บทที่ 77 : การพูดคนเดียวของคนที่ย้ายร่าง
เจ็ดวันผ่านไป
วิลเลียมออกไปทางตะวันตก ไม่มีใครไปกับเขา
สัปดาห์ที่แล้ว โอดอมได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา วิลเลียมไม่ได้ลงโทษเขา แต่กลับสัญญากับโอดอมว่าจะช่วยให้จักรวรรดิหุบเขาเดียวดายของเขารวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม เมืองแห่งรุ่งอรุณยังไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะช่วยเหลือโอดอมได้
แต่เมื่อได้ยินท่านลอร์ดพูดด้วยวาจาที่อบอุ่นเช่นนี้ โอดอมก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขาทุบหน้าอกตนเองก่อนจะแผดเสียงดัง เขาต้องการตอบแทนท่นลอร์ดด้วยความภักดีตลอดกาล
ความสัมพันธ์ระหว่างวิลเลียมและโอดอมแข็งแกร่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันเช่นนี้ทำให้ผู้คนตกใจเมื่อพวกเขาออกมาจากป่า
ช่วงปลายฤดูร้อนอุณหภูมิในป่าแบล็คลีฟกลับคืนสู่ปกติ แม้ว่าในช่วงฤดูหนาวก็ยังคงอยู่ในช่วงที่คาดหวัง
ป่าแบล็คลีฟให้ความรู้สึกคล้ายกับป่าดงดิบ
แต่นี่ไม่ใช่ป่าดงดิบนี่?
ไม่ มันไม่ใช่หรอก
แม้ว่าจะมีฝนตกค่อนข้างมาก แต่ปริมาณก็ยังไม่มากพอที่จะมีคุณสมบัติเหมือนกับป่าดงดิบ
แต่ฝนกำลังจะตกในอีกไม่ช้า
เมื่อวิลเลียมออกจากเมืองรุ่งอรุณมา ก็ถึงเวลาหว่านเมล็ดรอบที่สองแล้ว
ในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งหนึ่งปีจะมีอุณหภูมิสูง 330 วัน มันจึงเป็นไปได้ที่จะหว่านเมล็ดสามรอบต่อปี
แต่วิลเลียมไม่เห็นด้วยที่จะทำเช่นนี้ มันจะทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสียหายมากเกินไป
ภายใต้การปกครองของเขา วิธีที่ชาวไร่ชาวนาใช้นั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้ ‘ปุ๋ย’
ในเมืองรุ่งอรุณนั้นมีที่อาบน้ำหลายแห่ง มีผู้คนขับถ่ายมากกว่า 60,000 คนทุกวันซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก แต่พลเมืองปกติไม่เชื่อว่าการใช้อุจจาระที่มีกลิ่นเหม็นนี้จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง
พวกเขารู้สึกหมดหนทางเมื่อคิดว่าท่านลอร์ดฟังคำเท็จของผู้วิเศษบางคน
พลเมืองไม่มีทางเลือกนอกจากปิดจมูกตนเองแล้วใส่อุจาจาระเน่าเหม็นนี่ลงไปซะ
ฝนตกหนัก
และเต็มไปด้วยเสียงที่ไพเราะของสิ่งแวดล้อม
วิลเลียมอยู่ในชุดอุปกรณ์สายฟ้า เขาไม่กล้าฝ่าพายุเพื่อเดินทางต่อไป เขาเดินไปตามถนนและพบเข้ากับต้นไม้ที่มีใบขนาดใหญ่สามารถใช้เป็นที่กำบังสำหรับม้าและตัวเขาเอง
“พวกเขาพูดผิดตรงไหน? ฉันแค่ไม่อยากจะแพร่งพรายออกไปเท่านั้น” วิลเลียมรู้ขอบเขตของเขา เกมดังกล่าวสมจริงมาก ดังนั้นวิธีการที่ใช้ในโลกแห่งความจริงสามารถนำมาใช้ในเกมได้เช่นกัน
หากเขาไม่ได้มีสถานะ NPC เขาคงเชื่อไปแล้วว่าตัวเองเกิดใหม่ในโลกอื่น
และไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในโลกของเกม
หากสิ่งที่ไม่ได้เป็นของโลกนี้จะปรากฏขึ้น
หวังว่าคนอื่นๆจะไม่สอดรู้มากนัก
บางทีผู้เล่นในอนาคตอาจจะค้นพบประวัติและผู้ที่ให้ใช้ปุ๋ยอุจจาระ
จะเป็นผู้เล่นแบบใดกัน?
คนที่พบน่าจะเป็นผู้เล่นประเภทอยากรู้อยากเห็นไปทั่วและพวกผู้เล่นขี้เบื่อที่ทำให้พวกเขามักจะคอยสอดส่องทุกสิ่งทุกอย่างเอาไปไว้ซุบซิบและทำแต่เรื่องนอกคอก
วิลเลียมไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลขั้นสูงใด ๆทั้งสิ้น เขาสามารถใช้เทคนิคในโลกแห่งความจริงได้อย่างรอบคอบ
โชคดีที่โลกในเกมนั้นมีการผลิตกระดาษ, การบ่มไวน์ และการใช้เข็มทิศ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไปในการเพิ่มการผลิตอาหารในอาณาเขตของเขา
“คนปกติคงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าฉันที่เป็นผู้เล่นได้เปลี่ยนไปเป็น NPC อย่างไรความปลอดภัยดีกว่าเสียใจแหละน่า ฉันคงต้องให้เครดิตการใช้ปุ๋ยอุจจาระเป็นของ ‘คำเท็จของผู้วิเศษ’ ซะแล้วสิ” วิลเลียมกินอาหารแห้ง ก่อนจะจิบน้ำไปสองครั้ง เขาจ้องมองสายฝนที่ตกในป่ามาจะชั่วโมงหนึ่งแล้วก่อนมันซาลง
จากนั้นก็นำม้าของตนเดินทางต่อไปในเส้นทางที่เต็มไปด้วยดินโคลน
เส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความยากลำบากได้กลายเป็นเรื่องยากที่จะเดินหลังจากฝนตก
เขาเดินไปทีละก้าวๆในขณะที่คอยกลับไปดูด้านหลังของตนเสมอ มันให้ความรู้สึกถึงความหนักหน่วง
เป็นเพราะเขาพยายามอย่างหนักเพื่อความอยู่รอด
เขาเป็นคนที่เกิดใหม่พร้อมกับความลับที่ไม่อาจเปิดเผยออกไปได้
ในโลกที่งดงามและเต็มไปด้วยความวิเศษอย่าง Gods วิลเลียมมีทางเลือกเพียงแค่ปลงและเอาชีวิตให้รอด เขาต้องใช้เวลาไปกับการทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นและได้รับความมั่นคงในโลกนี้
เขาต้องอยู่ให้เป็น
อาจเป็นเพราะเขากลัวตาย เขาต้องหาที่หลบภัยในขณะที่เขาอ่อนแอและเปราะบาง
เขาจะต้องมีความอดทน
เพราะเขาต้องให้ผู้ติดตามของเขารู้สึกถึงพลังของท่านลอร์ดของพวกเขา
เขาไม่ต้องการเป็นแกะบูชายัญในสงครามของอาณาจักรมนุษย์
เขาไม่ต้องการถูกครอบงำจากความมืดมิดที่กำลังจะมาถึง
เขาไม่ต้องการที่จะเป็นใครก็ได้ในเวอร์ชันเกมในอนาคต เขาไม่ต้องการเป็นเหมือนกับทาสที่ขอความเมตตาจากเจ้านายเหล่านั้น!
เพราะเขาเป็นคนเกิดใหม่ที่เต็มไปด้วยความลับมากมายมหาศาล หากเขาถูกจับได้ เขาอาจจะถูกจับ นำไปทรมานและศึกษา!
ดังนั้น
เขาจะต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
ในโลกแห่งนี้ มีมังกรที่สามารถกางปีกและครอบครองผืนฟ้าได้
ในอีกมิติหนึ่ง มีทั้งพระเจ้าและปีศาจรอที่จะปรากฏออกมายังโลกภายนอกอยู่!
ในใต้พื้นพิภพที่น่ากลัว มีสิ่งมีชีวิตในความมืดจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังคิดที่จะบุกรุกทวีปใหญ่
“หากฉันกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลัง ฉันจะสามารถกำหนดโชคชะตาของตนเองได้ไหมนะ” ความมั่นใจของวิลเลียมเป็นเหมือนกับรอยเท้าที่ย่ำลงไปแต่ละครั้ง ที่หนักแน่นและกระชับขึ้นในแต่ละก้าว
ตัวตนที่ฟื้นคืนชีพและย้ายร่างทุกคนที่พบว่าตนเองอยู่ในโลกอื่นนั้นไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ได้รอด
ผู้อยู่รอดนั้นจะต้องมองโลกในแง่ดีขณะเผชิญหน้ากับผู้อื่น
พวกเขาต้องใช้น้ำเสียงและท่าทางเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนนั้นว่าแข็งแกร่ง
ใครกันล่ะที่จะเข้าใจเหล่าคนที่ย้ายร่าง? ว่าพวกเขารู้สึกยังไง, มีความสุข, โดดเดี่ยวหรือสิ้นหวัง?
“ดังนั้น...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องการเป็นหมาขี้ประจบ อืมม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!” วิลเลียมยิ้ม
เขาชอบที่จะออกแบบตัวละครของเขาและใช้จินตนาการเพื่อทำให้มันสมบูรณ์แบบ มันจะเป็นรากฐานสำหรับทิศทางในอนาคต
สำหรับคนที่จะเติบโต
เขาต้องการมากกว่าเป้าหมาย
เขาต้องมีจิตใจที่กล้าหาญ
แน่นอนว่าสมองชาญฉลาดก็จำเป็นเช่นกัน
มันยากที่จะเดินทางบนเส้นทางที่ชุ่มไปด้วยสายฝนเช่นนี้
วิลเลียมเดินทางคนเดียวและเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่หยุดหย่อน ฝนตกลงบนตัวเขาราวกับว่ามีเมฆฝนติดตามเขาไปทุกที่ ในขณะที่แห่งอื่นนั้นไม่มีฝนเลยซักหยด
เขาค้นพบปรากฏการณ์ประหลาดนี้เมื่อเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้
ท่านลอร์ดรู้ดีว่าตนเองมีค่าโชคเพียงแค่สามแต้ม หากเขาไม่เดินทางกับกลุ่มคนที่มีค่าโชคเยอะกว่า เขาก็อาจจะประสบเข้ากับอุบัติเหตุหลังจากอุบัติเหตุก่อนหน้า
“แล้วฉันควรทำยังไงดี?”
วิลเลียมไม่ต้องการให้ใครก็ตามพบเขาในสภาพสกปรก…
โชคดีที่เขามาถึงจุดหมายเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
ก่อนจะมีใครพบเขาเข้า วิลเลียมที่เต็มไปด้วยโคลนก็รีบพุ่งเข้าไปยังทะเลสาบเล็กๆเพื่อทำความสะอาดตนเอง
เขาต้องดูเรียบร้อย ด้วยโบนัสของอุปกรณ์และรูปร่างทำให้ค่าสเน่ห์ของเขาเกือบ 140 แต้ม
ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ที่เต็มไปด้วยโคลนไม่ได้ลดพลังการต่อสู้ของพวกมันแต่อย่างใด แต่ค่าเสน่ห์จะลดลงอย่างมาก
หลังจากที่ทำความสะอาดในส่วนที่จำเป็นต้องทำมากพอแล้ว
เมื่อเขาก้มศีรษะลงและจ้องมองลงไปในทะเลสาบ เขาก็ตกใจ
“ฉันหล่อขึ้นนะเนี่ย…”
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย ความดูดีของตัวเขาเองนี่ไม่มีขีดจำกัดเลยสินะ?
โชคดีที่ท่านลอร์ดเต็มไปด้วยความสงบ เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเข้าไปในเมืองบลูมูนด้วยท่าทางที่หล่อเหลาและสง่างามที่สุด