Chapter 121 - 122: ช่วยคน, พบกับฉู่ซวนเฟิง (ฟรี)
Chapter 121: ช่วยคน
“แน่นอนค่ะ!” กู้หนิงเอ่ย เธอเชิญพวกเขาทั้งสามนั่งเก้าอี้
“เชิญนั่งค่ะ!”
โจวเจิ้งหงทักทายอาจารย์ทั้งสาวด้วยความเคารพนอบน้อม “ยินดีที่ได้พบครับ อาจารย์ไป๋ อาจารย์หยวน อาจารย์ฝู”
ท่าทางที่โจวเจิ้งหงทักทายอาจารย์ทั้งสามคนต่างจากกู้หนิง และอาจารย์ไป๋ก็อยู่ระดับสูงสุดท่ามกลางพวกเขา กู้หนิงไม่รู้เรื่องนี้ เธอจึงทักทายพวกเขาแบบคนสนิทคุ้นเคย
โจงเจิ้งหงไม่คิดไม่ฝันว่ากู้หนิงจะรู้จักคนที่มีอิทธิพลเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอาจารย์ไป๋
“ยินดีที่ได้พบ คุณโจว” อาจารย์ฝูและอาจารย์หยวนรู้จักโจวเจิ้งหงอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้สนิทคุ้นเคย ถึงจะสงสัยว่าทำไมโจวเจิ้งหงถึงมาอยู่กับกู้หนิงได้ พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามแต่อย่างใด เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพวกเขา
โจวเจิ้งหงดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้พบอาจารย์หยวนและอาจารย์ฝู
“เธอเป็นผู้หญิงคนเมื่อวานจริงๆหรือ?” อาจารย์ไป๋มองกู้หนิง เขาแปลกใจมากจนไม่อยากเชื่อ อาจารย์ไป๋รู้แล้วแต่อยากเช็คให้แน่ใจด้วยตัวเอง เพราะกู้หนิงวันนี้ต่างจากเมื่อวานเป็นอย่างมาก
“ใช่ค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูจะรู้ว่าเป็นอาจารย์ไป๋ได้ยังไงคะ” กู้หนิงพูดพลางยิ้มไปด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถูกของเธอ อายุแค่นี้ก็มีความสามารถขนาดนี้แล้ว!” อาจารย์ไป๋กล่าวชมความสามารถของกู้หนิง
“ขอบคุณค่ะ” กู้หนิงตอบ
“อย่าว่าฉันเลยนะที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ” อาจารย์ไป๋เอ่ย
“ไม่แน่นอนค่ะ! เป็นเกียรติของพวกเราที่อาจารย์มาด้วย” กู้หนิงตอบ ถึงจะยังไม่รู้เบื้องหลังของเขา แต่เธอรู้ว่าเขาต้องเป็นบุคคลทรงอำนาจคนหนึ่ง
“หลานกู้ ต้องระวังตัวด้วยนะ! อาจารย์ไป๋มาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง” อาจารย์ฝูพูดอย่างกับว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ได้ยินเช่นนั้นอาจารย์ไป๋ก็ไม่พอใจ
“อาจารย์ฝู ระวังคำพูดด้วย! อย่าทำลายชื่อเสียงกันสิ”
“ถ้าอย่างนั้นนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” อาจารย์ฝูพูดพลางทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ฉันมาที่นี่เพราะหนูกู้ ฉันอยากเป็นมิตรกับเธอ นายรู้จักเธอ! ฉันเองก็อยากจะรู้จักเธอด้วย” อาจารย์ไป๋โต้คืน
กู้หนิงอดหัวเราะไม่ได้ เธอคิดว่าพวกเขาน่ารักเหมือนเด็กๆ แต่ตอนนี้ถึงเวลาต้องสั่งอาหารเสียที ดังนั้นเธอจึงพูดขัดพวกเขา
“เอาล่ะค่ะ สั่งอาหารกันก่อน”
พวกเขารู้ว่ากู้หนิงมีเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะสั่งอาหารโปรดของพวกเขา แต่ละจานนั้นเรียบง่ายและดีต่อสุขภาพ และยังราคาไม่แพงอีกด้วย
“หลานกู้ หลานจะให้อาจารย์ฝูช่วยเรื่องอะไร?” อาจารย์หยวนเอ่ยถาม
“หนูจะเปิดบริษัทขายเครื่องประดับและอัญมณี และหนูจำเป็นต้องจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและจัดการเอกสารต่างๆ หนูคิดว่ามันคงเร็วกว่าถ้ามีคนที่มีอำนาจช่วยหนูให้ดำเนินขั้นตอนได้เร็วขึ้น หนูเลยหวังว่าคุณปู่ฝูจะสามารถช่วยหนูได้” กู้หนิงไม่ปิดบัง เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาอีกในอนาคต
“อะไรนะ? หลานจะเปิดบริษัทขายเครื่องประดับ?” อาจารย์หยวนและอาจารย์ไป๋ตื่นตะลึงและชื่นชม เธอวางแผนจะมีธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุยังไม่มาก เธอช่างมีความฝันและความทะเยอทะยานจริงๆ!
“ตอนนี้หนูเป็นแค่นักเรียน หนูไม่สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองได้ ดังนั้นหนูจึงขอให้ลุงโจวเข้ามาช่วย และหนูจะเป็นหัวหน้าคอยอยู่เบื้องหลัง”
อาจารย์ทั้งสามรู้จักโจวเจิ้งหงอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้คุ้นเคยกัน พวกเขาก็ได้ยินกิตติศัพท์ความสามารถของเขา ส่วนสาเหตุที่จู่ๆร้านโจวฝูก็เปลี่ยนเจ้าของเมื่อครึ่งปีก่อน พวกเขาก็เดาถูกว่าเป็นเพราะเชาผิง
พวกเขาไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างโจวเจิ้งหงและกู้หนิง และไม่มีความตั้งใจจะไต่ถามให้มากความ ในเมื่อกู้หนิงปล่อยให้โจวเจิ้งหงเข้ามาช่วยงานในบริษัท แสดงว่าเธอต้องไว้ใจในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถามอะไรเพิ่มเติมอีก
ถ้าหากพวกเขารู้ว่ากู้หนิงรู้จักกับโจวเจิ้งหงแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาคงพากันตระหนกตกใจ ไม่ใช่ทุกคนที่จะไว้เนื้อเชื่อใจกันในเวลาสั้นๆได้
“ร้านของหนูจะเปิดเร็วๆนี้ หนูอยากชวนทุกคนเป็นเกียรติมาร่วมงานในวันเปิดตัว มันจะช่วยหนูได้มากถ้าทุกคนมา” กู้หนิงเอ่ยเชิญพวกเขา
“ได้สิ พวกเราจะไป” พวกเขาตอบอย่างไม่ลังเล
ระหว่างรับประทานอาหาร บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความชื่นมื่น หากใครไม่รู้ต้องคิดว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยกเว้นโจวเจิ้งหงคนเดียวที่รู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย
อาจารย์ไป๋และผู้อาวุโสคนอื่นๆ มีอิทธิพลมาก โจวเจิ้งหงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา
อาจารย์ฝูจะช่วยพวกเขาติดต่อกับหัวหน้าสำนักงานพาณิชย์ แต่โจวเจิ้งหงยังคงทำเรื่องยื่นเอกสารเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ฝู มันคงรวดเร็วและไหลลื่นกว่าจัดการเองมาก หน้าที่ของโจวเจิ้งหงคือต้องเชิญเจ้าหน้าที่ไปรับประทานอาหารด้วยกัน และมอบของขวัญให้ ด้วยอิทธิพลของอาจารย์ฝู โจวเจิ้งหงสามารถข้ามขั้นตอนพวกนี้ได้ แต่เขายังต้องการสร้างเครือข่าย ดังนั้นเขาจึงต้องจำเป็นทำสิ่งเหล่านี้อยู่
หลังจากจบมื้ออาหาร ทุกคนก็เตรียมตัวกลับ
เมื่อทุกคนกำลังจะกลับ อาจารย์หยวนก็พูดขึ้นว่า “หลานกู้ รอสักประเดี๋ยวสิ ให้คนแก่คนนี้ได้แนะนำคนคนหนึ่งให้หนูรู้จักก่อน”
กู้หนิงทำหน้างุนงง ในขณะที่อาจารย์ไป๋เปิดปากพูดว่า “โอ้ ลูกชายของนายก็อยู่ที่นี่ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้หนิงก็เงยหน้ามองดูไปตามเสียง เธอเห็นชายวัยกลางคนหลายคนกำลังคุยกันอยู่ที่ถนน กู้หนิงเพ่งมองดูด้วยสายตาเฉียบแหลม
มีจุดสีแดงกำลังเคลื่อนไปบนใบหน้าของชายวัยกลางคนกลุ่มนั้น ในที่สุดมันก็หยุดที่กึ่งกลางคิ้วของผู้ชายคนหนึ่ง กู้หนิงรีบวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่รอช้า
“นี่!”
อาจารย์ไป๋และคนอื่นๆที่เหลือต่างแปลกใจที่จู่ๆกู้หนิงก็วิ่งออกไป เกิดอะไรขึ้น? พวกเขายังไม่ทันได้ตระหนักว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็เกิดอุบัติเหตุเบื้องหน้า
ชายวัยกลางคนคนนั้นถูกกู้หนิงผลักจนล้มไปอีกด้าน ตามมาด้วยกระสุนที่ถูกยิงมายังจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ กระสุนพลาดไปโดนรถด้านหลังแทน
ปืนไรเฟิลติดที่เก็บเสียง มันจึงไม่ก่อให้เกิดเสียงใดใด นอกจากเสียงลูกปืนตอนที่ยิงถูกรถ
โดยปกติมือปืนจะล่าถอยเมื่อเขาพลาดกระสุนนัดแรก แต่กู้หนิงยังคงมองไปยังที่มาของทิศทางกระสุน เผื่อกรณีที่มือปืนพยายามยิงเป็นครั้งที่สอง
ด้วยตาทิพย์ของเธอ เธอสามารถระบุตำแหน่งของมือปืนได้ มือปืนกำลังเตรียมตัวจะหนี แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบเหมือนมีใครบางคนจ้องมาที่เขา
ถึงแม้เขาจะไม่เห็นหน้ากู้หนิงชัดๆ เขาก็พอมองออกว่าเป็นเด็กสาว เขาแปลกใจที่เด็กสาวคนนั้นรู้ที่ซ่อนของเขา นอกจากนี้เธอยังมีร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เฉียบแหลมด้วยรูปลักษณ์ที่เฉียบคม
ไม่มีเวลาให้เขาอีกแล้ว มือปืนจากไปทันที
Chapter 122: พบกับฉู่ซวนเฟิง
ทุกคนตกตะลึง แต่เมื่อเห็นกระสุนคาที่รถ พวกเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้ในทันที
“ท่านยกเทศมนตรี!”
ผู้ชายสองคนรีบเข้ามาพยุงชายวัยกลางคนที่ถูกกู้หนิงผลักจนล้มไปอีกทาง
นายกเทศมนตรี? กู้หนิงยืนนิ่ง ผู้ชายคนนี้คือนายกเทศมนตรี?
“เจิ้งหลิน!”
ใบหน้าของอาจารย์หยวนซีดเผือด เขาเกือบจะเป็นลม โชคดีที่โจวเจิ้งหงประคองเขาไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็รีบเดินเข้าไป
หยวนเจิ้งหลินรู้สึกเจ็บระบมทั่วร่างกาย เขาดูเขินอายที่ตัวเขาเปื้อนไปด้วยฝุ่น เขาพยายามสงบสติอารมณ์และพูดว่า
“ฉันไม่เป็นไร”
แม้ว่าหยวนเจิ้งหลินจะยังสับสนงุนงง เขารู้ว่ากู้หนิงเป็นคนช่วยชีวิตเขาด้วยการผลักเขาไปอีกทาง เขากล่าวขอบคุณเธอ “ขอบคุณมากจริงๆ! ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงตายไปแล้ว”
ก่อนที่กู้หนิงจะพูดอะไร อาจารย์หยวนก็จับมือของเธอตัวสั่นและร้องไห้ “หลานกู้ขอบคุณมาก! หลานได้ช่วยชีวิตลูกชายของปู่เอาไว้ มิฉะนั้น…”
โอ้ ท่านนายกเทศมนตรีเป็นลูกชายอาจารย์หยวน!
เขาคงเป็นคนที่อาจารย์หยวนกำลังจะแนะนำเธอให้รู้จักสินะ
“คุณปู่หยวน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรค่ะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หนูเลยเข้าไปช่วยโดยไม่ได้คิดอะไร ได้โปรดยกโทษให้กับการกระทำที่หยาบคายของหนูด้วย” กู้หนิงกล่าว ความคิดของเธอได้รับเสียงชื่นชมจากคนอื่น
หยวนเจิ้งหลินรู้แล้วว่าพ่อของเขาต้องรู้จักกู้หนิงอย่างแน่นอน
“ฮ่า ฮ่า เธอช่างถ่อมตัวในขณะที่พูดจริงๆ ฉันต้องขอชื่นชมเธอเรื่องนี้!” หยวนเจิ้งหลินกล่าวและหัวเราะอย่างพอใจ เขาไม่ได้ถือตัว ถึงแม้เขาจะเป็นคนสำคัญของเมืองนี้
“เธอช่วยชีวิตของฉันไว้ ฉันจะจดจำความช่วยเหลือในครั้งนี้ นี่นามบัตรของฉัน ถ้าเธอมีปัญหาอะไรที่จัดการไม่ได้ โทรมาได้ทุกเมื่อ แต่ขอบอกตามตรง ถ้าเธอทำอะไรผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายฉันจะไม่ช่วยเธอ” หยวนเจิ้งหลินกล่าวอย่างจริงจัง เขาหยิบนามบัตรยื่นให้กู้หนิง
“ขอบคุณมากค่ะ” กู้หนิงรับนามบัตรมา
“อาจารย์หยวน ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องแนะนำพวกเขาให้รู้จักกันแล้วล่ะ ถ้าไม่มีหนูกู้อยู่ที่นี่ด้วย ไอ้หยา บางที…” อาจารย์ไป๋เอ่ย เขายังตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่
ได้ยินแบบนั้น หยวนเจิ้งหลินก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อของเขาอยากจะแนะนำเขาให้รู้จักกับเด็กสาวคนนี้ เผื่อว่าเขาจะช่วยเธอได้ แต่ไม่คาดคิดว่าเธอจะเป็นคนช่วยชีวิตเขาแทน
ไม่มีใครรู้ว่าวินาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น!
“บอส ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” โจวเจิ้งหงเอ่ยถามกู้หนิงอย่างเป็นห่วง
“โอ้หลานกู้ หนูไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ทุกคนที่เหลือเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ตรวจดูความปลอดภัยของกู้หนิง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพอย่างมาก
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องห่วง” กู้หนิงตอบ
“ดีแล้วๆ” อาจารย์ฝูและคนอื่นๆรู้สึกโล่งอก แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะตกใจและงงว่าทำไมเธอถึงค้นพบมือปืนได้ แต่พวกเขาก็ไม่ถาม
หลังจากนั้น ทุกคนก็บอกลาพากันกลับบ้าน
เมื่อกู้หนิงกับโจวเจิ้งหงจากไปแล้ว หยวนเจิ้งหลินก็ทำสีหน้าเคร่งเครียด “อาหลี่ ไปตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
“ครับท่าน” อาหลี่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหยานเจิ้งหลินในชุดสูทตอบด้วยความเคารพ เขาเป็นผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะในเมือง G หลี่เฟิง
หลี่เฟิงเป็นผู้ติดตามของหยวนเจิ้งหลิน ถ้าหยวนเจิ้งหลินตกอยู่ในอันตราย เขาก็เองก็ไม่ปลอดภัยเช่นเดียวกัน
พวกเขายังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่ทั้งคู่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเป็นคู่แข่งทางการเมืองของเขาอย่างแน่นอน
มิฉะนั้นอาจเป็นศัตรูของหยวนเจิ้งหลิน คนที่ถูกหยวนเจิ้งหลินปลดออกจากสำนักงานเนื่องจากการกระทำที่ผิดกฎหมายร้ายแรงของพวกเขา
จากนั้นหยวนเจิ้งหลินก็ได้จัดเตรียมให้ชายสูงอายุทั้งสามกลับออกไปก่อนที่เขาจะกลับไปที่ทำงาน
ในร้านอาหารใกล้หน้าต่างบนชั้นสอง ซื่อตู้เย่และฉู่ซวนเฟิงเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องล่างทั้งหมด พวกเขาตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของกู้หนิง
พวกเขารู้ว่าเธอเป็นแค่ใครคนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะยอดเยี่ยมได้ถึงเพียงนี้
ฉู่ซวนเฟิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และพูดด้วยกลัวสั่นประสาท “พระเจ้า เธอช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ! เธอรู้ว่ามีมือปืนและช่วยผู้ชายคนนั้นได้ภายในเวลาอันสั้น! เป็นฉันเองก็คงทำไม่ได้”
ตอนนี้ฉู่ซวนเฟิงนึกชื่นชมกู้หนิง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง “"ฉันควรทำอย่างไรดี? ตอนนี้ฉันรู้สึกอับอายมาก”
ซื่อตู้เย่ยังคงเงียบ แต่เขาต้องยอมรับว่ากู้หนิงยอดเยี่ยมจริงๆ ทันใดนั้นเขาก็สนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา เขาอยากรู้ว่าใครจะชนะถ้าพวกเขาอยู่ในเกม?
กู้หนิง?
เขาคงต้องไปตรวจสอบดูสักหน่อยแล้ว
ในขณะเดียวกันโจวเจิ้งหงกำลังขับรถไปที่โรงงานแปรรูปพร้อมกับกู้หนิง เธอต้องไปเยี่ยมโรงงานแปรรูปก่อนที่จะกลับไปที่เมือง F
ระหว่างทาง กู้หนิงก็เอ่ยถามโจวเจิ้งหงว่า “ลุงโจว ลุงรู้จักเบื้องหลังของอาจารย์ไป๋ไหมคะ?”
“อาจารย์ไป๋มีชื่อว่าไป๋หรูซวน เขารวยอันดับสามของเมือง G มีทรัพย์สินกว่าสามหมื่นล้าน เขามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาสูบและยา ทั้งสองอย่างเป็นอุตสาหกรรมหลักของเมือง G” โจวเจิ้งหงกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้หนิงก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าอาจารย์ไป๋จะมีอิทธิพลมากขนาดนี้
ถ้าหากอาจารย์ไป๋มางานเปิดตัวร้านของเธอ คงเป็นข่าวครึกโครมโดยที่เธอไม่ต้องเปลืองแรงโฆษณาด้วยตัวเอง อาจารย์ไป๋จะเป็นตัวโฆษณาให้เธอแทน
แต่ทว่าเธอก็ต้องทำการโฆษณาอยู่ดี โจวเจิ้งหงจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้
ในโรงงานแปรรูป ชางชิงชวนและคนอื่นๆ อยู่ระหว่างการทำเครื่องประดับ พวกเขาใช้เครื่องจักรในการแปรรูปหยกระดับกลางค่อนสูง ในขณะที่การแปรรูปหยกระดับสูงต้องทำด้วยมือ ประเภทของเครื่องประดับขึ้นอยู่กับพวกเขา กู้หนิงจะไม่เข้าไปยุ่ง
เมื่อเวลาเกือบบ่ายสาม โจวเจิ้งหงก็ขับรถไปส่งกู้หนิงที่สนามบิน เครื่องบินของเธอจะออกในเวลาสี่โมงครึ่ง
เธอมาถึงสนามบินบ่ายสามสี่สิบ และสี่โมงก็เข้าไปนั่งในห้องรับรองผู้โดยสาร กู้หนิงเลือกที่นั่งสุ่มๆ เหลือเวลามากกว่าสิบนาทีเครื่องก็จะออก
เมื่อกู้หนิงนั่งลง ก็มีเสียงผู้ชายฟังดูประหลาดใจดังขึ้นใกล้ๆ “เป็นเธอนี่เอง!” กู้หนิงหันไปมองดูเขา เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ แต่เธอไม่รู้จักเขา
เมื่อเห็นกู้หนิงทำหน้างง เขาก็เอ่ยอธิบายกับเธอว่า “ยินที่ได้รู้จัก ฉันชื่อฉู่ซวนเฟิง เธออาจจะไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักเธอ ฉันเห็นเธอวันนี้ที่โรงแรมฮวงเติ้ง
ใช่ ผู้ชายคนนี้ก็คนเดียวกันกับฉู่ซวนเฟิงที่นั่งอยู่ร้านอาหารชั้นสอง
เขาประหลาดใจมากที่บังเอิญพบกับกู้หนิงที่สนามบิน เขาต้องเข้าไปคุยกับเธอให้ได้ เธอเองก็จะไปที่เมือง F ด้วยรึเปล่านะ?
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” กู้หนิงตอบอย่างเป็นมิตร
เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ชายคนนี้ดูตื่นเต้นที่เห็นเธอ เขาคงเห็นเธอช่วยชีวิตนายกเทศมนตรี
“เธอกำลังไปที่เมือง F เหรอ?” ฉู่ซวนเฟิงเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” กู้หนิงตอบ