ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
ณ. ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล-มหาวิทยาลัยดงฮา ซูฮยอนกำลังจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมกับฟังแนะนำของหมอไปด้วย
“ออกกำลังกายแต่พอดี อย่างหักโหมจนเกินไป ร่างกายจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระหนัก พักผ่อนเยอะๆเมื่อมีเวลา ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นค่อยมาหาหมอใหม่นะ”
“ขอบคุณมากๆคะคุณหมอ”
ที่ด้านข้างของซูฮยอน ผู้เป็นแม่กล่าวขอบคุณกับคุณหมอ ชื่อของเธอคือ ชินซูย็อง
ซูฮยอนปล่อยให้ผู้เป็นแม่พูดคุยกับหมอต่อไป เขาหันไปมองนอกหน้าต่าง
แล้วมองดูตึกลามบ้านช่องที่ตระการตา
ท้องฟ้าสีครามพร้อมหมู่เมฆล่องลอยไปตามสายลม
มันช่างเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบจริงๆ
“ไม่อยากจะเชื่อ ว่าฉันจะได้เห็นมันอีกครั้ง”
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นตัว
เขาชอบมองออกไปนอกหน้าต่างทุกครั้งที่ตื่นขึ้น มันทำให้เขาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“น่าเสียดาย ที่บรรยากาศแบบนี้จะหายไปให้ปี 2030 มันเหลือแต่ภาพวาดกับรูปถ่ายเท่านั้น”
ปี 2018
เมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าหยิบมือถือขึ้นมาดู เขาก็แปลกใจทุกครั้ง
ย้อนเวลาจากอนาคตแล้วกลับสู่อดีตงั้นเหรอ.
แถมร่างกายที่เขาอาศัยอยู่ก็ไม่ใช่ร่างกายเดิมของเขาอีก
การตายของเขาจะเกิดขึ้นอีกใน 20 ปีข้างหน้า ระหว่างการต่อสู้กับ ฟาฟเนียร์
ส่วนสถานการณ์ของโลกตอนนี้มีแต่ข่าวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนเท่านั้น
การบุกรุกของมอนสเตอร์มากมายนับไม่ถ้วน ยังไม่อุบัติขึ้น
“ฉันย้อนเวลากลับมาจริงๆเหรอ” ร่างกายที่เขาอาศัยอยู่ไม่ใช่ของ ซองอิน แต่เป็น ซูฮยอน
เขาหยิบกระจกจากลิ้นชักขึ้นมา เพื่อเช็คในแน่ใจอีกครั้ง
เขามองดูกระจกบานเล็กๆภายในมือแล้วแสยะยิ้มที่มุมปาก
“ลูกยิ้มอะไรของลูกเนี่ย”
เนื่องจากมันไม่ใช่ใบหน้าเก่าของเขา แต่มันเป็นใบหน้าของ ซูฮยอน มันจึงดูเป็นรอยยิ้มน่าขนลุกขนพอง
เมื่อเขาเห็นใบหน้าตัวเองครั้งแรก เขาไม่อยากจะยอมรับมัน
ทว่า....เมื่อเวลาผ่านไปสักเดือนเขาก็ทำใจยอมรับในที่สุด
“แม่ครับ พวกเราออกจากโรงพยาบาลได้แล้วใช่ไหมครับ” เขาหยุดยิ้มแล้วถามแม่ผู้ยังคุยกลับคุณหมออยู่
“เดี๋ยวก่อนสิลูก ลูกยังไม่ได้ขอบคุณคุณหมอเลย”
“ผมโคตรหิวเลยแม่ตอนนี้ อาหารในโรงพยาบาลรสชาติจืดเป็นบ้า ผมอยากออกไปหาอะไรกินข้างนอกมากกว่า
“ลูกอยากออกไปหาอะไรกินข้างนอก แต่แม่มีงานต้องไปทำอยู่นะ”
ตลอดเดือนที่อยู่ในโรงพยาบาล เขาได้เรียนรู้และสังเกต พฤติกรรม อารมณ์ บุคลิก ขอผู้เป็นแม่มา นานพอสมควร
“ช่วยไม่ได้งั้นลูกเอาเงินไปหาซื้ออะไรกินนะ”
“ไม่ ผมอยากกินอาหารฝีมือแม่มากกว่า อาหารฝีมือแม่อร่อยที่สุดให้โลก แม้แต่เซฟชื่อดัง ยังชิดซ้าย”เขากล่าวยกย่องแม่ตัวเอง
คำพูดของเขามันทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ
“ลูกคนนี้ ก็ได้ งั้นรีบกลับบ้านกัน คุณหมอคะ ถ้างั้นดิชั้นขอตัวกลับก่อน ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ
คุณหมอผู้ดูแลพยักหน้าและก็ไปตรวจผู้ป่วยห้องถัดไป
เมื่อออกจากโรงพยาบาล ซองอิน ก็หันมองหน้าของ ชินซูย็อง
“นี่คือแม่ของ ซูฮยอน”
ไม่ใช่สิเธอคือแม่ของเขา
แม้ตอนแรกยากที่จะยอมรับ แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็ยอมรับมันไปโดยที่ไม่รู้ตัว
เธอแต่ต่างจากแม่ของ ซองอินในอดีต เธออารมณ์ดีว่า ร่าเริงกว่า บางครั้งเขาก็นั้งคิดว่า แม่ทุกคนบนโลกเป็นแบบเธอก็คงดี
“แม่ไม่หวังอะไรมาก แม่ขอให้ลูกสุภาพแข็งแรงก็พอ”
-แม่คนใหม่ ชินซูย็อง เธอไม่ต้องการอะไรมาก เธอขอแค่ในลูกชายเธอกินดีอยู่ดีก็พอ
==============
“แม่หวังว่าลูกจะทำได้ดีกว่านี้”
-ส่วนแม่คนเก่าของ ซองอิน เธอต้องการให้ลูกชายของเธอเก่งในทุกๆด้าน
==============
ด้วยความแต่ต่างของทั้ง 2 คน ทำให้บางครั้ง ซองอินก็ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
แม่คนเก่าของเขาเย็นชาและเข้มงวดมาก เป็นเพราะเธอต้องการให้ลูกชายของเธอเป็น ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งในอนาคตให้ได้
ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างกับแม่ใหม่คนนี้มากมาย
มันทำให้เขาผูกพันกับแม่ของ ซูฮยอน มากกว่าแม่คนเก่าของเขาซะอีก
ชินซูย็อง มาหาลูกชายของเธอทุกวันเมื่อเลิกงาน เธอไม่เคยบ่นเลยซักครั้ง แม้ว่าเธอจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานก็ตาม
ซูฮยอนจ้องมองไปที่แม่ของเขาอีกครั้ง
“หน้าแม่มีอะไรติดอยู่เหรอลูก ถึงมองนานจัง”
“ไม่มีครับแม่” เขาตอบกลับพร้อมกับเล่นมือถือของตัวเอง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ซูฮยอน แม่ว่าลูกดูเปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไป?”
“อืมม์ จะว่ายังไงดีละ การพูดของลูกดูสุขภาพขึ้นมาก แม่คิดว่างั้นนะ”
แบบนี่นี้เอง ไม่น่า วันที่เขาพูดกลับเธอครั้งแรกดูเหมือนว่าเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ลูกเปลี่ยนไปจริงๆ แม่มีความรู้สึกแบบนั้น”
“สุภาพ?” เขาคิดคำพูดในสมองแล้วกล่าว “ผมพึ่งตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองครับแม่”
“เปลี่ยนแปลง?”
“ใช่ครับ” เขาตอบกลับไปตามความคิดภายในหัว เขาคือ ซองอิน ไม่ใช่ ซูฮยอน เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนกับ ซูฮยอน 100 % อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของ ซูฮยอน เป็นคนแบบไหน
ชินซูย็องเดินมากอดเขาแบบไม่ทันตั้งตัว
“แม่?”เขาถามกลับด้วยความประมาท
“แม่เป็นอะไรไปครับ”
“ซูฮยอน ไม่ว่าลูกจะเปลี่ยนไปยังไง แม่ก็รักลูกเสมอ”เธอพูด
“ผมเข้าใจครับ”
“ดีมาก ตราบใดที่ลูกไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย แม่จะดูแลลูกเอง”
“ผมเข้าใจครับ”
“อืม เชื่อฟังแม่ดีมาก ลูกเป็นคนเดียวที่แม่เป็นห่วงเข้าใจไหม”เธอพูด
“จริงสิครับ ผมมีที่ ที่ต้องไปอยู่”ซูฮยอนกล่าวขณะที่กำลังดูมือถือ
“ไปไหน ร่างกายของลูกยังไม่หายดี 100%เลย”
“ผมจะรีบไปรีบกลับครับ แล้วเจอกันที่บ้านตอนเย็นนะแม่ ส่วนแม่ก็ไปทำงานของแม่ได้เลย”เขาพูดเสร็จก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
“อย่ากลับบ้านดึกนะลูก” ชินซูย็องกล่าวพร้อมโบกมือ
ด้วยเสียงของชินซูย็องที่ดังตามหลังมา มันให้เขาก้นเกือบจ้ำอ่าวกับพื้น
“ไม่ว่าจะได้ยินสักกี่ครั้ง ฉันก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี”
เขาก็ยังคงไม่ชินกับการแสดงความรู้สึกของแม่ที่มีต่อลูกอยู่ดี
ซึ่งบางครั้งมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่รู้จะแก้สถานการณ์ยังไงดี
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบมัน เขาชอบมันมาก มากถึงมากที่สุด
“ครับแม่ ผมจะกลับไปให้ทันอาหารเย็น”เขาตอบแม่กลับไป เขาเปิดมือถือดูเวลา
แล้วตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะกลับบ้านก่อนที่แม่ของเขาจะกลับมา เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเขามากนัก
ซูฮยอนใช้มือถือของเขา แล้วไปถึงจุดนัดหมายอย่างรวดเร็ว
สถานที่ที่เขามาถึงคือซอยแคบๆ ซึ่งรายล้อมไปด้วยบ้านช่องหลังเล็กมากมาย
“หืม ในที่สุดแกก็มา”
“โอ้วว มาเร็วเหมือนกันนี่”
หนึ่งในแก๊งค์ทั้ง 4 กระดิกนิ้วให้ ซูฮยอน เข้ามาหาใกล้ๆ
เมื่อมองดูรูปร่างจากภายนอกแล้ว อายุของพวกเขาน่าจะเท่ากับ ซูฮยอน
“พวกแกคือคนที่กำลังตามหาฉันใช่ไหม”ซูฮยอนกล่าวออกไปขณะมองมือถือ
“แกพูดว่าอะไรนะ”
“ดูเหมือนจะใช่นะ”
ซูฮยอนตรวจสอบมือถือที่มีข้อความของ คนชื่อ ข้าคือจางฮยอค ส่งมา
-ได้ข่าวว่ามึงอยู่โรงพยาบาล
-มึงจะออกตอนไหน กูอยากเจอมึงซักหน่อย
-วันนี้กูต้องการเงิน มึงช่วยหน่อยได้ป่าววะ
-ไอ้เหี้ย มึงกล้าเมินกูเหรอ รับโทรศัพท์บ้าๆของมึงซะ
-ได้จะเล่นงี้ใช้ไหม ออกจากโรงพยาบาลวันไหน มาเจอกันที่เดิม ถ้ามึงไม่มา มึงได้นอนโรงพยาบาลอีกครั้งแน่
ข้อความทั้งหมดมีแต่ ข้อความขมขู่ ต่อให้แจ้งตำรวจพวกมันก็ไม่กลัว
เขาสามารถรับรู้เลยว่า ซูฮยอน โดนพวกมันรังแกแทบทุกวัน
แม่ของซูฮยอน เคยเล่าให้ฟังว่า เขาเคยลาออกโรงเรียนมัธยมที่เก่ากลางคัน
หนึ่งในเหตุผลที่ซูฮยอนลาออก ก็คงหนีไม่พ้นเจ้าพวกบ้านี้
“แกนำเงินด้วยใช่ไหม”
ดูเหมือนพวกมันต้องการเงินของเขา
“เอามาสิ แต่ก่อนอื่น ฉันขอเก็บกวาดขยะสักหน่อย เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
“ห๊าาา อะไรนะ”
“เห้เพื่อนแกว่าฉันหูฝาดไปป่าววะ”
“ไอ้ไก่อ่อนแก้กินยาผิดหรือไง เอาหมัดกูไปกินซะ”
หนึ่งในคนที่อยู่ใกล้กับซูฮยอนเหวี่ยงหมัดตรงไปที่หน้าของเขา
ทว่าสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น “หมับ”
ซูฮยอนจับมือของมันแล้วจัดหารบิดมือของมันจนร้องเป็นหมา
“อะไรกัน”
ในขณะที่คนอื่นยังตื่นตะหนกอยู่ ซูฮยอนก็เริ่มสังเกตุสภาพแวดล้อม กล้องวงจรปิดไม่มี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงไม่มีใครรับรู้
ไม่น่าละมันพวกถึงเลือกให้เขามาเจอที่สถานที่แห่งนี้
“เอาละ เป็นเด็กดีนะ ฉันจะอ่อนโยนให้”เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินตรงดิ่งไปหากลุ่มชายอันธพาลทันที
***
อ๊ากก
อ๊ากกกก
ซูฮยอนรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่กระทืบพวกอันธพาลจนร้องขอชีวิต
สำหรับเขา เรื่องแค่นี้ มันก็เหมือนกับปลอกกล้วยเข้าปาก
ชีวิตที่แล้ว เขาผ่านอะไรมามากมายนัก
เขาผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากนับครั้งไม่ถ้วน
มันเป็นสิ่งทุกคนต้องเจอในยุดสมัยก่อน เพื่อปราบปรามเหล่ามอนสเตอร์
เมื่อลองไปเปรียบเทียบกับเหตุการเหล่านั้น มันก็เหมือนกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก
แน่นอน ซูฮยอน คิดว่า อันธพาลพวกนี่ไม่ได้อ่อนแอ แต่เพราะซูฮยอนมีประสบการณ์มากกว่า ผลมันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น
เมื่อลองดูข้อความที่พวกมันส่งมาเขาไม่อยากนึกสภาพของ ซูฮยอน เลยว่า จะโดนพวกมันรังแกหนักขนาดไหน
สิ่งที่ขาดไปของซูฮยอนคนก่อนคือความกล้า ถึงแม้เขาสามารถแจ้งตำรวจได้ เขาก็ไม่ทำ
แต่ถ้าจัดการปัญหานี้ด้วยตนเอง มอบบทเรียนในพวกมันซักนิดซักหน่อย มันรู้สึกดีกว่าเห็นๆ
ซูฮยอนหยิบท่อนไม้ ท่อนเหล็ก ขึ้นมาจากข้างตัวของ จางฮยอก
“เฮ้”
“คะ..ครับ..ท่าน”จางฮยอกพูด
มันคือเรื่องจริงใช่ไหม แกเป็นคนขี้แยที่โดนแกล้งตอนอยู่โรงเรียนทุกวันจริงๆเหรอ
แกเป็นคนเดียว กับคนที่ฉันรู้จัก จริงๆใช่ไหม
“บอกมา แกเอาท่อนเหล็ก ท่อนไม้ มาทำอะไร”
“หรือว่า...” ซูฮยอนสามารถบอกได้เลยว่า จางฮยอกกำลังหาข้อแก้ตัวเพื่อเอวตัวรอดมากกว่า
“แกพยายามจะฆ่าฉัน ถูกไหม”
จางฮยอกรู้สึกตกใจกับคำตอบของซูฮยอน
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็สามารถฆ่าแกได้เช่นกัน แกรู้ใช่ไหม”
เมื่อพูดจบ ซูฮยอน ก็เหวี่ยงท่อนเหล็กไปที่หัวของจางฮยอก
ทว่าก่อนที่ท่อนเหล็กจะถึงหัวของจางฮยอก เขากลับตะโกนออกมาดังๆว่า “ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ”
แตะ
ซูฮยอนเอาท่อนเหล็กแตะหัวของมันเบาๆ สภาพของจางฮยอกตอนนี้เปียกโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ
ซูฮยอนเอนหัวลงไปหาจางฮยอกอย่างช้าๆแล้วกล่าว “เพื่อให้แน่ใจว่าแกจะไม่ไปทำแบบนี้กับใครอีก ฉันจะดัดนิสัยแกซะ”
ปัง!
เมื่อซูฮยอนพูดจบเขาก็หวดท่อนเหล็กในมือ ไปที่หัวของจางฮยอก
แน่นอนเขาไม่ได้ตีแค่จางฮยอกคนเดียว เขาตีพวกมันทุกคน เพื่อให้พวกมันเข็ดไปอีกนาน
เอาล่ะ ไปจัดการอย่างอีนต่อดีกว่า
ขณะที่ซูฮยอนเดินออกมาจากซอยแคบๆ เขาได้หยิบมือถือขึ้นมาดูวันที่ ตุลาคม ปี 2018
ก่อนที่เขาจะได้เป็นฮีโร่ เขาเป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่งที่ยังเรียนอยู่เลย
ที่ๆเขาเคยเรียนในอดีต มหาวิทยาลัยดงฮา
ก่อนที่เขาจะกลับไปกินอาหารเย็นกลับแม่ เขาต้องการเช็คอะไรบ้างอย่างให้แน่ใจซะก่อน