยี่ยววิญญาณวายุและตั๊กแตนน้ำแข็งเฝ้า พวกข้าเลยช่วยกันจัดการ แล้วเก็บหญ้าหยกเมฆาที่เกิดอยู่ 2 ต้นมา”
“เกิดด้วยกัน 2 ต้นเลยเหรอ?” ชายชราขมวดคิ้ว “พาข้าไปถ้ำที่เจ้าพบหญ้าหยกเมฆาเร็วเข้า”
“พาท่านไป? ทำไม?” เว่ยสั่วประหลาดใจกับการกระทำของชายชรา
“แก่นหินย้อย!” ชายชรากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “ครั้งหนึ่งข้าเคยได้พบมันกับเจ้านายคนหนึ่งของข้าโดยบังเอิญ… แก่นหินย้อยก็เหมือนหยกเย็นที่เป็นแหล่งพลังงานของสมุนไพรบางชนิด ให้ปราณธรรมชาติที่ดีกว่าโอสถหรือแก่นอสูร หากได้ดูดซับปราณจากแก่นหินย้อย จะช่วยเร่งเวลาการดูดซับของเจ้าให้เร็วขึ้น เพราะปราณที่อยู่ภายในนั้นบริสุทธิ์มาก แทบจะผสานเข้ากับปราณของเจ้าได้ในทันทีที่ดูดซับ… หากเจ้าได้ดูดซับมัน ไม่แน่เจ้าอาจทะลวงเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 ได้ง่ายๆ”
“หากเป็นอย่างท่านว่าก็ดีไม่น้อย”
เว่ยสั่วประหลาดใจกับคำกล่าวของชายชรา สำหรับเว่ยสั่วแล้ว การจะยกระดับพลังต้องพึ่งพาการดูดซับปราณจากศิลาวิญญาณ ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะได้ปราณในปริมาณที่มากพอในการทะลวงระดับ
ภายในหนึ่งวัน เว่ยสั่วดูดซับปราณจากศิลาวิญญาณระดับล่างได้มากสุดแค่ 10 ก้อน แต่หากเปลี่ยนให้ดูดซับศิลาวิญญาณระดับล่าง 10 ก้อนได้ในชั่วพริบตา ความเร็วในการยกระดับพลังจะเพิ่มพูนมหาศาล
“อืม… ข้าจะพาท่านไป!”
เว่ยสั่วต้องการยกระดับพลังเป็นอย่างมาก เมื่อได้รู้ว่ามีความหวังในการยกระดับพลัง เขาก็รีบเก็บหญ้าหยกเมฆา เก็บเอาโถของชายชรายัดใส่อกเสื้อก่อนจะมุ่งไปยังถ้ำหินปูนแห่งนั้นทันที
“จะว่าไป ท่านพอจะรู้จักสมุนไพรดีๆบ้างหรือเปล่า?” ในขณะที่มุ่งไปยังข่ายอาคมเคลื่อนย้าย เว่ยสั่วกล่าวถามชายชรา “เท่าที่ข้ารู้ ในบันทึกของยุคสมัยนี้มี มีสมุนไพรล้ำค่าถูกบันทึกไว้ไม่มาก”
“ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรอะไรก็ถือว่าล้ำค่าหมดนั่นแหละ” ชายชรากล่าวตอบ “สมุนไพรบางชนิดเติบโตได้ในบางสถานที่ เช่นเติบโตได้ในบริเวณที่หนาวมากๆเท่านั้น บางชนิดเติบโตในที่ที่มีลมแรง บางชนิดเติบโตได้เฉพาะในลาวาที่ร้อนระอุ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรชนิดใดย่อมนับเป็นสมุนไพรล้ำค่า ต่างกันเพียงจะพบพวกมันได้ที่ใด มนุษย์เป็นผู้พบ หรืออสูรเป็นผู้พบ หากกดูดซับปราณจากสมุนไพรเหล่านั้นจนหมด พวกมันก็กลับคืนสู่ธุลีไม่ต่างกัน… บางทีในถ้ำหินปูที่เจ้าว่าอาจไม่มีแก่นหินย้อยอยู่ เพราะปริมาณของมันอาจมีไม่มากและถูกหญ้าหยกเมฆาดูดซับไปจนหมด ฉะนั้นจะพบพวกมันหรือไม่ก็ต้องพึ่งโชคแล้ว”
…
“ที่นี่เหรอ?”
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม เว่ยสั่วก็พาชายชรากลับมาถึงถ้ำที่พบหญ้าหยกเมฆา เว่ยสั่วพาชายชราเข้าไปภายในถ้ำบริเวณที่เก็บหญ้าหยกเมฆา ชายชราปรากฏกายออกมาจากโถ สำรวจโดยรอบอย่างละะเอียด
“ตรงนี้แหละ” เว่ยสั่วพยักหน้า เขาจำบริเวณที่หญ้าหยกเมฆาเติบโตได้แม่น
“เจ้าลองใช้ปราณกระบี่วารีค่อยๆตัดหินย้อยบริเวณนี้อออก ทำช้าๆนะ” ชายชราขมวดคิ้วจ้องมองหินย้อยที่มีหญ้าหยกเมฆางอกออกมา คิดว่าลึกเข้าไปในนี้อาจมีแก่นหินย้อยอยู่
“ได้”
เว่ยสั่วเคยเห็นเย่เสี่ยวเจิ้งค่อยๆตัดเปิดผนังถ้ำเพื่อนำหยกเย็นออกมาในคราวนั้น จึงเข้าใจว่าต้องทำอะไร และเริ่มโคจรวิชาโดยให้ปราณกระบี่วารีเคลือบมือเอาไว้
ค่อยๆช้อนมือกรีดเอาหินย้อยออกมาทีละนิด หลังจากกรีดไปไม่นานก็ปรากฏบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหยกขาวอยู่ภายใน พร้อมกับของเหลวสีขาวที่กำลังซึมออกมาจากหยกก้อนนั้น
“ท่าไม่ดีแล้ว แก่นหินย้อยซึมออกมาเร็วมาก รีบผ่าเอามันออกมาก่อนที่แก่นหินย้อยพวกนี้จะสลายกลายเป็นปราณไปก่อน!” สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยน คาดไม่ถึงว่าเว่ยสั่วจะเฉือนลึกเกินไป จนทำให้ปราณที่อยู่ภายในไหลออกมา
แต่สิ่งที่ทำให้ชายชราตกใจคือ เว่ยสั่วกลับตอบสนองกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่า เพราะทันทีที่เห็นของเหลวสีขาวซึมออกมา เขาหยุดมือทันที แล้วก้มหน้าใช้ปากดูดเอาของเหลวเหล่านั้นเข้าเข้าไปในท้องทั้งหมด
“บ้าเอ้ย!”
ด้วยความที่ยังไม่มีเวลาให้ลิ้มรสชาติของแก่นหินย้อย พวกมันที่เข้าไปอยู่ในท้องก็เริ่มออกฤทธิ์ ปราณจำนวนมหาศาลปะทุขึ้น ไหลเวียนไปถึงร่างราวกับสายน้ำเชี่ยวกราด “ปราณพวกนี้!”
เว่ยสั่วรู้ถึงผลที่จะตามมา
“รีบโคจรวิชาชี้นำปราณพวกนั้น!” ชายชรากล่าวเตือน
เว่ยสั่วได้สติ เร่งนั่งลงกับพื้นโคจรวิชาเพื่อชักนำปราณ ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก ปราณภายในร่างก็เริ่มสงบ
“เพล้ง!”
เสียวราวกับบางสิ่งในร่างกายแตกออก เว่ยสั่วอ้าปากพ่นควันสีม่วงออกมา
“ในที่สุดก็ทะลวงเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4!” เขาลืมตาพลางยิ้มด้วยความดีใจ...