ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
เมื่อเสียงของระบบหายไป ภาพที่สายตาเขาเห็น ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง
โลกที่เคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์ บัดนี้เริ่มปรากฏฉากต่างๆขึ้น
มันเป็นฉากที่คุณไม่มีโอกาสได้เห็น นอกจากโลกในหอคอยแห่งการทดสอบเท่านั้น
อากาศรอบๆเริ่มหนาวเหน็บ มันเริ่มทำให้ผิวของซูฮยอนแสบนิดๆ
พื้นหลังของเขาที่เคยว่างเปล่า ตอนี้มันเปลี่ยนไปเป็นโคลอสเซียมเรียบร้อยแล้ว
ก๊ากกกก
โฮกกกกก
โคลอสเซียมที่กว้างใหญ่และบรรยากาศที่วังเวง กลับไม่ทราบว่ามีเสียงสิ่งมีชีวิตดังมาจากที่หนใด
ถ้ามันเป็นเสียงของเอฟเฟค มันก็เป็นเสียงเอฟเฟคที่สมจริงเป็นอย่างมาก
นี่แค่ชั้นที่ 1 เท่านั้น แต่ฉากต่างๆที่ระบบสร้างขึ้น มันกลับดูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเป็นที่สุด
แม้นี้จะเป็นครั้งที่ 2 ที่ซูฮยอนได้มีโอกาศเข้ามาอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ ความรู้สึกลึกๆมันกำลังตะโกนบอกเขาว่า
ชั้นที่ 1 ในตอนนี้ มันยากกว่าชีวิตก่อนลิบลับ
มันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะตัดสินใจทดสอบใน ระดับที่ 10
แม้แต่ซูฮยอนที่เลือกระดับที่ 10 ก็เกิดความกังวลเล็กน้อยภายในใจ
เขาคิดถูกใช่ไหมที่เลือกทางนี้ และถ้าเขาเลือกผิดละ ไม่ใช่ว่าเขาต้องร้องไห้ไปฟ้องแม่หรอกนะ
ทว่าความกังวลใจของซูฮยอนไม่นานก็หายไป
จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณยังเลือกเส้นทางเดิม
และการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นหากคุณไม่ลงมือทำ
เหมือนคำที่ว่า ไม่มีชัยชนะใด ได้มาโดยไม่ต่อสู้ ไม่มีความสำเร็จใด ได้มาโดยไม่ต้องลงแรง
[โปรดเลือกอาวุธของคุณ]
มีอาวุธต่างๆมากมายปรากฏตรงหน้าของซูฮยอน
ดาบ,หอก,คาตานะ,ขวาน,ค้อน,ธนู และอื่นๆอีกมากมาย
คุณคิดว่าคนๆหนึ่งจะสามารถใช้อาวุธ มากกว่าร้อยชนิดได้อย่างคล่องแคล่วได้เหรอ คำตอบคือมันแทบเป็นไปไม่ได้
แต่ซูฮยอนเป็นข้อยกเว้น จากอาวุธที่มีให้เลือก ซูฮยอนสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วและพลิ้วไหวดุจสายน้ำ
ซูฮยอนไม่อย่างเสียเวลามากไปกว่านี้แล้ว อาวุธที่เขาจะใช้ มันอยู่ในใจของเขามานานแล้ว
มันก็คือ…
คลิ๊ก
ซูฮยอนตัดสินใจหยิบอาวุธดาบขึ้นมา
อาวุธที่พอจะจัดการกับ ฟาฟเนียร์ ได้คงมีแค่ ดาบบัลมุงก์
มันเป็นอาวุธประเภทดาบเช่นเดียวกัน ซึ่งซูฮยอนเก่งเรื่องการใช้ดาบเป็นอย่างมากจากในชีวิตที่ผ่านมา
ในแง่ของทักษะไม่มีอาวุธใดเลยที่ดีที่สุด นอกจากดาบที่เขาถนัด
[คุณเลือก ดาบยาวสีเงิน]
[โปรดตรวจสอบสเตตัส]
เมื่อเขาได้ยินเสียงคำอธิบายเรื่องต่างๆของระบบจบลง
มันทำให้เขาหวนนึกถึงช่วงเวลา ที่ซูฮยอนเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก
“สเตตัส”
[ชื่อ:คิมซูฮยอน]
[ความแข็งแกร่ง:11] [ความเร็ว:12]
[สุขภาพ:10] [สะท้อนกลับ:14]
[ความเหนื่อยล้า:10]
สเตตัสโดยรวมถือว่าไม่แย่มาก
สเตตัสทุกอย่างของเขาไม่มีอะไรต่ำกว่า 10 เลย มันเป็นสเตตัสที่เฉลี่ยกันออกมาได้ดีเลยที่เดี่ยว
แต่ในหมู่สเตตัสทั้งหมด กลับมีอันหนึ่งที่โดดเด่นกว่าเพื่อน
“หรือเป็นเพราะว่าซูฮยอนคนก่อนจะโดนทุบตีเป็นประจำหรือป่าวนะ มันเลยทำให้สเตตัสสะท้อนกลับเยอะมากกว่าสเตตัสอื่นๆ”
น่าจะเป็นเพราะร่างกายของซูฮยอนคนก่อน ที่โดนพวกนักเลงหาเรื่องแทบทุกวัน เลยทำให้ สเตตัส สะท้อนกลับของเขาสะดุดตาอยู่อันเดี่ยว
“ถึงแม้ว่าระดับเวทย์จะยังไม่มีก็ตาม แต่สเตตัสอื่นๆที่ออกมา ก็ใช้ได้อยู่..”
มันไม่เลวเลย สำหรับพวกมือใหม่
เขาเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการบททดสอบ
ทว่าโคลอสเซียมกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าระบบต้องการในผู้มาใหม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมและตรวจสอบความพร้อมของร่างกายก่อนเป็นอย่างแรก
ซูฮยอนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี สำหรับผู้เริ่มต้น เพราะมันทำให้พวกเขาเตรียมตัว เตรียมใจ
ก่อนที่เรื่องร้ายๆจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
แต่สำหรับ ซูฮยอนเขาไม่ต้องการความเฆตตาแบบนี้
ซูฮยอนที่ยืนนิ่งอยู่กลางโคลอสเซียมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาและกล่าว
“ผมไม่อย่างเสียเวลาแล้ว เริ่มกันเลย”
[คุณแน่ใจใช่มั้ยที่จะเริ่มตอนนี้]
ความจริงระบบของหอคอยแห่งนี้ มันเหมือนกับ Ai ประดิษฐ์ที่สร้างมาอย่างประณีต
มันถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองกต่อการใช้งานของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมันสะดวกสะสบายเป็นอย่างมาก
“ใช่”
[การทดสอบเริ่มได้]
[จงสู้เพื่อชัยชนะ]
มันเป็นคำอธิบายง่ายๆ แต่ได้ใจความ
รอไม่นาน ซูฮยอนก็ทราบว่าเขาควรทำอะไรต่อไป เพราะเบื้องหน้าของเขามี มอนสเตอร์ ปรากฏออกมา
โฮกกกก
หมาป่าขนแดงตัวใหญ่ เมื่อมันเห็นซูฮยอน มันก็คำรามออกมา
ถ้าถามว่ามันมีลักษณะอื่นอีกไหมนอกจากขนสีแดงดี ก็ต้องตอบเลยว่ามี บนหัวของหมาป่า มันมีดวงตาทั้ง 3 ดวง
ซูฮยอนไม่แน่ใจว่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้มันโผล่ออกมาจากไหน ท้องฟ้าก็ไม่ใช่ บนพื้นก็ไม่ใช่
ผู้คนที่มาหอคอยแห่งการทดสอบครั้งแรก
พวกเขาจะต้องแปลกใจทุกครั้งเมื่อเห็นว่ามีมอนสเตอร์โผล่ออกจากพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย
มอนสเตอร์ตัวนี้มีชื่อว่า ‘หมาป่าแวมไพร์’
ในบรรดามอนสเตอร์ทั้งหมด หมาป่าแวมไพร์ถือได้ว่าอ่อนที่สุด
ความสามารถของมันไม่ต่างอะไรกับหมาป่าธรรมดาทั่วไป
แต่ที่มันน่ารำคาญที่สุดก็คงเป็น [สกิลดูดเลือด] ของมัน
“สกิลดูดเลือดของมันช่วยให้ร่างกายของหมาป่าแวมไพร์รักษาอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าปกติ และที่สำคัญมันยังทำให้ร่างกายของมันแข็งแกร่งเป็นพิเศษอีกด้วย ยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อคุณโดนมันกัด ความเร็วของคุณจะลดลงเป็นอย่างมาก”
แต่ทันใดนั้นเอง
หมาป่าแวมไพร์ก็พุ่งเข้ามาหาซูฮยอนอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง
ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่ามันจะพุ่งเข้ามาหาเขา
ซูฮยอนตวัดดาบไปที่หัวของหมาป่าแวมไพร์ เพื่อตัดหัวมันให้ขาดออกจากกัน
มันเป็นท่าดาบที่เขาเตรียมเอาไว้ให้มันโดนเฉพาะ
ถึงแม้ซูฮยอนจะไม่สามารถตัดหัวมันได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขายังไม่มากพอ
แต่มันก็ทำให้ หมาป่าแวมไพร์บาดเจ็บสาหัส นอนพะงาบๆอยู่
ฉัวะ
ซูฮยอนตัดสินใจแทงมันไปที่แผลเก่าอีกครั้ง
จนมันสิ้นใจลง
[คุณได้รับ 10 คะแนนจากความสำเร็จ]
[คุณฆ่าศัตรูของคุณสำเร็จ]
[คุณได้รับความแข็งแกร่งเพิ่ม 1 จุด]
มันเป็นรางวัลที่ยอดมาก
โฮกกกก
หลังจากศพหมาป่าแวมไพร์ศพแรกหายไป ก็มีหมาป่าแวมไพร์ปรากฏออกมาอีก 2 ตัว
'2 ตัวเหรอ'
มันยังไม่เกินกำลังของเขามากนัก ซูฮยอนยังพอจัดการได้
ซูฮยอนจับดาบในมือไว้แน่น แล้วเตรียมตัวเฝ้าระวังพวกมัน
แต่มาคราวนี้ซูฮยอนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
วูบ
ซูฮยอนเห็นถึงช่องว่างระหว่าง หมาป่าแวมไพร์ ทั้ง 2 ตัว ห่างกับตัวเขาพอสมควร
ซูฮยอนจึงตัดสินใจลงมือก่อนโจมตีพวกมันก่อนเลย
ถึงแม้การเคลื่อนไหวของเขาจะไม่ได้รวดเร็วมากนัก เพราะสเตตัสความไวของเขายังน้อยเกินไป
แต่มันก็มีประโยชน์ต่อตัวของซูฮยอนด้วยเช่นกัน
เพราะเขาต้องการหาขีดจำกัดของร่างกายที่ตัวเองอาศัยอยู่ว่าจะทนได้นานสักแค่ไหน
เมื่อหมาป่าแวมไพร์ เห็นซูฮยอนวิ่งมาหาพวกมัน พวกมันแยกเขีัยวแล้วออกวิ่งไปหาซูฮยอนพร้อมๆกัน
ทัดใดนั้นเอง ซูฮยอนก็สไลด์ตัวเองไปกับพื้นของโคลอสเซียม
แล้วยกดาบขึ้นไปบนอากาศ และฟันที่ท้องของพวกมันทั้ง 2 ตัว
ฉึก ฉึก
แผลขนาดใหญ่ปรากฏบนหน้าท้องของหมาป่าแวมไพร์ ขณะที่พวกมันกระโดดอยู่เหนือซูฮยอน
เมื่อหมาป่าแวมไพร์ที่ตะครุบเหยื่อไม่สำเร็จ มันก็ลงสู่พื้นอย่างอ้อนแอ้น
หมาป่าแวมไพร์ที่แผลลึกกว่า ก็ร้องครวญครางปานขาดใจ
ไม่ทราบว่า เป็นเพราะเพื่อนของมันกำลังจะตาย หรือว่ามันหิวกระหายกันแน่
หมาป่าแวมไพร์ที่มีแรงเหลือตัวสุดท้ายก็วิ่งไปหา ซูฮยอน แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ฉึก
ซูฮยอนสะบั้นดาบไปที่ปากของ หมาป่าแวมไพร์ จนมันขาดออกจากกัน
ตุบ
มอนสเตอร์ หมาป่าแวมไพร์ ทั้ง 2 ยังไม่สิ้นลม
แต่ถ้าเขาปล่อยให้มันนอนแห้งไปเรื่อยๆ เดียวมันก็ตายไปเอง
ซูฮยอนสะบัดดาบที่เต็มไปด้วยคราบเลือด แล้วกล่าวพึมพำ
“ตอนนี้ ฉันยังไม่ค่อยชินกับร่างกายมากนัก”
เขานอนเป็นผัก อยู่ในโรงพยาบาล 1 เดือนเต็ม และเขาไม่เคยใช้ร่างกายนี้ต่อสู้แบบเต็มแรงมาก่อน
มันจึงเป็นเหตุทำให้เขายังขยับร่างกายได้ไม่ดีค่อยดีเท่าที่ควร
ถ้าเขาสามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ละก็ แค่หมาป่าแวมไพร์ 2 ตัว เขาก็ฆ่ามันได้ง่ายๆ
“การต่อสู้ที่ผ่านมา มันก็ไม่ได้แย่อะไร”เขากล่าว
ซูฮยอนใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของศัตรู
เมื่อมอนสเตอร์โจมตีมาทีซูฮยอน เขาก็ทำการเคาน์เตอร์กลับไป
มันเป็นวิธีเดียวที่ ซูฮยอน คิดว่ามันดีที่สุด เพราะความแข็งแกร่งกับความไวของเขาในปัจจุบันที่แค่นิดเดียวเท่านั้น
ที่สำคัญการเคาน์เตอร์ของซูฮยอน มันมีประโยชน์มากๆ
เพราะมันทำให้เขาสามารถสังเกตการเคลื่อนที่ของศัตรูได้อย่างเต็มที่
“ฉันจะต้องชินร่างกายนี้ให้เร็วๆ”
การทดสอบขั้นแรก มันเปรียบเสมือนสวรรค์สำหรับเขา
เนื่องจากในโคลอสเซียมมันมีแต่ มอนสเตอร์ ระดับต่ำ มันจึงเป็นเรื่องง่ายๆที่การฆ่าพวกมัน
มันไม่มีทางลัดไหน ดีไปกว่าที่นี่อีกแล้ว..
ซูฮยอนตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำให้ตัวเองชินกับร่างกายใหม่ในที่แห่งนี้ให้ได้
เครื่องชักร้อนแล้วสิ….
ซูฮยอนเดินไปหาเจ้าหมาป่าแวมไพร์ทั้งสอง แล้วจัดการฆ่ามันทิ้งซะ
[คุณได้รับคะแนนความสำเร็จ 20 คะแนน]
รางวัลความสำเร็จโผล่เข้ามาในสมองของซูฮยอน
น่าเสียดายที่ครั้งนี้เขาไม่ได้ สเตตัส เพิ่ม
วิ๊ง
โฮกกกก
ทันใดนั้นหมาป่าแวมไพร์ 2 ตัวก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี่ มันไม่ได้มีแต่หมาป่าแวมไพร์เท่านั้น
มันมีมอนสเตอร์ตัวใหม่โผล่ออกมา ลักษณะของมันแตกต่างจาก หมาป่าแวมไพร์ พอสมควร
ในที่ก็มีตัวประหลาดที่ดูเหมือนมอนสเตอร์ โผล่มาซักที
กร๊ากกก
มอนสเตอร์ตัวใหม่มีขนสีชาด ลำตัวเล็กกว่าหมาป่าแวมไพร์นิดหน่อย
ถึงแม้ว่าลูกกระตาอีก 2 ข้างของมันจะปิดสนิท แต่ตาดวงที่ 3 ของมันกลับเปิดกว้างจนหน้ากลัว
มันมองซูฮยอนเหมือนเป็นอาหารของมัน
“หมาป่าคลั่ง”
หรือที่เรียกอีกอย่างคือ หมาป่ากระหายเลือด
เหตุผลที่ 'ผู้ตื่นขึ้น' หลายคนไม่สามารถผ่านระดับที่ 10 ไปได้ ก็เพราะมันตัวเดียว
สำหรับหมาป่าแวมไพร์มันยากสำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่ถ้าคุณมีอาวุธ คุณก็สามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายด้า่ย
แต่ไม่ใช่สำหรับ หมาป่าคลั่ง มันเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า
เจ้ามอนสเตอร์นี้ มันไม่สมควรอยู่ที่ชั้นที่ 1 ด้วยซ้ำ
มันเป็นมอนสเตอร์ที่แม้แต่ครูสอน ศิลปะป้องกันตัว ก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้
“สมแล้วกับบททดสอบระดับ 10”
หลังจากต่อสู้มาแล้ว 2 รอบ
ซูฮยอน เริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มกระปรี้กระเปร่า
มันเหมือนกับว่าร่างกายของเขาในอดีตกำลังหลอมรวมกับร่างกายปัจจุบันอยู่อย่างช้าๆ
“ฉันคือซูฮยอน”
เขาพูดกลับตัวเองเบาๆ
“ตอนนี้”
ฟึบ
ซูฮยอน เดินไปหา เจ้ามอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัว
“ฉันจะต้องจัดการกับพวกแก แล้วแข็งแกร่งขึ้นให้ได้”
โฮกกกก
กร๊ากกก
เจ้า หมาป่าแวมไพร์ กับ หมาป่าคลั่ง เมื่อมันเห็นซูฮยอนเดินเข้ามาหา มันก็คำรามขมขู่ใส่เขาเพื่อหวังให้ซูฮยอนกลัว
แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับ ซูฮยอน
ซูฮยอนผ่านการต่อสู้เป็นตายกับเหล่ามอนสเตอร์มากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหวเมื่ออดีตที่ผ่านมา
“มาสนุกกันเถอะ”
หมาป่าคลั่งกระโจนเข้าหา ซูฮยอน อย่างรวดเร็ว
มันมีขนาดเท่ากับเสือโคร่ง มันได้เหยียดกรงเล็บอันแหลมคมเข้ามาหาซูฮยอนเพื่อหวังปลิดชีพ
หมาป่าแวมไพร์ก็เช่นกัน
ฟึบ
ฉึก
ซูฮยอนกระโดดหลบกรงเล็บไปได้อย่างฉิวเฉียด
แต่ก่อนที่เขาหลบกรงเล็บของ หมาป่าคลั่ง เขาได้ทิ้งรอยแผลเอาไว้ที่ข้างตัวของมัน
ตอนนี้ซูฮยอนยังมีความเร็วยังไม่สูงนัก
มันทำให้เขาต้องมีเพ่งสมาธิและวางแผนอย่างรอบคอบ
ทิ่ม แทง ถอย มันคือยุทธวิธี ที่ซูฮยอนใช้อยู่
ไม่นาน หมาป่าทั้ง 2 ตัวก็เริ่มมีอาการแปลกไป
หมาป่าแวมไพร์ที่กำลังจะฝังขมเขี้ยวลงบนตัวของซูฮยอนก็หยุดชะงักลง
สายตาที่แหลมคมของมันกลับจ้องไปที่ หมาป่าบ้าคลั่ง แทน
“ลักษณะพิเศษของ หมาป่าแวมไพร์ คือ เมื่อมันได้กลิ่นเลือด สมองของมันจะสั่งการให้จัดการศัตรูตนนั้นเป็นคนแรก”
หมาป่าแวมไพร์จะไม่กินเลือดกินเนื้อของเผ่าพันธุ์เดียวกัน
แต่โชคร้ายที่ หมาป่าคลั่ง ไม่ใช่ เผ่าพันธุ์เดียวกับมัน
และในไม่ช้า มอนสเตอร์ทั้ง 2 ตัว ก็ต่อสู้กันเอง
สถานการณ์ตอนแรกยังเป็น 2 รุม 1 อยู่เลย
แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 แทน
“ตัวที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เป็นคู่มือให้ฉัน”