ตอนที่แล้วบทที่ 73 โด่งดัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 75 รักษาแผล

บทที่ 74 คำสั่งเสียสุดท้ายของหนิงชิงเชวี่ย


เย่โม่เข้ามาถึงภายในสวน  เขากลับพบว่าหน้าเตียงของหนิงชิงเชวี่ยมีผู้หญิงอายุราว 30 กว่าปีนั่งอยู่  ใบหน้าของเธอคล้ายกับหนิงชิงเชวี่ยอยู่หลายส่วน  คาดว่าคงจะเป็นแม่ของหนิงชิงเชวี่ยนั่นเอง  แต่หน้าของเธอดูคล้ายเยาว์วัยคล้ายกับวัยรุ่นคนหนึ่งจริงๆ  หากไม่ใช่เพราะหนิงชิงเชวี่ยเกิดเรื่องขึ้น...บางทีคนแม่อาจจะดูเด็กกว่าคนลูกก็เป็นได้

แม่ของหนิงชิงเชวี่ยเฝ้าอยู่อย่างนี้  เย่โม่เองก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปอีท่าไหนเหมือนกัน

ขณะที่เย่โม่กำลังลังเลอยู่นั้นเอง  แม่ของหนิงชิงเชวี่ยที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าเตียงกลับพูดขึ้นมา  “ชิงเชวี่ย… วางกล่องพยาบาลในมือลงแล้วนอนเถอะนะลูก”

“แม่คะ  แม่นอนก่อนเถอะ  หนูอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”  เสียงที่ตอบกลับมาแผ่วเบา  หากเย่โม่ไม่มีจิตสัมผัสคงยากจะได้ยิน

ผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าเตียงถอนหายใจ  ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น  “แม่กับพยาบาลจะนอนอยู่ข้างนอกนะ   มีปัญหาอะไรก็กดกริ่งได้เลยนะลูก  ถ้าปวดขึ้นมาก็บอกแม่  จะได้บอกให้พยาบาลเอายาแก้ปวดมาให้”

เย่โม่มองแม่ของหนิงชิงเชวี่ยเดินออกมาจากห้องพลางปาดน้ำตา  ข้างนอกห้องได้ถูกเปลี่ยนเป็นสถานพยาบาลเฉพาะกิจไปเสียแล้ว  พยาบาลสาว 2 คนกำลังนอนพักผ่อนอยู่ข้างนอกเช่นเดียวกัน

เย่โม่นิ่งรอสักพักหนึ่งจนกระทั่งแม่ของหนิงชิงเชวี่ยนอนหลับ  เขาเดินเข้าไปแล้วกดจุดหลับของคนเหล่านั้นอย่างเงียบๆ  เขาไม่อยากให้มีใครพุ่งเข้ามาในห้องตอนที่เขากำลังรักษาอยู่

หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จเย่โม่ก็เข้าไปในห้องของหนิงชิงเชวี่ย  แรกเริ่มเดิมทีห้องนอนนี้ก็เป็นเขาที่เคยอยู่อาศัย  แต่หลังจากหนิงชิงเชวี่ยย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเขาก็ยกห้องนี้ให้เธอไป  เมื่อเดินเข้ามาในห้องเย่โม่ก็รู้สึกทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกใหม่ในเวลาเดียวกัน

มองไปยังหนิงชิงเชวี่ยที่นอนกอดกระเป๋าพยาบาล  เย่โม่ก็รู้ว่าอาการของเธอสาหัสมาก  เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง  แต่เย่โม่ไม่เข้าใจว่าเธอจะกอดกระเป๋าพยาบาลของเขาไว้เพื่ออะไร

เย่โม่กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะบอกหนิงชิงเชวี่ยไปตรงๆ ว่าเขาจะรักษาเธอ...หรือปล่อยให้เธอหลับก่อนค่อยลงมือดี  แต่ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ ของหนิงชิงเชวี่ย  ทั้งยังเห็นโทรศัพท์สีแดงในมือของเธอด้วย  เย่โม่เข้าใจได้ทันที  โทรศัพท์เครื่องนั้นกำลังบันทึกเสียงอยู่  หนิงชิงเชวี่ยกำลังสั่งเสียนั่นเอง

“เย่โม่...ขอโทษ  ฉันต้องไปแล้ว  เป็นฉันเองที่ทำร้ายนาย  ฉันเสียใจจริงๆ แต่ฉันก็ยังอยากเจอนายอีกสักครั้งก่อนตาย  พูดขอโทษต่อหน้านาย...หลังจากผ่านเรื่องราวพวกนี้มา  ฉันถึงได้รู้ถึงความโง่ของตัวเอง...และรู้ว่านายใจกว้างแค่ไหน  ฉันไม่นึกเสียใจเลยที่ได้ปกป้องดอกไม้ดอกนั้น...ฉันเสียใจก็แต่ความผิดที่ฉันทำไว้กับนายเท่านั้น”

“ได้เห็นจดหมายของนายฉันจึงค่อยได้รู้ว่านายโดดเดี่ยวแค่ไหน  ไม่เคยมีเพื่อนแม้แต่คนเดียว...แต่ฉันก็ยังทำตัวร้ายกาจ  ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า...ทั้งยังใช้เงินที่นายขายเลือดได้ไม่กี่พันหยวนไปซื้อไวน์อีก...ฉันไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของนายเลย  ฉันคิดจะทำอะไรก็ทำ....ตอนที่ฉันเริ่มสำนึกได้ก็สายไปเสียแล้ว...”

หนิงชิงเชวี่ยไอออกมา 2-3 ครั้ง  สีหน้ายิ่งเปลี่ยนเป็นซีดขาวมากขึ้น  ทว่าเธอก็ยังพูดบันทึกเสียงต่อไป  “เย่โม่...ฉันเองก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ารักนายหรือเปล่า  แต่ถ้าฉันมีโอกาสได้หมั้นกับนายอีกสักครั้ง...ฉันไม่มีทางเอานายไปเป็นโล่ห์แบบนั้นแน่...ฉันเต็มใจจะแต่งงานกับนาย...บางทีมันอาจไม่เกี่ยวกับความรัก...และกลัวว่านายคงจะมองว่าฉันไม่คู่ควร...ฉันเก็บทะเบียนสมรสไว้กับตัว  ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้หย่ากับนาย...หลังจากนี้ฉันก็ไม่คิดจะทำเช่นกัน  ในชาตินี้นายจะเป็นสามีเพียงคนเดียวของฉัน...ต่อให้นายจะไม่รับรู้...ต่อให้นายไม่ยอมรับ ฉันหนิงชิงเชวี่ยก็เต็มใจจะเป็นภรรยานาย...และตอนนี้ฉันก็เป็นแล้ว”

“เย่โม่...ถึงยังไงฉันก็อยากพูดขอโทษนายอยู่ดี...ฉันเป็นภรรยาของนาย  แต่ไม่เคยทำหน้าที่นั้นเลยสักครั้งเดียว  มีแต่ทำให้นายต้องลำบากใจ...ฉันคล้ายกับเด็กสาวไม่รู้ความ  เคยคิดว่าตัวเองรู้ทุกเรื่อง”  หนิงชิงเชวี่ยนิ่งค้างไปพักใหญ่  “…เย่โม่  ฉันจะอวยพรนายจากบนสวรรค์นะ...นายต้องหางานดีๆ ทำนะ  เสียดายที่ไม่ได้มีทายาทเหลือไว้ให้กับนาย...นายต้องหาผู้หญิงที่รักนาย...อย่าให้เป็นเหมือนฉัน...”

พูดถึงตรงนี้หนิงชิงเชวี่ยก็หอบหายใจอยู่หลายเฮือก  มือของเธอลูบไล้กระเป๋าพยาบาลในอ้อมอกแล้วพูดอีกครั้ง  “ชาตินี้ฉันยังไม่มีโอกาสเรียกนายว่าสามีเลยสักครั้ง  ฉันอยากจะเรียกนาย...แต่ฉันก็เรียกไม่ออก...”

“มีดอกไม้อยู่ดอกหนึ่งในสวน  ฉันดูแลมันอย่างดีทุกวัน…เพราะฉันเคยเห็นนายทำแบบนี้มาก่อน  ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์กับนายไหม...ถ้าหากว่ามีประโยชน์...รอมันโตนายก็เอามันไปเถอะ...บางทีนั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันพอจะเหลือไว้ให้กับนายได้แล้ว...”

“เย่โม่...สามี...สบายดีไหม?”  เสียงของหนิงชิงเชวี่ยค่อยๆ แผ่วเบาลง

เย่โม่เกิดรู้สึกอึดอัดและละอายใจเล็กน้อย  พูดกันตรงๆ แล้วตอนนั้นที่เขาช่วยหนิงชิงเชวี่ยไม่ใช่เพราะเขาใจกว้างอะไรอย่างที่เธอคิดหรอก  เขาช่วยก็เพราะท่าทางโศกเศร้าของเธอดันไปคล้ายกับอาจารย์ของเขาลั่วอิ่ง   ดังนั้นเขาจึงเต็มใจจะช่วยเธอ  คล้ายกับจะเป็นความหวังลึกๆ ในใจเขาที่อยากให้มีคนช่วยอาจารย์ลั่วอิ่งตอนที่เธอทุกข์ใจเช่นเดียวกัน

ทั้งยังมีเรื่องเงินจากการขายเลือดนั่นอีก  เขาไม่ได้ทำเพื่อเธออย่างที่เข้าใจ  ต่อให้เขามีเงินเหลือพอเหลือใช้เขาก็ยังจำเป็นต้องขายเลือดอยู่ดี  สิ้นเปลือง...ก็อาจจะเรียกแบบนั้นได้  แต่หนิงชิงเชวี่ยกลับคิดว่าที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อหาเงินเลี้ยงดูเธอจนตัวเองต้องมารู้สึกผิดแบบนี้

จะเห็นได้ว่าเดิมทีนั้นตัวหนิงชิงเชวี่ยถือว่าเป็นหญิงสาวจิตใจงดงามคนหนึ่ง  ทว่าด้วยสภาพแวดล้อมและฐานะทำให้เธอเกิดความรู้สึกสูงส่งภาคภูมิใจในตัวเอง...จนทำให้เธอไม่ค่อยจะชอบคนแปลกหน้านัก  หรือเรียกว่าหยิ่งนั่นเอง  แต่อันที่จริงแล้วหากลอกเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้อยู่ล่ะก็...เธอก็เป็นแค่หญิงสาวจิตใจดีขี้สงสารคนหนึ่งเท่านั้น  น่าเสียดายที่เธอยังสับสนระหว่างความรักกับความซาบซึ้งรู้สึกผิดอยู่  บางทีสักวันหนึ่งเธออาจจะเข้าใจ

เย่โม่ถอดถอนใจ  ความรู้สึกอยากช่วยหนิงชิงเชวี่ยยิ่งแน่วแน่มากขึ้น  ตอนนี้เขายังไม่อยากบอกเธอ   ถึงยังไงทักษะที่เขามีก็คงดูแปลกประหลาดน่าพิศวงสำหรับคนธรรมดาทั่วไป  มีแต่จะทำให้เธอหวาดกลัวเสียเปล่าๆ

ขณะที่เย่โม่คิดว่าหนิงชิงเชวี่ยผลอยหลับไปแล้วและเตรียมจะจี้สกัดจุดเธอเพื่อทำการรักษาอยู่นั่นเอง   อยู่ๆ หนิงชิงเชวี่ยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากระซิบ  “พ่อคะแม่คะ  หนูไปแล้วนะ...หนูมันลูกไม่รักดี  หนูแต่งงานให้กับเย่โม่ไปแล้ว...กระเป๋าพยาบาลใบนี้เป็นสินสอดที่เขาเหลือไว้ให้  พอถึงเวลาก็อย่าเอากระเป๋าใบนี้ไปจากหนูนะ  ในสวนมีดอกไม้อยู่ดอกหนึ่งที่หนูเหลือทิ้งไว้ให้เย่โม่...ถ้าเขามาแล้วก็เอาโทรศัพท์เครื่องนี้ให้เขาไปด้วย  แต่ถ้าเขาไม่มา...”  หนิงชิงเชวี่ยนิ่งไปนาน  “งั้นก็ช่างเถอะ...”

“ขอโทษนะคะที่ทำให้ครอบครัวของเราต้องลำบากแล้วชิงหนีไปแบบนี้...”

เสียงของหนิงชิงเชวี่ยเบาลงอย่างกะทันหัน  ขณะที่เย่โม่กำลังคิดจะบอกเธอว่าเขามาแล้วอยู่นั่นเอง...หนิงชิงเชวี่ยก็หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่างกะทันหัน  เธอแทงไปที่คอของตัวเองทันที!

เย่โม่ตกตะลึง  ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว  เพียงก้าวเดียวเขาก็มาถึงตรงหน้าหนิงชิงเชวี่ย  ด้วยว่าห่างกันไกลทำให้เขาคิดจะคว้ามีดไว้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว  เย่โม่จึงทำได้เพียงยื่นแขนไปขวางบริเวณคอของหนิงชิงเชวี่ย

มีดเล่มนั้นเสียบแขนของเย่โม่แต่ก็ถูกพลังปราณของเขาสกัดไว้  ทำให้มันไม่อาจแทงลึกไปมากกว่านี้อีก

เนื่องด้วยแรงที่ใช้มากเกินไป  ทำให้หนิงชิงเชวี่ยสลบไปอีกครั้ง...เย่โม่ดึงมีดออก  ถึงแม้มันจะแทงได้ไม่ลึกแต่ก็พอจะเรียกเลือดเขาได้อยู่บ้าง

เย่โม่หยุดเลือดจากแผล  เมื่อเห็นว่าหนิงชิงเชวี่ยสลบไปแล้วก็เริ่มสกัดจุดเธออีกครั้ง  ป้องกันไม่ให้เธอตื่นขึ้นมากลางคัน  ทำเสร็จเขาจึงค่อยหยิบกระเป๋าพยาบาลออกจากอ้อมกอดของเธอ

แต่เย่โม่กลับพบว่าหนิงชิงเชวี่ยกอดกระเป๋าพยาบาลใบนี้เอาไว้แน่นมาก  ถึงจะสลบไปแล้วแต่มือของเธอกอดรัดมันเอาไว้อย่างแน่นหนา  นอกจากใช้แรงบังคับเอามา...ก็คงไม่มีทางเอากระเป๋าจากเธอได้

เย่โม่ส่ายหัวด้วยความจนใจ  ทำได้เพียงเปิดกระเป๋าทั้งอย่างนั้น  ของข้างในยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...เย่โม่หยิบยาขึ้นมา 1 เม็ด  และชุดเข็มข้างใน

เย่โม่ป้อน ‘ยาปกป้องหัวใจ’ เข้าไปในปากของหนิงชิงเชวี่ย 2 เม็ด  จากนั้นจึงใช้พลังปราณช่วยเธอดูดซึมยาอีกแรง

เย่โม่หยิบเข็มเงินทั้ง 108 เล่มออกมา  อัดพลังปราณเข้าไป  พลิกร่างของหนิงชิงเชวี่ยแล้วถอดเสื้อบนของเธอออก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด