ตอนที่แล้วบทที่ 72 ก้นจ้ำเบ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 74 คำสั่งเสียสุดท้ายของหนิงชิงเชวี่ย

บทที่ 73 โด่งดัง


“ชืออิ่งคนนั้นทำไมดูคล้ายกับใครสักคนหนึ่งในมหาลัยของพวกเราจัง?”  มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหนิงไห่คนหนึ่งดูออกว่าชืออิ่งคล้ายกับเย่โม่อยู่บ้าง  แต่เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อความคิดนี้นัก  เย่โม่เป็นคนแบบไหนใครในหนิงไห่ไม่รู้บ้าง  เขาจะกลายเป็นชืออิ่งได้อย่างไร?

“ฮ่า!  นายเพ้อเจ้อแล้ว  มหาลัยนาย?  คนที่เก่งที่สุดของพวกนายอย่างหลี่ปางฉี่ก็แพ้ไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”

“...”  ชายที่พูดก่อนหน้าก็รู้สึกเห็นด้วย  ถึงยังไงคนหน้าคล้ายก็มีอยู่ให้เห็นทั่วไป  เขาหุบปากไม่พูดอะไรอีก

..........

“ปรมาจารย์  คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้  เชิญคุณมาครั้งนี้ถือว่าเชิญถูกคนแล้วจริงๆ   คล้ายกับกำลังฝันไปเลย  พวกเรา...”  เฉินเว่ยหลินรู้สึกตื่นเต้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา  เขาไม่คาดคิดว่าชืออิ่งคนนี้จะร้ายกาจกว่าที่ฟางเว่ยเฉิงว่าไว้เสียอีก  เรียกได้ว่าคนละระดับกับไอ้คนอวดดีผู่ตงเหวินนั่นด้วยซ้ำ

ถึงแม้ฟางเว่ยเฉิงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าในท้ายที่สุดคนชนะต้องเป็นเย่โม่  แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเรียบง่ายและเด็ดขาดขนาดนี้

มีหญิงสาวรูปร่างสูงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาข้างใน  เมื่อเห็นเย่โม่แววตาของเธอก็เปล่งประกายออกมา  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังหันไปพูดกับเฉินเว่ยหลิน  “ประธาน  มีนักข่าวอยากสัมภาษณ์พี่ใหญ่ชืออิ่ง  คุณว่า...”

เฉินเว่ยหลินเองก็อยากให้นักข่าวมาสัมภาษณ์เช่นกัน  เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งเป็นข่าวครึกโครมได้เท่าไหร่ยิ่งดี  แต่เรื่องนี้เขาก็จำเป็นต้องปรึกษาเย่โม่ก่อนอยู่ดี

แน่นอนว่าเย่โม่ได้ยินสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูด  เขาโบกมือ  “ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์หรอก  นายรีบไปจัดการสำนักเทควันโดอะไรนั่นให้มาประลองกับผมเถอะ  เวลาของผมมีน้อย”

“ครับ! ครับ!  เรื่องของปรมาจารย์ชืออิ่งต้องมาก่อนอยู่แล้ว  ผมจะรีบไปจัดการให้เรียบร้อย  หยูยู่รุ่ย  เธอจัดการเรื่องเลื่อนสัมภาษณ์นักข่าวออกไปก่อน  บอกไปว่าปรมาจารย์ชืออิ่งต้องการพักผ่อน”  พูดจบเฉินเว่ยหลินก็รีบออกจากห้องไปทันที  ว่าฝีเท้าของกลับผ่อนคลายสบายอารมณ์กว่าตอนแรกมากนัก

เมื่อเห็นเฉินเว่ยหลินเดินออกไป  หยูยู่รุ่ยก็คว้าเอาสมุดและปากกาอันเล็กออกมาทันที  เธอเดินเข้ามาตรงหน้าเย่โม่ด้วยท่าทีเอียงอายแล้วพูดเสียงเบา  “ปรมาจารย์  ขอลายเซ็นต์ให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

เย่โม่ยิ้มบางๆ  “ได้แน่นอน”  พูดจบเขาก็รับสมุดและปากกามา  เขียนไปได้คำหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง  เขาคุ้นชินกับคำว่า ‘เย่โม่’ มากกว่า  ตัวแรกที่เขาเขียนไปบนกระดาษก็เป็นตัว ‘เย่’  แต่ตอนนั้นเขาก็ลังเลแล้วเปลี่ยนเป็นชืออิ่งแทน

หยูยู่รุ่ยรับสมุดไปแล้วกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเขินอาย  เธอรีบวิ่งออกไปข้างนอกด้วยอาการรีบร้อน   เธอยังต้องรีบไปบอกนักข่าวเรื่องการสัมภาษณ์อีก  สิ่งแรกที่เธอทำในวันนี้กลับกลายเป็นมายืนขอลายเซ็นต์ชืออิ่งเสียนี่  หัวใจของเธอยังเต้นโครมครามอยู่เลย!  เมื่อคิดถึงสายตาอิจฉาของเพื่อนเธอทั้งหลายในหอพักแล้ว...หยูยู่รุ่ยก็ยิ้มมุมปากอย่างอดไม่อยู่

“ทำไมปรมาจารย์ชือไม่ยอมให้สัมภาษณ์?”  นักข่าวสาวข้างนอกประตูรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินหยูยู่รุ่ยบอกว่าเย่โม่ปฎิเสธการให้สัมภาษณ์  ถึงแม้พวกเธอจะเป็นแค่สำนักข่าวสำนักหนึ่งในหนิงไห่เท่านั้น  แต่ใครบ้างจะไม่อยากมีชื่อเสียง?  มีโอกาสแบบนี้แต่กลับไม่คว้าไว้เสียนี่

หยูยู่รุ่ยเมื่อเห็นนักข่าวมีท่าทีไม่ค่อยพอใจเธอก็รีบพูดขึ้น  “ปรมาจารย์ชืออิ่งยังมีการประลองอีกนัดหนึ่งรออยู่  หลังจากนี้พวกคุณลองถามประธานเฉินดูเอาเองเถอะ  เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้”

“ได้!  งั้นฉันจะเข้าไปคุยกับรองประธานของพวกเธอก่อน  ถ้าไม่ได้เรื่องพวกเราก็จะไปถามประธานสมาคมตรงๆ เลย!”  นักข่าวสาวพูดอย่างโกรธๆ เธอไม่พอใจอย่างมากกับท่าทีของมหาวิทยาลัยนี้

ขณะที่เย่โม่กำลังจะหมดความอดทนกับการรอคอยนั้น  เฉินเว่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามาในห้อง  บนใบหน้าของเขาปรากฏความตื่นเต้นยินดี

“ว่ายังไงบ้าง?”  ในห้องนี้ฟางเว่ยเฉิงรู้จักเย่โม่มากที่สุด  เขารู้ว่าเย่โม่กำลังจะหมดความอดทนแล้ว   เมื่อเห็นเฉินเว่ยหลินเข้ามาเขาก็รีบถามทันที

“พวกเกาหลียอมแพ้แล้ว!  สำนักเทควันโดสไตล์เกาหลีเริ่มถอนตัวออกไปแล้ว  ทั้งยังบอกว่าต่อจากนี้จะไม่ขอใช้ชื่อนั้นอีก”  เฉินเว่ยหลินพูดออกมาอย่างยินดี  สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าเป็นตัวเขาเองที่โค่นผู่ตงเหวินอย่างไรอย่างนั้น

ฟางเว่ยเฉิงขมวดคิ้ว  “พวกมันยอมแพ้แล้ว?  แต่เจ้าสำนักของพวกมันมีฝีมือร้ายกาจมากเลยนะ   ฉันเคยเห็นอยู่  เขาเก่งกว่าผู่ตงเหวินมากมายนัก  เรื่องนี้มันฟังดูแปลกๆ อยู่นะ”

เฉินเว่ยหลินกลับไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของฟางเว่ยเฉิง  “ผมก็ว่างั้น  พวกเขาพูดยอมแพ้อย่างชัดเจน   ทั้งยังลงนามเอกสารแล้วด้วย  เจ้าสำนักคนนั้นเข้ามาตรวจร่องรอยบาดแผลของผู่ตงเหวินและดูวิดีโอย้อนหลัง จากนั้นเขาก็ขอยอมแพ้ทันที  เขาพูดว่าครั้งนี้ยอมแพ้แค่ชั่วคราวเท่านั้น  1 ปีหลังจากนี้เขาอยากจะขอประลองกับปรมาจารย์ที่เดิมแห่งนี้อีกสักครั้ง”

เย่โม่ขมวดคิ้ว  เขาไม่ว่างพอจะมาประลองหลังจากนี้อีกปีหนึ่งหรอก  แต่ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว  วันนี้เขาคงไม่มีโอกาสสู้กับอีกฝ่ายเป็นแน่

เมื่อเห็นเย่โม่ขมวดคิ้ว  เฉินเว่ยหลินก็รีบพูดขึ้น  “ผมไม่ได้ตอบรับคำเขาไปแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ   พร้อมบอกอีกว่า 1 ปีให้หลังเขาจะมาที่นี่อีกครั้ง  หากปรมาจารย์ไม่มาประลองด้วยเขาก็ไม่ว่าอะไร  เขาบอกว่าหากคุณไม่มาผู้คนก็จะได้รู้ว่าใครแพ้ใครชนะกันแน่”

“แพ้แล้วยังปากดีอีก  ไอ้พวกเกาหลีนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”  ฟางเว่ยเฉิงโกรธขึ้นมา

เย่โม่โบกมือ  “เรื่องหลังจากนี้ 1 ปี...ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันใหม่เถอะ  ผมไปก่อนล่ะ”  พูดจบเย่โม่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที

เฉินเว่ยหลินที่เห็นเย่โม่เดินจากไปก็รีบพูดขึ้นมาก่อน  “ปรมาจารย์ชืออิ่ง…วันนี้เป็นวันดีน่าเฉลิมฉลอง  จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเชิญคุณไปกินเลี้ยงฉลองกันที่ ‘ร้านรู่เว่ย (อร่อย)’ สักมื้อหนึ่ง  อีกอย่าง...ยังมีนักข่าวข้างนอกรอคุณอยู่อีกหลายคนเลย”

เย่โม่ยิ้มบางๆ  “เรื่องกินเลี้ยงคงต้องขอผ่าน  ผมยังติดธุระอื่นอีก  เอาอย่างนี้ดีกว่า...ผมลงตรงหน้าต่างนี้เลยน่าจะสะดวกกว่า”  พูดจบเขาก็เปิดหน้าต่างกระโดดออกไปข้างนอก

“เห้ย!...นี่มันชั้น 3 นะ”  ฟางเว่ยหลินยังพูดไม่ทันจบเย่โม่ก็กระโดดหายวับไปแล้ว

เฉินเว่ยหลินและฟางเว่ยเฉิงรีบรุดเข้ามาแล้วชะโงกมองออกไปนอกหน้าต่าง  พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่

ถึงเย่โม่จะจากไปแล้ว  แต่ความวุ่นวายอึกทึกภายในโรงยิมกลับเพิ่มมากขึ้น  เหล้าเบียร์แชมเปญมีอยู่ให้เห็นทุกที่  เสียงร้องตะโกนด้วยความยินดีดังไปทั่วโรงยิม  ไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกนอกไปจากสำนักเทควันโดสไตล์เกาหลีที่ชนะติดต่อกันมาร่วม 1 เดือนถึงกับเอ่ยปากขอยอมแพ้ด้วยตัวเอง  ชาวเกาหลีพวกนี้กล้าอ้างศิลปะการต่อสู้จีนไปเป็นของตัวเอง  การจะทำให้คนพวกนี้ยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตัวเองถือเป็นเรื่องยากเย็นเรื่องหนึ่งเลย

ในเวลานี้  ชื่อ ‘ชืออิ่ง’ดังไปทั่วมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ทั้งชื่อนี้ยังแพร่กระจายไปข้างนอกมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว  ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างรู้กันแล้วว่าที่หนิงไห่แห่งนี้ได้ปรากฏยอดฝีมือผู้เก่งกาจคนหนึ่งขึ้นมาแล้ว

ในคืนนี้คนที่รู้สึกตื่นเต้นยินดีที่สุดก็คือพวกที่ได้เห็นเย่โม่ลงมือคว่ำผู่ตงเหวินกับตาตัวเอง  ส่วนคนที่เสียใจที่สุดก็คือพวกนักข่าวที่รอมาตั้งนานก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์เย่โม่เสียที

ทว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกสลดหดหู่ยิ่งกว่า  พวกเขาคือคนที่ออกจากโรงยิมไปกลางคันนั่นเอง   ความรู้สึกเศร้าเสียดายนี้นั้นยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

ถ้าจะพูดว่าเสียใจก็ยังถือว่าน้อยไป  คล้ายกับแฟนบอลชาวจีนที่คลั่งไคล้ทีมชาติของตัวเองเอามากๆ (ตอนนี้ยังมีหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย) กำลังดูทีมของตัวเองแข่งบอลโลกรอบชิงกับสเปน  หลังนาทีที่ 90 จีนโดนนำไป 4-0 ถึงกรรมการจะต่อเวลาให้ 3 นาที  แต่ด้วยความผิดหวังทำให้หลายคนเดินออกจากสนามไปเสียแล้ว   แต่หลังจากนั้น 3 นาทีพวกเขาก็ได้รู้ข่าวจากนอกสนามว่าทีมชาติที่ตัวเองเชียร์เตะเข้าไป 5 ลูกติด  ลากสเปนลงจากบัลลังก์แชมป์ด้วยสกอร์ 5-4  ทว่าใน 3 นาที 5 ลูกนั้น...พวกเขาไม่ได้ดู!  ถามหน่อยว่าควรรู้สึกยังไงดี?

……….

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่มแล้ว  เย่โม่รีบออกจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  สิ่งที่เขาต้องทำอย่างต่อไปคือรักษาหนิงชิงเชวี่ย  ตอนนี้คนที่เฝ้าไข้หนิงชิงเชวี่ยอยู่คงหลับกันหมดแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด