บทที่ 75 : สุนัขที่กระดิกหางมักมีเหตุผลของมันอยู่เสมอ
ตกดึก
ดวงจันทร์สีฟ้าจางสามดวงลอยเด่นบนฟากฟ้า
โลกแห่งนี้ที่วิลเลียมอาศัยอยู่ใหญ่เกินไป เพื่อลดแรงดึงดูดของแรงโน้มถ่วงจึงจำเป็นต้องมีดาวบริวารขนาดใหญ่ไว้เป็นจำนวนมาก ดวงจันทร์หลายดวงจึงต้องล้อมรอบดาวเคราะห์ดวงนี้เอาไว้
แต่การที่ดวงจันทร์ทั้งสามดวงจะปรากฏให้เห็นพร้อมกันนั้นมีโอกาสเห็นได้ยากมากนัก มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้คนจะออกมาเฉลิมฉลองกับวิวที่ดีเช่นนี้
แสงจันทร์และตะเกียงเวทย์ส่องสว่างไปทั่วทั้งเมืองรุ่งอรุณ ถึงเมืองจะมีขนาดเล็ก แต่มันก็น่าดึงดูดมากกว่าเมืองมนุษย์อื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม เมืองรุ่งอรุณแห่งนี้ก็ไม่สามารถนำไปเทียบกับราชวังของกษัตริย์สักองค์ได้
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีเหล่าสรรพสัตว์และเผ่าพันธุ์ต่างๆมากมายเท่าไหร่ที่เงยหน้ามองเมืองที่อยู่ริมผาเมืองนี้อยู่
แม่น้ำสายรุ้งที่ไหลผ่านเมืองรุ่งอรุณนั้นขยายกว้างมากขึ้น แม่น้ำหลายสายถูกสร้างขึ้นตามผังเมืองเพื่อให้แม่น้ำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นแม่น้ำสาขาเหล่านั้นก็จะมาบรรจบกัน ก่อนที่จะไหลตกลงมาจากหน้าผา
ตั้งแต่ที่หน้าผาทำหน้าที่เป็นกำแพงปกป้องเมืองแห่งรุ่งอรุณไว้ วิลเลียมก็ไม่ไม่มีความตั้งใจที่จะสร้างกำแพงสูงตามแนวหน้าผา
แน่นอนว่า
แม่น้ำสายรุ้งสายหลักคือใจกลางของเมืองรุ่งอรุณที่แท้จริง
ศาลาหลังเล็กๆถูกสร้างขึ้นข้างๆแม่น้ำ ตั้งอยู่ตรงท้ายลานเมืองทางทิศใต้ มันจึงเป็นสถานที่ที่ใครๆก็สามารถไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของที่ราบทางเหนืออย่างสบายใจได้
วิลเลียมนั่งอยู่ในศาลาและกำลังค่อยๆละเลียดจิบไวน์ผลไม้ช้าๆ ไม่มีใครอยู่รอบๆ ยกเว้นเด็กสองสามคนที่ลอบมองท่านลอร์ผู้น่าเคารพนับถือคนนี้
มีสุภาพสตรีสองสามคนที่หน้าแดงก่ำกำลังยืนเฝ้ามองเขาอย่างสุขุมขณะที่กำลังจินตนาการถึงคนรักในฝัน หากในยามค่ำคืนพวกเธอนอนไม่หลับ พวกเธอก็จะปลดปล่อยจินตนาการไปเรื่อย…
วิลเลียมสำรวจผู้คนในลานกว้าง พวกเขาพูดคุย, เต้นรำ, จิบไวน์หรือไม่ก็ร้องเพลงกันอย่างมีความสุขอยู่ที่น้ำพุกลางเมือง
เขายิ้มอย่างสุขใจก่อนจะเพลิดเพลินไปกับไวน์ของตน
เสียงฝีเท้าปรากฏจากทางด้านหลังของเขา
แต่วิลเลียมไม่ได้หันกลับไปมอง
ลอทเนอร์ถอนหายใจแล้วถามว่า “ท่านลอร์ด ท่านกำลังคิดจะไปพบแม่ของท่านหรือ?”
“อะไร?”
“ท่านไม่รู้หรือ? ท่านแม่ของท่านน่ะ...”
“เข้าเรื่องมาเลยเถอะ พูดให้มันตรงประเด็นหน่อย” วิลเลียมหันไปมองลอทเนอร์ด้วยสายตาเย็นชา เขามีความรู้สึกซับซ้อนกับแม่คนนี้แปลกๆ ในขณะที่เขาได้รับร่างนี้มา เขาก็ยังได้รับความรู้สึกที่ลูกชายมีต่อแม่มาอีกด้วย และเขาเชื่อว่ามันควรจะถูกเก็บไว้ในลักษณะนี้
ดังนั้นถ้าแม่ของเขาได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดล่ะก็ วิลเลียมก็ไม่ทราบว่าจัดการกับมันอย่างไรดี
“ท่านลอร์ด ตั้งแต่ที่ข้านำไลฟ์โพชั่นกลับมา เจ้าชายหลายคนก็เสนอต่อราชาเอลฟ์ให้...ราชาแบล็คลีฟได้สั่งห้ามไม่ให้ท่านหญิงอลิซเข้าพบหรือไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆแก่ท่าน”
“ไม่ว่าสิ่งใดที่เกี่ยวกับท่านล้วนถูกสั่งห้ามทั้งหมด” ลอทเนอร์พูดเน้นทีละคำ
เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ราวกับว่าลอทเนอร์กำลังอ่อนแรงจนจะพังทะลาย
เขาไม่กล้าคิดว่าวิลเลียมในวัยสิบหกปีจะพังทลายแค่ไหนหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น และไม่รู้ว่าวิลเลียมจะเต็มไปด้วยความทุกข์และสิ้นหวังแค่ไหน
ไม่ว่าวิลเลียมในวัยเด็กจะทำอะไรลงไป
มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาที่มีสายเลือดของครึ่งเอลฟ์ เจ้าชายเอลฟ์ในเมืองดาร์คไนท์นั้นมีมากเกินไป…
อย่างไรก็ตาม
วิลเลียมไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา เขายังคงเป็นท่านลอร์ดที่โดดเดี่ยวและยังคงรัษาท่าทีของตนเองไว้ได้
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
วิลเลียมหัวเราะกับตนเองก่อนจะกล่าวว่า “เลือดเย็นซะจริง แผนที่จะไปยังเมืองดาร์คไนท์ของเราถูกปัดทิ้งไปแล้วใช่มั้ย?”
“นั่นมัน...” ลอทเนอร์พูดไม่ออก เขาไม่สามารถตำหนิหรืออธิบายต่อวิลเลียมในโถงประชุมได้
หากบุคคลภายนอกรับรู้เรื่องนี้ อำนาจของท่านลอร์ดจะสั่นคลอนเป็นอย่างมาก
แต่ลอทเนอร์กลับรู้สึกเสียใจที่ตนเองไม่ได้บอกความจริงกับวิลเลียมในโอกาสก่อนหน้านี้ บางทีเขาอาจจะไม่เคยมองวิลเลียมในฐานะท่านลอร์ดที่โตเต็มตัวแล้ว และยังคงปฏิบัติต่อวิลเลียมเหมือนกับเขาเป็นเด็กๆ
“ท่านไปได้แล้ว เราอยากคิดทบทวนกับตนเองอีกสักพัก” วิลเลียมที่ระบายอารมณ์ออกมาโบกมือขณะที่เอนกายพิงเสาหินเย็นเฉียบ เขาปล่อยให้ความคิดของตนล่องลอยไปยังที่ที่แสนไกล
“เราจะหาพิมพ์เขียวการต่อเรือได้จากที่ไหนกันนะ? เมืองชายทะเล, เมืองป้อมปราการทะเลตะวันออก, จักรวรรดิทั้งสาม หรือเมืองคนแคระที่อยู่ใกล้ทะเล...ใครกัน...ใครกันที่มีพิมพ์เขียว?” วิลเลียมเกาหัว
เนื่องจากเขาไม่สามารถไปยังเมืองดาร์คไนท์ได้ เขาจึงต้องคิดหาวิธีอื่น
เขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องมีทางออกเสมอ
มีเพียงคนเฮงซวยเท่านั้นแหละที่ไม่ยอมทำอะไรซักอย่าง สักแต่จะพล่ามไปเรื่อย
เขาคิดไปถึงเมืองอื่นๆ แต่เมืองและศูนย์กลางของอำนาจเหล่านี้นั้นออกจะอยู่นอกขอบเขตของเกมเวอร์ชัน 1.0 ไปบ้าง
การไปเยือนเมืองดาร์คไนท์สำหรับวิลเลียมนั้นง่ายดายมาก อย่างน้อยก็รับประกันความปลอดภัยของเขาได้ แต่สำหรับที่อื่นนั้น มันก็ยากที่จะพูด…
หากเขาไปเจอศัตรูที่อารมณ์ร้อนและทรงพลังเข้า เขาอาจจะถูกฝังไว้ในใต้ดินที่ลึกหกเมตรเลยก็ได้
“ในเวอร์ชัน 1.0 ทั้งอาณาจักรเหล็กและอาณาจักรลาวาดำต่างก็ไม่ได้พัฒนาอุตสาหกรรมการเดินเรือของตนมากนัก แม้ว่านี้จะเป็นเกมที่สมจริง แต่ฉันก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อเรืออยู่ดี คงจะดีถ้าฉันมีเรือเล็กๆ...” วิลเลียมรู้สึกเป็นทุกข์
อย่างไรก็ตาม
เขาต้องทำเป็นว่าไม่ได้เป็นอะไร
แม้ว่ามันจะทุกข์ทรมาน เขาก็ต้องไม่แสดงมันออกไป
เขาจะรักษาอำนาจในฐานะลอร์ดได้อย่างไร?
หากเขาไม่สามารถเอาพิมพ์เขียวการต่อเรือมาได้ คนของเขาจะมองเขาอย่างไร?
ทุกอย่างมีขั้นตอนแรกเสมอ หากเขาเริ่มทำอุตสาหกรรมการเดินเรือ ในช่วงเริ่มต้นจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาในอนาคต วิลเลียมมีแผนการอันทะเยอทะยานสำหรับอนาคตของเขาแล้ว...ไม่สิ มันไม่จำเป็นต้องให้เขาทำก็ได้นี่…
วิลเลียมยืนขึ้นก่อนจะมองไปยังทิศทั้งสี่เขม็ง ภาพในชีวิตก่อนหน้าประกายขึ้นในใจของเขา เขามองดูเหล่าพลเมืองในลานกว้างแยกย้ายกลับไปบ้านเพื่อพักผ่อนในขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
วิลเลียมมองไปยังป่าแบล็คลีฟอีกครั้ง
สิ่งที่เขามองไม่ใช่เมืองดาร์คไนท์
แต่มันคือเมืองบลูมูน
“ในบรรดาอาณาจักรเอลฟ์ทั้งสาม ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีเพียงเอลฟ์แบล็คลีฟเท่านั้นที่มีทักษะการต่อเรือ เอลฟ์มูนไลท์นั้นอาศัยอยู่บนเกาะกลางทวีปรีเจนดารี”
“เอลฟ์มูนไลท์ถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบที่ไร้ขอบเขตซึ่งมีขนาดใหญ่เท่าๆกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของโลกเลยด้วยซ้ำ เอลฟ์มูนไลท์เองก็ได้รับการสืบทอดทักษะจากบรรพบุรุษและมีทักษะการต่อเรือที่ยอดเยี่ยม”
วิลเลียมหรี่ตา การที่จะได้ทักษะการต่อเรือของเอลฟ์มูนไลท์มานั้นไม่ง่ายเลย เขาต้องทำอะไรสักอย่างให้เธอเพื่อแลกมันมา
อย่างการเลียแข้งเลียขาประจบประแจง…
ก็มันช่วยไม่ได้ล่ะนะ
การประจบน่าจะเป็นวิธีเดียวในการเข้าถึงหนังสือดีๆของเจ้าหญิงมูนไลท์
“ไม่คิดว่าในวันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นสุนัขที่ส่ายหางไปมา…” วิลเลียมรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย โชคดีที่เขามีโอกาสได้เป็นสุนัขของเจ้าหญิงที่คนอื่นไม่มีโอกาสนั้นด้วยซ้ำ
เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากปลอบใจตนเองไปแบบนั้น และอาจจะเหนือกว่าเล็กน้อย
“อืมม 30 แต้ม ค่ามิตรภาพของเธอต่อฉันมีค่าเท่านั้นเองเหรอ?” วิลเลียมลูบคาง วิลเลียมพบเจ้าหญิงแอนนี่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเราไม่ได้ถือว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ คะแนนมิตรภาพเหล่านี้สะสมระหว่างธุรกิจการขายมิทริลครึ่งปีที่ผ่านมาเท่านั้น
เจ้าหญิงคิดว่าตนเองเป็นนางฟ้า เธอภูมิใจมากและยากที่ทำอะไรให้ถูกใจ
แต่มีปัญหาอื่นอยู่
นางฟ้าตัวน้อยองค์นี้ชื่นชอบสิ่งของทางโลก!
เธอชอบสิ่งของต่าง ๆ เช่น มิทริล ผงทองคำ หินล้ำค่า และสิ่งมีค่าและเงางามอื่น ๆ
จากคำพูดของเธอแล้ว เธอใช้สิ่งของเหล่านี้ตกแต่งบ้านของเธอที่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่
วิลเลียมพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าห้องนอนของเธอจะหรูหราแค่ไหน เขามีความปรารถนาที่จะใช้เวลาหนึ่งคืนในห้องนั้น ...
ดูเหมือนจะจริงที่ผู้หญิงและมังกรมักจะชอบสิ่งของคล้ายๆกัน
“เพื่อเพิ่มค่ามิตรภาพการเลียแข้งเลียขาอย่างเดียวคงไม่พอ ฉันมีพรสวรรค์การกระดิกหางที่ดีที่สุดในโลกแต่… แต่ถ้าคะแนนความชอบของฉันเพิ่มขึ้นช้าเกินไปล่ะ ...” วิลเลียมเลิกคิ้ว ก่อนจะมองไปยังทางตอนใต้อีกครั้ง
“ถึงเวลาที่จะหาทรัพยากรแร่ใหม่แล้ว ดี...ฉันจะใช้มันนี่แหละ มันมีมูลค่าสูงและสะดุดตามาก ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าหญิงน้อยด้วยสิ่งนี้ได้ ฉันจะทำให้แอนนี่รบกวนพ่อของเธอเรื่องพิมพ์เขียวต่อเรือให้ได้” เสียงหัวเราะที่น่ากลัวดังขึ้นขณะที่วิลเลียมเลียริมฝีปากของตน