Chapter 40-41: สามทหารเสือ, ผลิตน้ำมัน
Chapter 40 : สามทหารเสือ
มีชายแก่ 3 คน, อายุประมาณ 76-80 ปี, ที่บอกว่าพวกเขาอยากทำงานในเหมือง, หรือไม่ก็ชาวประมงหรือนักล่า
ครอบครัวของพวกเขานั้นยืนอยู่ข้างหลังและมองแลนดอนด้วยสายตาเชิงขอโทษ
ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมองเขาแบบนั้น... แต่หลังจากที่ได้คุยกับคนแก่พวกนี้อยู่พักนึง, เขาก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในสายตาของพวกเขา
ทั้งสามคนนี้, อ้างว่าแข็งแกร่งเหมือนวัว คนนึงมีชื่อว่าวิลโล่, ในขณะที่อีก 2 คนชื่อเฮอร์มอนกับไพทัส
แน่นอนว่าแลนดอนจะไม่มีวันยอมให้คนพวกนี้ได้ทำงานในเหมือง, เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมั่นใจ 99% ว่าการทำงานที่นั่นจะไม่ส่งผลกับสุขภาพของพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง
ในขณะที่เขามองทั้ง 3 คนเขาก็ยิ่งถูกโน้มน้าวให้ปฏิเสธ
แลนดอนคิดจริงๆว่าถ้าพวกเขาออกไปยืนข้างนอกในวันที่ลมแรง, สายลมจะพัดพวกเขาปลิวอย่างแน่นอน
“เจ้าหนู, นี่เจ้าคิดว่าพวกข้าอ่อนแอใช่ไหม?”
ชายแก่เฮอร์มอนถาม
“ว่าไงนะ?”
ไพทัสถามเฮอร์มอน, เพราะเขาได้ยินสิ่งที่เฮอร์มอนพูดไม่ค่อยชัด
ไพทัสนั้นมีปัญหาในการได้ยินเนื่องจากมีอายุเยอะแล้ว
“เขาบอกว่าพวกเราอ่อนแอ!!”
ชายแก่วิลโล่พูดซ้ำในขณะที่ตะโกนเข้าไปในหูของไพทัส
ตอนนี้ไพทัสเข้าใจแล้ว
“อะไรนะ!!!! นี่เจ้ากล้าพูดว่าพวกข้าอ่อนแอหรอ!”
แลนดอนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาบอกว่าพวกเขาอ่อนแอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? พวกเขาเป็นคนบิดเบือนคำพูดของเขาไม่ใช่หรอ?
“เจ้ารู้รึเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”
ไพทัสถามในขณะที่ชี้ไปทางวิลโล่
จะไปรู้ได้ยังไงกันห้ะ?
แลนดอนคิด
ในขณะที่ไพทัสพูด, วิลโล่ก็หันออกข้าง, ราวกับกำลังจะโพสท่าถ่ายรูป จากนั้นเขาก็เริ่มเบ่งกล้ามตั้งใจจะโชว์กล้ามเนื้อที่มันไม่มีตัวตนอยู่
“ทีนี้รู้รึยังหล่ะว่าเขาเป็นใคร!!”
เฮอร์มอนเองก็พูดเสริม
“ชายคนนี้คือชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!”
ขอไม่เชื่อแล้วกันนะ
แลนดอนคิดในขณะที่เขามองวิลโล่ที่กำลังเบ่งกล้าม
“ชายผู้นี้เคยต่อสู้กับนักฆ่าด้วยนิ้วเดียวมาแล้ว....นักฆ่าของจริงเลยหล่ะ...แถมเป็นตัวที่ร้ายกาจที่สุดด้วย”
เฮอร์มอนพูดในขณะที่ทำไม้ทำมืออย่างเมามัน
“การต่อสู้โหดร้ายมากข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลย!!....เขารับดาบด้วยนิ้วเดียวและใช้นิ้วเดียวกันนั้นสะบั้นหูข้างนึงของนักฆ่าคนนั้น”
นี่คิดว่าอยู่ในโลกกำลังภายในกันรึไง?
“ใช่แล้ว!!....เขาตัดหูของนักฆ่าด้วยนิ้วเดียว, และติดกลับเข้าไปใหม่กับอีกข้างนึง, ในขณะที่ใช้ขาขวารับการโจมตีของศัตรู”
ไพทัสพูด
ทางชีวะวิทยามันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ
“แล้วก็นะ, เขาเป็นชายคนเดียวที่เคยว่ายน้ำจากวิเอนน่าไปยังอาณาจักรคาโรน่าโดยไม่ใช้เรือด้วย!!”
ถ้าเป็นจริงตอนนี้แขนขาของเขาคงหมดสภาพแล้วหล่ะ
“แล้วเขาก็เคยจับปลาที่ตัวใหญ่เท่ากับที่ดินนึงแห่งและจัดการมันเป็นชิ้นๆเลยหล่ะ”
เฮอร์มอนพูด
นั่นคงจะเป็นปลาวาฬ, และก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายมันได้ขนาดนั้นด้วย
“แถมครั้งนึงเขายังเคยเขวี้ยงหินขนาดยักษ์ 5 ลูกด้วยมือขวา, ในขณะที่ดื่มไวน์ด้วยมือซ้ายอีก”
สรุปเป็นตัวอะไรกันแน่? ซุปเปอร์แมนหรอ?
แลนดอนคิด
วิลโล่มองแลนดอนที่ดูไม่เชื่อเลยซักนิดแล้วส่งเสียงฮึดฮัด
“ก็ได้!! ถ้าเจ้าไม่เชื่อ.. ข้าจะพิสูจน์ให้ดู”
ก่อนที่แลนดอนหรือพวกอัศวินจะเข้ามาห้ามเขา, วิลโล่ก็ได้ลองยกหินก้อนยักษ์ที่อยู่ข้างๆเขาแล้ว
แกร้กก!!!
คงจะต้องบอกเลยว่าเขาล้มเหลวอย่างน่าเศร้า
“โอ้ยยย!!! หลังของข้า!!..เจ้าโกหกข้า... ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนว่าหินก้อนนี้หนัก? ไอ้เด็กขี้โกง”
วิลโล่พูดในขณะที่กำลังคร่ำครวญ
แลนดอนรีบเข้าไปช่วยชายแก่
“นี่เขาขี้โกงสินะ? เจ้ากล้าโกงอย่างเปิดเผยแบบนี้ได้ยังไง?”
เฮอร์มอนพูด
“อะไรนะ!! เขาโกงหรอ?... มันก็มีเหตุผลอยู่นะ.. ชายที่แข็งแกร่งที่สุดจะพ่ายแพ้ให้กับหินก้อนเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ไพทัสพูดในขณะที่พยักหน้าอย่างเต็มที่
นี่มันมาจบที่เขาโกงได้ยังไงกัน? แล้วหินก้อนเล็กนี่หมายความว่ายังไง? หินก้อนนั้นหนักอย่างน้อย 200 กิโลเลยไม่ใช่หรอ?
แลนดอนหันกลับมาแล้วเห็นลูเซียสกับพวกอัศวินพยายามกลั้นหัวเราะ
“ข้าขอแก้ตัว... ข้าไม่ได้อ่อนแอนะบอกเลย!!... เจ้าอาจจะทำอะไรกับหินแล้วโกงข้าก็ได้”
วิลโล่พูด
ตาแก่เอ้ย, ถึงฉันจะมีระบบ, ฉันก็ไม่มีวันใช้กับการแข่งขันที่ยุติธรรมหรอกถูกไหม?....เดี๋ยวนะ, เดี๋ยว, เดี๋ยวก่อน!! นี่เราพูดอะไรเนี่ย? มันกลายเป็นการแข่งขันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เห็นได้ชัดว่าตาแก่พวกนี้ยัดเยียดเรื่องนี้กับเราและตอนนี้ก็มาอ้างว่าเราโกงด้วยไม่ใช่หรอ?
“เดี๋ยวก่อน.. ไม่มีใครบอกว่าพวกเจ้าอ่อนแอซักหน่อย อันที่จริง, ข้าคิดว่าพวกเจ้าทุกคนแข็งแกร่งมากเลยนะ”
แลนดอนพูด
“เจ้าคิดว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าสินะ?”
วิลโล่ถาม
“แน่นอน”
แลนดอนตอบ
แลนดอนรู้สึกเอือมจริงๆ จะให้เขาตอบอะไรได้อีกหล่ะ?
“ดี....แค่เจ้ารู้ว่าข้าแข็งแกร่งที่สุดในโลกก็พอแล้ว”
วิลโล่พูดพร้อมพยักหน้า
สุดท้าย, แลนดอนก็พูดกับชายแก่ทั้งสามให้ยอมรับงานประเภททำสวน แลนดอนแค่อยากให้พวกเขาตัดแต่งพุ่มไม้ในสวนราชวงศ์เท่านั้น
ตอนแรกพวกเขาปฏิเสธ, เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นงานหยุมหยิม เขาต้องใช้เวลาถึง 25 นาทีในการพยายามลดทอนอีโก้ของพวกเขา
คนแก่พวกนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเลี้ยงเด็กอยู่จริงๆ
พวกเขาอยากได้รับการเอาใจ คนอื่นๆต่างก็เรียกเขาว่าฝ่าบาท, แต่คนพวกนี้กลับเรียกเขาว่า ‘เจ้าหนู’ หรือ ‘ไอ้เด็กเมื่อวานซืน’ มันสามารถบอกได้เลยว่าคนพวกนี้เป็นพวกที่มักจะทำเรื่องต่างๆตามใจตัวเอง
.
.
แลนดอนมองหินก้อนใหญ่และตัดสินใจว่าจะย้ายมันออกไปจากที่นี่ ใครจะรู้หล่ะว่าจะมีประชาชนสูงอายุอีกกี่คนที่จะลองพิสูจน์ความแข็งแกร่งกับเขา
เขายกมันขึ้น... และในตอนนั้นเองที่เขากำลังจะย้ายหิน, ชายแก่ทั้งสามที่กำลังจะเดินออกไป, ก็บังเอิญเห็นเขายกหินและวิ่งกลับมาหาเขา
“นี่เจ้าคิดว่าเก่งกว่าพวกข้าจริงๆใช่ไหม?”
“เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าข้าหรอ?”
“เอาหินมานี่, ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งให้เจ้าดูเอง”
ในขณะที่มองชายแก่กำลังวิ่งมาทางเขา, ในที่สุดแลนดอนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมครอบครัวของพวกเขาถึงมองเขาแบบนั้น
*********************
Chapter 41: ผลิตน้ำมัน
หลังจากหนีชายแก่ได้สำเร็จ, แลนดอนก็ทำการประเมินผลของเขาต่อ
ไม่นานนักเขาก็ตระหนักได้ว่า, ตอนนี้เขามีผู้ใหญ่ที่ทำงานได้ 9,400 คน, จากทั้งหมด 14,125 คน
เมื่อรวมกับอาสาสมัคร 100 คนที่มาสร้างบ้านอิฐมอญก่อนหน้านี้, ตอนนี้เขาก็มีคนงานทั้งหมด 9,800 คน
แลนดอนไม่อยากเริ่มสร้างบ้านโดยที่ไม่มีระบบจัดการน้ำ, ระบบทำความร้อนส่วนกลางและระบบไฟฟ้า
หลังจากพยายามค้นหาในสมองของเขา, เขาก็ตระหนักได้ว่าท่อจำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่านกำแพงบ้านและอื่นๆ
ถ้าเขามาทำระบบทีหลัง, เขาก็จะต้องทุบกำแพงกับพื้น, เพียงเพื่อติดตั้งส่วนเสริมเหล่านี้ นี่มันก็แทบไม่ต่างอะไรจากการทำงานซ้ำสอง
แลนดอนวางแผนเอาไว้ว่าจะสร้างบ้านให้สำเร็จในอีก 4 เดือนถัดจากนี้
ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นช่วงเดือนกันยายน
ก่อนอื่นเขาจะเริ่มที่กระบวนการ ‘กลั่นน้ำมันดิบก่อน’
.
สำหรับแลนดอน, กระบวนการนี้คือชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับปริศนานี้เพราะมันคือแก่นของฝ่ายงานส่วนใหญ่
.
ถ้ามีน้ำมัน, แลนดอนก็จะสามารถสร้างยางสังเคราะห์ได้, ซึ่งมันจะสามารถนำมาใช้ทำยางรถ, ท่อหุ้มฉนวน, ด้ามจับยางและเครื่องมือสำคัญชิ้นอื่นๆ
นอกจากนี้, เขายังจำเป็นต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องจักรไฟฟ้าที่เขากำลังจะสร้างด้วย
มันไม่มีทางเลยที่แรงคนจะยกพวกท่อหนักๆที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันได้ นอกจากนี้พวกเขาต้องฝังท่อลงดินและขยับพวกมันไปนู่นไปนี่อีก
ดังนั้น, เขาจำเป็นต้องมีเครื่องจักรสำหรับก่อสร้างอย่างเช่นรถเครน, รถดันดินและอื่นๆ
ระบบ, ช่วยระบุตำแหน่งแหล่งน้ำมันดิบใต้ดินที่ใกล้ที่สุดให้หน่อยได้ไหม?
ระบบใช้เวลาหนึ่งนาทีก่อนที่จะตอบคำถามเขา
ตอบคำถามท่านโฮสท์, มีแห่งนึงอยู่ในมหาสมุทร, ห่างออกไปจากชายฝั่ง 7.4 กิโลเมตร และอีกแห่งนึง, ห่างออกไป จากกำแพงเมือง 3 กิโลเมตร
แลนดอนไม่ถูกใจกับคำตอบที่ได้รับเลย
เขาไม่มีเรือขุดเจาะน้ำมัน, สำหรับออกไปขุดที่ทะเล ดังนั้นตัวเลือกสุดท้ายของเขาก็คือการออกจากเมือง มันอยู่บนพื้นที่สูงที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองถัดไป
หลังจากที่คิดอยู่พักนึง, ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา ระบบเคยบอกว่าตัวเองแข็งแกร่งนักใช่ไหม?
ระบบ, ฉันอยากจะเปลี่ยนทิศทางไหลของน้ำมันมาที่ภูมิภาคตอนล่าง.... เอาเป็น.... ตรงนี้.....
แลนดอนพูด, ในขณะที่วงพื้นที่จุดนึงบนจอแสดงผล
ไม่ใช่ปัญหา ท่านโฮสท์อยากได้เป็นบ่อน้ำมันหรืออ่างเก็บใต้ดิน?
สำหรับตอนนี้, บ่อน้ำมันคงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอ่างเก็บน้ำมันใต้ดินหล่ะนะ
กลับไปที่โลกปัจจุบันเอง, มันก็มีอุตสาหกรรมน้ำมันมากมายที่ได้ประโยชน์เพราะบ่อน้ำมัน
ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกานั้น, มีทะเลสาบเล็กๆและบ่อน้ำมันดิบลอยอยู่บนผิวโลก ซึ่งบ่อพวกนี้, ก็คือบ่อน้ำมัน
ด้วยสิ่งนี้มันก็จะไม่จำเป็นต้องขุดดินลงไป, เพื่อให้ได้น้ำมัน เพราะน้ำมันจะลอยขึ้นมาให้เอง
มันเหมือนกับในการ์ตูนหลายๆเรื่องที่มีฉากมีคนเจอน้ำมันในดิน น้ำมันนั้นจะพุ่งขึ้นด้านบน, และบังคับให้ตัวเองพุ่งขึ้นมาจากพื้น
แน่นอนว่าในตอนที่แลนดอนสร้างสว่านขึ้นมาได้, เขาจะทำการขุดดินกับทะเลอย่างแน่นอน
สำหรับตอนนี้, คนงานคงต้องใช้ถังเหล็กมีหู, เพื่อตักน้ำมันจากบ่อไปก่อน
และก็ไม่ต้องบอกเลยว่าระบบคิดค่าใช้จ่ายสำหรับคำขอของเขา สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องใช้แต้มเทคโนโลยีไป 280 แต้ม
เนื่องจากส่วนงานอื่นๆยังไม่สามารถเริ่มงานได้เพราะไม่มีน้ำมัน, แลนดอนจึงให้คนงานทั้งหมด 9,800 คนช่วยสร้างโรงกลั่นน้ำมันแบบควบคุมเองขึ้นมาในอุตสาหกรรมเคมี
เขาได้จัดสรรอาคารหลังนึงสำหรับกระบวนการนี้, และภายใน 3 วัน, ทุกอย่างก็ถูกสร้างขึ้น
พวกเขาสร้างแทงค์แรงโน้มถ่วง 3 แทงค์, โรงกลั่นน้ำมัน 5 ส่วนที่มีเตาไฟอยู่ข้างล่างจำนวน 5 โรง, และแทงค์เก็บผลิตภัณฑ์ต่างๆกับระบบทำความร้อนขนาดเล็ก
แลนดอนอยากใช้ประโยชน์ของแรงโน้มถ่วงในจุดนี้, ดังนั้นเขาจึงสร้างแทงค์แรงโน้มถ่วงที่ลอยอยู่สูงกว่าโรงกลั่นน้ำมัน
แลนดอนรู้ว่าในตอนที่ทำผลิตภัณฑ์น้ำมันนั้น, มันจำเป็นต้องระบายน้ำที่อยู่ในน้ำมันออกก่อน
เขาได้ขอให้ทำ 3 แทงค์, เพื่อที่ในตอนที่แทงค์นึงเต็มและต้องรอเวลา, คนงานจะก็จะใช้เวลาตรงส่วนนี้มาเติมแทงค์ที่เหลืออีก 2 แทงค์
หลังจากผ่านไป 2 วัน, แรงโน้มถ่วงก็ได้แยกน้ำออกจากน้ำมัน
น้ำจะถูกระบายออกมาที่ด้านล่างและน้ำมันก็จะถูกส่งไปที่หอกลั่น
แลนดอนกับหัวหน้าวิกกินส์กำลังเฝ้าดูน้ำมันไหลลงไปที่ทางเข้าของหอกลั่น
“ฝ่าบาท, พวกเราเข้าสู่ขั้นตอนการกลั่นรึยังครับ?”
หัวหน้าวิกกินส์ถามในขณะที่มองแลนดอนอย่างตื่นเต้น
ตั้งแต่ที่แลนดอนเปิดโลกทัศน์ให้เขา, วิกกินส์ก็กลายเป็นเหมือนเด็ก 5 ขวบในทุกๆครั้งที่เห็นแลนดอน
พวกเขาจะพูดคุยเรื่องคณิตศาสตร์และเคมี, โดยแลนดอนจะคอยช่วยแนะวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เขามี
แลนดอนมั่นใจเลยว่าแม้กระทั่งวันแต่งงานของเขา, หัวหน้าวิกกินส์ก็น่าจะยังถามคำถามเขาเต็มไปหมด
แล้วเขาก็มั่นใจด้วยว่าถ้าเกิดเขาตายขึ้นมา, หัวหน้าวิกกินส์ก็อาจจะตบศพของเขาจนกว่าจะฟื้นขึ้นมา
ชายคนนี้เป็นคนที่หมกมุ่นกับเคมีอย่างแท้จริง
“กระบวนการกลั่นพึ่งจะเริ่มขึ้นเอง ข้าจะอธิบายให้ฟังในระหว่างที่กระบวนการยังดำเนินอยู่ก็แล้วกันนะ”
วิกกินส์พยักหน้าในขณะที่ตามการอธิบายของแลนดอนอย่างใจจดใจจ่อ
โรงกลั่นมี 5 ส่วน แต่จะใช้งานแค่ 3 ส่วนเท่านั้น
อีก 2 ส่วนที่เหลือจะเก็บเอาไว้สำรอง, เผื่อในกรณีที่ส่วนที่ทำงานอยู่จำเป็นต้องทำการตรวจเช็คและบำรุงรักษาตามรอบหรือได้รับความเสียหาย
โรงกลั่นหนึ่งส่วนจะมี 7 ทางออกและ 1 ทางเข้า ซึ่งทางออกพวกนี้มีไว้สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภท: แก๊สปิโตรเลียม, น้ำมันเบนซิน, น้ำมันก๊าด, น้ำมันดีเซล, น้ำมันหล่อลื่น, น้ำมันเชื้อเพลิงและสิ่งตกค้าง (น้ำมันดิน)
ส่วนทางเข้านั้นแน่นอนว่ามีไว้สำหรับน้ำมันดิบ
ไฟทำให้น้ำมันร้อนขึ้น, และผลิตภัณฑ์ต่างๆก็จะก่อตัวขึ้นจากไอที่ระเหยขึ้นมาในอุณหภูมิที่ต่างกัน
พอมาถึงจุดนี้หัวหน้าวิกกินส์ก็เผลอไปจับข้อมือของแลนดอนโดยที่เขาไม่รู้ตัว
พวกมันก็แค่การสกัดน้ำมันเองนะ ทำไมถึงต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย? ถ้าเกิดในอนาคตเราแสดงวิธีบำบัดน้ำให้ดู, จะเป็นยังไงเนี่ย? คงไม่ถึงกับหัวใจวายหรอกมั้ง?
แลนดอนคิดในขณะที่เขาส่ายหัวอย่างจนปัญญาและทำการสังเกตกระบวนการต่อ
ผลิตภัณฑ์บางตัวจะถูกส่งผ่านระบบทำความร้อนขนาดเล็กด้วย, เพื่อทำการกำจัดน้ำ, แก๊สและคาร์บอนที่ไม่ต้องการออกจากพวกมัน
จากนั้น, ผลิตภัณฑ์น้ำมันพวกนี้ก็จะถูกส่งไปที่แทงค์เก็บของพวกมัน
เนื่องจากแลนดอนยังไม่มีระบบทำความเย็น, เขาจึงทำท่อที่เชื่อมผลิตภัณฑ์กับหน่วยจัดเก็บให้ยาวมากๆ
ท่อนั้นจะหมุนผ่านสิ่งที่คล้ายกับตู้ปลายาวๆซึ่งเก็บน้ำทะเลเย็นๆเอาไว้
โดยน้ำทะเลนี้เขาได้เติมปรอทเข้าไปด้วย, เพื่อทำให้มั่นใจว่าไอร้อนในท่อจะเย็นลงและเปลี่ยนเป็นของเหลว, ก่อนที่จะไปถึงแทงค์เก็บ
ปรอทคือหนึ่งในของเหลวที่เย็นที่สุดในโลกนี้ ที่ความดันชั้นบรรยากาศปกติ, สถานะของปรอทจะเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็ง
หัวหน้าวิกกินส์กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข, ในขณะที่เขาสังเกตดูกระบวนการขั้นสุดท้าย
เขาเคยอ่านเรื่องน้ำมันดิน, ดีเซลและกระบวนการทั้งหมดจากหนังสือแล้ว.....แต่พอได้มาเห็นกระบวนจริงๆก็ทำให้เขายิ่งมีศรัทธามากขึ้น
ช่างเทพบรรพบุรุษที่พวกเขาบูชาไปเถอะ....เทพเหล่านี้ทำให้ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นได้รึเปล่า? พวกเขาทำน้ำมันได้ไหม?
สำหรับเขา, แลนดอนก็คือผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้า, ที่ถูกส่งมาที่นี่เพื่อทำให้พวกเขาศรัทธาในเทพแห่งความรู้.....
ถ้าแลนดอนรู้ว่าหัวหน้าวิกกินส์กำลังคิดอะไรอยู่, เขาคงจะห้ามไม่ให้เขาเผยแพร่ความเชื่อนี้อย่างแน่นอน
เขาไม่ได้อยากถูกคนก้มกราบซะหน่อย
แม้ว่าเขาจะมีระบบเทพอยู่กับตัว, แต่แลนดอนก็ไม่ได้เชื่อเลยว่าเขาเป็นผู้ส่งสาร
แน่นอนว่า, เขาเชื่อว่ามีสิ่งที่ทรงพลังบางอย่าง, อาจจะเป็นพระเจ้าก็ได้, ที่สร้างระบบนี้ขึ้นมาเพื่อพัฒนาโลกที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
แต่ถึงยังไง, สำหรับเขามันก็แค่งานไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
แถมเขาจะเป็นผู้ส่งสารได้ยังไง, ในเมื่อเขายังไม่เคยเจอคนที่ฝากสารมาเลย?
มันเป็นไปไม่ได้หรอก!!
.
.
ในที่สุด, หนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปทั้งแบบนี้
แลนดอนสร้างน้ำมันปิโตรเลียมชุดแรกขึ้นมาได้สำเร็จ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆอย่างพวกเชื้อเพลิงกับน้ำมันดิน
...
เมืองริเวอร์เดล
ลมหอนพัดผ่านต้นไม้และเสียงจิ้งหรีดก็ดังมาจากไกลๆ
“เขารับงานครับ เขาน่าจะมาถึงภายใน 2 สัปดาห์”
ชายคนนึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา