PTH42 ถ้ำกระดูกแพะ
“ถ้าได้อาภรณ์เพลิงเมฆาแทนคงจะดี!”
ภายในบ้านหลังเล็ก เว่ยสั่วกลับมาจากภูเขาว่านเฉอ จ้องมองผ้าคาดเอวหงส์เพลิงที่ได้มา ผ้าคาดเอวหงส์เพลิงและอาภรณ์เพลิงเมฆาเป็นสมบัติที่มีชื่อเสียงของแคว้นภูเขาวิญญาณ ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมามีนามว่า เว่ยฮัวหลิง เป็นผู้สร้างสมบัติที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองดาราเงิน โดยใช้ศิลาเพลิงและไหมเพลิงในการถักทอ มีพลังป้องกันที่ทรงพลังขนาดที่ต้านทาานการจู่โจมของเขตขั้นวัฏจักรสวรรค์ได้ ที่สำคัญ หากมีปราณหนุนเสริมมากพอก็สามารถใช้ป้องกันได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากผ้าคาดเอวหงส์เพลิง อาภรณ์เพลิงเมฆา ยังมีสมบัติอีกชิ้นที่มีชื่อเสียง นามว่าผ้าคลุมกิเลนเพลิง
ร่างของอสรพิษเขาเดี่ยวที่เว่ยสั่วเก็บมานำไปแลกเป็นศิลาวิญญาณ ส่วนผ้าคาดเอวหงส์เพลิงเว่ยสั่วเก็บเอาไว้ ชื่นชมกับวัสดุที่นำมาสร้าง เพราะให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม เบาสบาย บ่งบอกถึงวัสดุชั้นเลิศที่นำมาสร้าง
เว่ยสั่วลองจินตนาการ หากฉุ่ยหลิงเอ๋อร์เป็นผู้ที่สวมผ้าคาดเอวนี้เอาไว้ นางคงงดงามหยดย้อยจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย
หากนำผ้าคาดเอวหงส์เพลิงไปประมูลที่พลับพลาหยกทอง อย่างน้อยสมควรได้ราคาที่ 1000 ศิลาวิญญาณระดับล่าง
การไปเยือนภูเขาว่านเฉิงในครั้งนี้ได้พบทั้งอสรพิษยักษ์เขาเดี่ยว ทั้งยังได้สมบัติป้องกันที่ทรงพลังกลับมา หากจะให้เว่ยสั่วฝึกวิชาป้องกัน ด้วยระดับพลังของเขาย่อมไม่อาจสร้างเกราะคุ้มกายที่ทรงพลังมากพอให้เอาชีวิตรอดได้ ดังนั้นยามนี้ สิ่งที่เหมาะใช้คุ้มกายมากที่สุดคือสมบัติคุ้มกาย
แต่ผ้าคาดเอวหงส์เพลิงเป็นของสตรี อาภรณ์เพลิงเมฆาจึงเป็นของบุรุษ หากให้เว่ยสั่วสวมผ้าคาดเอวสตรีเอาไว้คงดูแปลก
“ด้วยระดับพลังของเจ้าตอนนี้ การที่เอาชีวิตรอดจากอสรพิษเขาเดี่ยวที่เป็นถึงอสูรระดับ 4 มาได้ก็ขอบคุณสวรรค์แล้ว” ชายชราที่มองเว่ยสั่วอยู่กล่าวพลางหัวเราะ “เจ้าสังหารอสรพิษเขาเดี่ยวได้ ทั้งยังได้สมบัติคุ้มกันที่ไม่ธรรมดามา นับว่าโชคดีจริงๆ”
เว่ยสั่วเองก็คิดเหมือนชายชรา วันนี้ถือว่าตนเองเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มหาศาล
ทันทีที่กลับมาจากภูเขาว่านเฉอ เว่ยสั่วมุ่งไปยังพลับพลาหยกทองเพื่อขายซากอสูรที่ได้มาทั้งหมด ด้วยความที่ทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนของเถี่ยเซ่อ การที่หาอสูรระดับสูงมาขายได้จึงไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
อสรพิษประหลาดที่ได้มาขายได้ทั้งหมด 150 ศิลาวิญญาณ ส่วนอสรพิษยักษ์ที่เก็บมาเพียงบางส่วน ขายได้ทั้งหมด 250 ศิลาวิญญาณระดับล่าง รวมทั้งหมด 400 ศิลาระดับล่าง
เว่ยสั่วนำยันต์เพลิงออกมาดู การไปเยือนเขาว่านเฉอทำให้เขาสูญยันต์ไปไม่น้อย ยามนี้จึงเหลือเพียง 80 แผ่นเท่านั้น
หากนับยันต์เพลิงและยันต์น้ำแข็งที่เว่ยสั่วมีทั้งหมดยามนี้ คิดเป็นศิลาวิญญาณระดับล่างได้มากถึง 300 ก้อน หากนำผ้าคาดเอวหงส์เพลิงไปขายด้วย น่าจะได้ศิลาวิญญาณมากกว่าผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดทุกคนมี
“ต้องทะลวงเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 ให้ได้!” หลังจากนับศิลาวิญญาณทั้งหมดที่ตนมี เว่ยสั่วจึงนำศิลาวิญญาณระดับกลางออกมาเพื่อเตรียมดูดซับ
“อะไร?”
แต่ก่อนจะได้เริ่มดูดซับ จู่ๆบริเวณอกเสื้อกลับเปล่งแสงสีม่วงขึ้น
“หนานกงยู่ฉิงเรียกหาข้า? ทำไมนางต้องตามตัวข้าตอนนี้ด้วย?”
เว่ยสั่วเอามือสัมผัสบริเวณที่เปล่งแสงพลางขมวดคิ้ว เพราะได้รับข้อความบางอย่างจากนางผ่านจี้หยก
ยามนี้เป็นยามราตรี เว่ยสั่วควรจะเก็บตัวฝึกฝน แต่เขากลับลุกจากเตียง แล้วสวมชุดคลุม
“เจ้าทำอะไร?”
ชายชราจ้องมองตามเว่ยสั่วด้วยหน้าประหลาดใจ
“ก็ทำในเรื่องที่สมควร ตอนนี้ข้าไม่มีวิชาป้องกัน สมบัติป้องกันก็ไม่มี เลยต้องคาดเอวด้วยผ้านี้ไปก่อน อีกอย่างข้าซ่อนไว้ข้างในไม่มีใครเห็นหรอก” เว่ยสั่วคาดเอวด้วยผ้าคาดเอวหงส์เพลิง
“อืม… ก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน” ชายชราพูดไม่ออกกับการกระทำ อยู่มานานหลายปีเพิ่งเคยเห็นบุรุษที่สวมผ้าคาดเอวของสตรี หากคนอื่นรู้เข้าคงขายขี้หน้า
“อึดอัด...” เว่ยสั่วสวมอาภรณ์ไว้หลายชั้นทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะไม่คุ้นชิน แต่เมื่อคิดว่ามันรักษาชีวิตของตนได้ ก็เลือกที่จะใส่มันต่อไปจนกว่าจะหาสิ่งอื่นมาทดแทน
เว่ยสั่วคิดว่าการที่นางเรียกเขาตอนนี้อาจเพราะมีเรื่องสำคัญ เขาจึงเร่งมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายคือทางตอนเหนือของเมือง บริเวณที่มีป้ายประกาศใหญ่ที่สุด
“ขายโอสถราคะที่จะทำให้การร่วมรักบรรลุถึงจุดสูงสุดหลายครั้ง”
“รับซื้อแก่นอสูรระดับ 3 ราคาสูง… ขายยันต์ชนิดต่างๆในราคาสมเหตุสมผล”
“ขายวิชาลับราคาไม่แพง”
ข่าวและคำโฆษณามากมายติดประกาศอยู่บนป้ายขนาดใหญ่ เมื่ยเว่ยสั่วไปสถานที่นัดหมาย กลับไม่เห็นหนานกงยู่ฉิงแม้แต่เงา
“ท่านแซ่เว่ยหรือเปล่า?” ในขณะที่เว่ยสั่วกำลังมองหานางอยู่นั้น ผู้เยาว์อายุราว 8 ขวบ อาภรณ์ขาดวิ่น เดินเข้ามาหาเว่ยสั่วและกล่าวถาม
เว่ยสั่วสงสัยแต่ก็กล่าวตอบไป “ข้าแซ่เว่ย… เจ้ามีธุระอะไร?”
“แล้วชื่อของท่านหล่ะ?” เด็กสาวอีกคนหนึ่งปรากฏตัว
“ข้าชื่อเว่ยสั่ว”
“เว่ยสั่ว... เช่นนั้นน่าจะถูกต้องแล้ว” ผู้เยาว์ทั้งสองเผยสีหน้ามีความสุข “พวกข้ารอท่านอยู่นานแล้ว”
“พวกเจ้ารอช้า?” เว่ยสั่วประหลาดใจ
“ใช่… มีพี่สาวสวยๆคนหนึ่งบอกให้พวกข้ารอพบท่าน ให้มอบสิ่งนี้ให้ท่าน แต่ใครจะรู้ว่าท่านจะมาช้าขนาดนี้”
เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าจากปากเด็กทั้งสอง เว่ยสั่วก็รู้ว่าผู้ที่บอกให้เด็กสองคนนี้รอคือหนานกงยู่ฉิง
เด็กทั้งสองยื่นม้วนกระดาษให้เว่ยสั่ว เมื่อเปิดอ่านเนื้อหาภายในพบว่า นางต้องการของบางสิ่งจึงอยากให้เขาช่วย และให้เขาเร่งไปที่ถ้ำกระดูกแพะ นางรอเขาอยู่ที่นั่น
“กลางคืนแบบนี้นางอยากได้อะไร?”
เว่ยสั่วขบคิด ถ้ำที่นางบอกนั้นอยู่ห่างจากเมืองจิตวิญญาณสูงสุดไปทางตะวันออกด้วยกัน 1200 ลี้ ที่เป็นภูเขาหินปูนที่มีลักษณะคล้ายกับกระดูกแพะ จึงได้ชื่อว่าภูเขากระดูกแพะ
เขากระดูกแพะมีขนาดใหญ่มาก ทางใต้ของภูเขามีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง ลึกเข้าไปภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย สายน้ำ และอสูรระดับ 2 ที่กินหินภายในถ้ำเป็นอาหาร อสูรที่ว่าคือตัวไหม แม้ทั่วไปจะมีลำตัวที่อ่อนนุ่ม แต่เมื่อยามเผชิญศัตรู ตัวมันจะแข็งขึ้นราวกับมีหินในถ้ำปกคลุม ยากจะทะลวงผ่านเกราะคุ้มกายของพวกมัน
“ถ้าเป็นบุรุษเข้าถ้ำไม่ถือว่าแปลก แต่นางจะเข้าไปทำไม?”
การจะเข้าไปภูเขาแห่งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะในเมืองมีข่ายอาคมเคลื่อนย้ายพาไป
ยามราตรีแบบนี้ มนุษย์จะมีการมองเห็นที่จำกัด แต่อสูรมองเห็นได้ดีกว่ามนุษย์ การออกไปยังที่ที่มีอสูรอยู่นับว่าเป็นตราย
“พวกเจ้าไม่รู้จักข้ามาก่อน ทำไมรู้ว่าข้าคือเว่ยสั่ว?” เว่ยสั่วอดถามเด็กน้อยไม่ได้
“พี่สาวคนสวยบอกพวกข้ามา ว่าท่านผมสั้น และดูเป็นคนที่น่ากลัว” เด็กสาวกล่าว
เว่ยสั่วพูดไม่ออก ทำได้เพียงเร่งมุ่งหน้าไปข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเพื่อมุ่งไปภูเขากระดูกแพะ...