บทที่ 73 โด่งดัง
“ชืออิ่งคนนั้นทำไมดูคล้ายกับใครสักคนหนึ่งในมหาลัยของพวกเราจัง?” มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหนิงไห่คนหนึ่งดูออกว่าชืออิ่งคล้ายกับเย่โม่อยู่บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อความคิดนี้นัก เย่โม่เป็นคนแบบไหนใครในหนิงไห่ไม่รู้บ้าง เขาจะกลายเป็นชืออิ่งได้อย่างไร?
“ฮ่า! นายเพ้อเจ้อแล้ว มหาลัยนาย? คนที่เก่งที่สุดของพวกนายอย่างหลี่ปางฉี่ก็แพ้ไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“...” ชายที่พูดก่อนหน้าก็รู้สึกเห็นด้วย ถึงยังไงคนหน้าคล้ายก็มีอยู่ให้เห็นทั่วไป เขาหุบปากไม่พูดอะไรอีก
..........
“ปรมาจารย์ คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ เชิญคุณมาครั้งนี้ถือว่าเชิญถูกคนแล้วจริงๆ คล้ายกับกำลังฝันไปเลย พวกเรา...” เฉินเว่ยหลินรู้สึกตื่นเต้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา เขาไม่คาดคิดว่าชืออิ่งคนนี้จะร้ายกาจกว่าที่ฟางเว่ยเฉิงว่าไว้เสียอีก เรียกได้ว่าคนละระดับกับไอ้คนอวดดีผู่ตงเหวินนั่นด้วยซ้ำ
ถึงแม้ฟางเว่ยเฉิงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าในท้ายที่สุดคนชนะต้องเป็นเย่โม่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเรียบง่ายและเด็ดขาดขนาดนี้
มีหญิงสาวรูปร่างสูงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาข้างใน เมื่อเห็นเย่โม่แววตาของเธอก็เปล่งประกายออกมา ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังหันไปพูดกับเฉินเว่ยหลิน “ประธาน มีนักข่าวอยากสัมภาษณ์พี่ใหญ่ชืออิ่ง คุณว่า...”
เฉินเว่ยหลินเองก็อยากให้นักข่าวมาสัมภาษณ์เช่นกัน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งเป็นข่าวครึกโครมได้เท่าไหร่ยิ่งดี แต่เรื่องนี้เขาก็จำเป็นต้องปรึกษาเย่โม่ก่อนอยู่ดี
แน่นอนว่าเย่โม่ได้ยินสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูด เขาโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์หรอก นายรีบไปจัดการสำนักเทควันโดอะไรนั่นให้มาประลองกับผมเถอะ เวลาของผมมีน้อย”
“ครับ! ครับ! เรื่องของปรมาจารย์ชืออิ่งต้องมาก่อนอยู่แล้ว ผมจะรีบไปจัดการให้เรียบร้อย หยูยู่รุ่ย เธอจัดการเรื่องเลื่อนสัมภาษณ์นักข่าวออกไปก่อน บอกไปว่าปรมาจารย์ชืออิ่งต้องการพักผ่อน” พูดจบเฉินเว่ยหลินก็รีบออกจากห้องไปทันที ว่าฝีเท้าของกลับผ่อนคลายสบายอารมณ์กว่าตอนแรกมากนัก
เมื่อเห็นเฉินเว่ยหลินเดินออกไป หยูยู่รุ่ยก็คว้าเอาสมุดและปากกาอันเล็กออกมาทันที เธอเดินเข้ามาตรงหน้าเย่โม่ด้วยท่าทีเอียงอายแล้วพูดเสียงเบา “ปรมาจารย์ ขอลายเซ็นต์ให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
เย่โม่ยิ้มบางๆ “ได้แน่นอน” พูดจบเขาก็รับสมุดและปากกามา เขียนไปได้คำหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เขาคุ้นชินกับคำว่า ‘เย่โม่’ มากกว่า ตัวแรกที่เขาเขียนไปบนกระดาษก็เป็นตัว ‘เย่’ แต่ตอนนั้นเขาก็ลังเลแล้วเปลี่ยนเป็นชืออิ่งแทน
หยูยู่รุ่ยรับสมุดไปแล้วกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเขินอาย เธอรีบวิ่งออกไปข้างนอกด้วยอาการรีบร้อน เธอยังต้องรีบไปบอกนักข่าวเรื่องการสัมภาษณ์อีก สิ่งแรกที่เธอทำในวันนี้กลับกลายเป็นมายืนขอลายเซ็นต์ชืออิ่งเสียนี่ หัวใจของเธอยังเต้นโครมครามอยู่เลย! เมื่อคิดถึงสายตาอิจฉาของเพื่อนเธอทั้งหลายในหอพักแล้ว...หยูยู่รุ่ยก็ยิ้มมุมปากอย่างอดไม่อยู่
“ทำไมปรมาจารย์ชือไม่ยอมให้สัมภาษณ์?” นักข่าวสาวข้างนอกประตูรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินหยูยู่รุ่ยบอกว่าเย่โม่ปฎิเสธการให้สัมภาษณ์ ถึงแม้พวกเธอจะเป็นแค่สำนักข่าวสำนักหนึ่งในหนิงไห่เท่านั้น แต่ใครบ้างจะไม่อยากมีชื่อเสียง? มีโอกาสแบบนี้แต่กลับไม่คว้าไว้เสียนี่
หยูยู่รุ่ยเมื่อเห็นนักข่าวมีท่าทีไม่ค่อยพอใจเธอก็รีบพูดขึ้น “ปรมาจารย์ชืออิ่งยังมีการประลองอีกนัดหนึ่งรออยู่ หลังจากนี้พวกคุณลองถามประธานเฉินดูเอาเองเถอะ เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้”
“ได้! งั้นฉันจะเข้าไปคุยกับรองประธานของพวกเธอก่อน ถ้าไม่ได้เรื่องพวกเราก็จะไปถามประธานสมาคมตรงๆ เลย!” นักข่าวสาวพูดอย่างโกรธๆ เธอไม่พอใจอย่างมากกับท่าทีของมหาวิทยาลัยนี้
ขณะที่เย่โม่กำลังจะหมดความอดทนกับการรอคอยนั้น เฉินเว่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามาในห้อง บนใบหน้าของเขาปรากฏความตื่นเต้นยินดี
“ว่ายังไงบ้าง?” ในห้องนี้ฟางเว่ยเฉิงรู้จักเย่โม่มากที่สุด เขารู้ว่าเย่โม่กำลังจะหมดความอดทนแล้ว เมื่อเห็นเฉินเว่ยหลินเข้ามาเขาก็รีบถามทันที
“พวกเกาหลียอมแพ้แล้ว! สำนักเทควันโดสไตล์เกาหลีเริ่มถอนตัวออกไปแล้ว ทั้งยังบอกว่าต่อจากนี้จะไม่ขอใช้ชื่อนั้นอีก” เฉินเว่ยหลินพูดออกมาอย่างยินดี สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าเป็นตัวเขาเองที่โค่นผู่ตงเหวินอย่างไรอย่างนั้น
ฟางเว่ยเฉิงขมวดคิ้ว “พวกมันยอมแพ้แล้ว? แต่เจ้าสำนักของพวกมันมีฝีมือร้ายกาจมากเลยนะ ฉันเคยเห็นอยู่ เขาเก่งกว่าผู่ตงเหวินมากมายนัก เรื่องนี้มันฟังดูแปลกๆ อยู่นะ”
เฉินเว่ยหลินกลับไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของฟางเว่ยเฉิง “ผมก็ว่างั้น พวกเขาพูดยอมแพ้อย่างชัดเจน ทั้งยังลงนามเอกสารแล้วด้วย เจ้าสำนักคนนั้นเข้ามาตรวจร่องรอยบาดแผลของผู่ตงเหวินและดูวิดีโอย้อนหลัง จากนั้นเขาก็ขอยอมแพ้ทันที เขาพูดว่าครั้งนี้ยอมแพ้แค่ชั่วคราวเท่านั้น 1 ปีหลังจากนี้เขาอยากจะขอประลองกับปรมาจารย์ที่เดิมแห่งนี้อีกสักครั้ง”
เย่โม่ขมวดคิ้ว เขาไม่ว่างพอจะมาประลองหลังจากนี้อีกปีหนึ่งหรอก แต่ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว วันนี้เขาคงไม่มีโอกาสสู้กับอีกฝ่ายเป็นแน่
เมื่อเห็นเย่โม่ขมวดคิ้ว เฉินเว่ยหลินก็รีบพูดขึ้น “ผมไม่ได้ตอบรับคำเขาไปแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ พร้อมบอกอีกว่า 1 ปีให้หลังเขาจะมาที่นี่อีกครั้ง หากปรมาจารย์ไม่มาประลองด้วยเขาก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าหากคุณไม่มาผู้คนก็จะได้รู้ว่าใครแพ้ใครชนะกันแน่”
“แพ้แล้วยังปากดีอีก ไอ้พวกเกาหลีนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!” ฟางเว่ยเฉิงโกรธขึ้นมา
เย่โม่โบกมือ “เรื่องหลังจากนี้ 1 ปี...ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันใหม่เถอะ ผมไปก่อนล่ะ” พูดจบเย่โม่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที
เฉินเว่ยหลินที่เห็นเย่โม่เดินจากไปก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “ปรมาจารย์ชืออิ่ง…วันนี้เป็นวันดีน่าเฉลิมฉลอง จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเชิญคุณไปกินเลี้ยงฉลองกันที่ ‘ร้านรู่เว่ย (อร่อย)’ สักมื้อหนึ่ง อีกอย่าง...ยังมีนักข่าวข้างนอกรอคุณอยู่อีกหลายคนเลย”
เย่โม่ยิ้มบางๆ “เรื่องกินเลี้ยงคงต้องขอผ่าน ผมยังติดธุระอื่นอีก เอาอย่างนี้ดีกว่า...ผมลงตรงหน้าต่างนี้เลยน่าจะสะดวกกว่า” พูดจบเขาก็เปิดหน้าต่างกระโดดออกไปข้างนอก
“เห้ย!...นี่มันชั้น 3 นะ” ฟางเว่ยหลินยังพูดไม่ทันจบเย่โม่ก็กระโดดหายวับไปแล้ว
เฉินเว่ยหลินและฟางเว่ยเฉิงรีบรุดเข้ามาแล้วชะโงกมองออกไปนอกหน้าต่าง พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่
ถึงเย่โม่จะจากไปแล้ว แต่ความวุ่นวายอึกทึกภายในโรงยิมกลับเพิ่มมากขึ้น เหล้าเบียร์แชมเปญมีอยู่ให้เห็นทุกที่ เสียงร้องตะโกนด้วยความยินดีดังไปทั่วโรงยิม ไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกนอกไปจากสำนักเทควันโดสไตล์เกาหลีที่ชนะติดต่อกันมาร่วม 1 เดือนถึงกับเอ่ยปากขอยอมแพ้ด้วยตัวเอง ชาวเกาหลีพวกนี้กล้าอ้างศิลปะการต่อสู้จีนไปเป็นของตัวเอง การจะทำให้คนพวกนี้ยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตัวเองถือเป็นเรื่องยากเย็นเรื่องหนึ่งเลย
ในเวลานี้ ชื่อ ‘ชืออิ่ง’ดังไปทั่วมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งชื่อนี้ยังแพร่กระจายไปข้างนอกมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างรู้กันแล้วว่าที่หนิงไห่แห่งนี้ได้ปรากฏยอดฝีมือผู้เก่งกาจคนหนึ่งขึ้นมาแล้ว
ในคืนนี้คนที่รู้สึกตื่นเต้นยินดีที่สุดก็คือพวกที่ได้เห็นเย่โม่ลงมือคว่ำผู่ตงเหวินกับตาตัวเอง ส่วนคนที่เสียใจที่สุดก็คือพวกนักข่าวที่รอมาตั้งนานก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์เย่โม่เสียที
ทว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกสลดหดหู่ยิ่งกว่า พวกเขาคือคนที่ออกจากโรงยิมไปกลางคันนั่นเอง ความรู้สึกเศร้าเสียดายนี้นั้นยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ถ้าจะพูดว่าเสียใจก็ยังถือว่าน้อยไป คล้ายกับแฟนบอลชาวจีนที่คลั่งไคล้ทีมชาติของตัวเองเอามากๆ (ตอนนี้ยังมีหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย) กำลังดูทีมของตัวเองแข่งบอลโลกรอบชิงกับสเปน หลังนาทีที่ 90 จีนโดนนำไป 4-0 ถึงกรรมการจะต่อเวลาให้ 3 นาที แต่ด้วยความผิดหวังทำให้หลายคนเดินออกจากสนามไปเสียแล้ว แต่หลังจากนั้น 3 นาทีพวกเขาก็ได้รู้ข่าวจากนอกสนามว่าทีมชาติที่ตัวเองเชียร์เตะเข้าไป 5 ลูกติด ลากสเปนลงจากบัลลังก์แชมป์ด้วยสกอร์ 5-4 ทว่าใน 3 นาที 5 ลูกนั้น...พวกเขาไม่ได้ดู! ถามหน่อยว่าควรรู้สึกยังไงดี?
……….
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มแล้ว เย่โม่รีบออกจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิ่งที่เขาต้องทำอย่างต่อไปคือรักษาหนิงชิงเชวี่ย ตอนนี้คนที่เฝ้าไข้หนิงชิงเชวี่ยอยู่คงหลับกันหมดแล้ว