ตอนที่แล้วบทที่ 70 หยิ่งยโส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 72 ก้นจ้ำเบ้า

บทที่ 71 อวดดีมันต้องแบบนี้!


หลี่ปางฉี่รู้สึกตกตะลึง  อาจารย์ของเขาเคยบอกไว้…ในโลกของผู้ฝึกยุทธระดับที่สูงที่สุดก็คือระดับสวรรค์  ถึงแม้เขาจะฝึกมาร่วม 10 กว่าปีก็ยังไปไม่ถึงระดับต่ำสุดของผู้ฝึกยุทธ ‘ระดับเหลือง’ ด้วยซ้ำ  ตอนนี้เขาแตะขอบระดับยอดฝีมือเท่านั้น  ว่ากันว่าผู้ที่ฝึกถึงระดับสวรรค์นั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย  หรือพูดได้ว่าไม่มีใครเคยเจอคนเหล่านี้กับตัวเลยแม้แต่คนเดียว

อาจารย์ของเขาเองก็มีฝีมือพอจะนับได้ว่าเป็นระดับเหลืองต้นๆ เท่านั้น...ไม่มีทางพัฒนาฝีมือต่อไปได้อีกแล้ว  ยอดฝีมือที่แท้จริงล้วนมากจากเหล่าตระกูลโบราณหรือไม่ก็กองกำลังลับทั้งนั้น  แต่คนเหล่านี้ปกติแล้วจะไม่เปิดเผยตัวเองออกมาสู่โลกภายนอก  พวกเขาตามหาจุดสูงสุดของพลัง  ดังนั้นคนธรรมดาทั่วไปจึงพบเห็นพวกเขาเหล่านี้ได้ยาก

หากวันใดมีคนสามารถสกัด ‘หมัดพายุฝน’ ของเขาได้  นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นได้ไปแตะธรณีประตูของระดับเหลืองแล้ว  และเขาก็ไม่ใช่คู่มือของคนประเภทนี้

ตอนนี้ ‘หมัดพายุฝน’ ได้ถูกใช้ออกไปแล้ว  แต่คู่ต่อสู้ชาวเกาหลีของเขาก็ยังคงยืนหยัดมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน  หลี่ปางฉี่คิดถึงคำพูดของอาจารย์ขึ้นมา  เขารู้ว่าท่าไม่ดีจึงรีบถอยมาตั้งรับทันที

ทว่าเวลานี้เองที่ผู่ตงเหวินคล้ายกับแยกร่างออกมาเป็น 2 ร่าง  ช่วงขณะลมหายใจที่หลี่ปางฉี่ลังเล  ผู่ตงเหวินก็เตะเข้าตรงกลางอกของหลี่ปางฉี่ทันที!

ความเจ็บปวดจากกระดูกซี่โครงที่ถูกเตะหัก  ทำให้หลี่ปางฉี่ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองถูกเตะลอยออกมาจากสนามประลองแล้ว  แต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้  เขาแพ้แล้ว  ทั้งยังถูกคนที่เป็นแค่รองเจ้าสำนักโค่นอีก  ตัวเจ้าสำนักยังไม่แม้กระทั่งโผล่หน้าออกมาเลยด้วยซ้ำ  เวลานี้แม้แต่ความเจ็บปวดตรงกระดูกซี่โครงเขายังไม่มีอารมณ์จะไปสนใจแล้ว  เหลือเพียงความอับอายเท่านั้นที่เขารู้สึกได้ในเวลานี้  ไอ้พวกเกาหลีมันขโมยสิ่งที่บรรพบุรุษชาวจีนสร้างขึ้นมาแล้วใช้มันโค่นเขา!

เสียงที่เคยดังเซ็งแซ่ในโรงยิมกลับเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดราวกับป่าช้า  หลี่ปางฉี่...ตัวแทนของยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในหนิงไห่  แม้แต่กับแค่รองเจ้าสำนักคนหนึ่งยังสู้ไม่ได้  แล้วแบบนี้จะให้คนดูหลายพันคนทนได้อย่างไร?   สาเหตุที่หลี่ปางฉี่เพิ่งลงมือท้าประลองวันนี้ก็เพราะเมื่อวานเขาเพิ่งกลับจากปักกิ่ง  ใครจะคิดว่าพอกลับมาไม่ทันไรก็ต้องพ่ายแพ้แบบนี้

เฉินเว่ยหลิน...รองหน้าสมาคมศิลปะการต่อสู้ของหนิงไห่  ขณะเดียวกันเองก็เป็นประธานนักศึกษามหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของหนิงไห่  เขาพูดขึ้นด้วยความหดหู่  “รีบพาหลี่ปางฉี่ไปส่งโรงพยาบาลเร็ว!  ครั้งนี้พวกเราขอยอมแ...”

บนอัฒจันทร์ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ  หลายคนเริ่มเดินออกจากที่นั่งด้วยอารมณ์สลดหดหู่  ทว่าตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของเฉินเว่ยหลินดังขึ้นอย่างกะทันหัน  เขารับโทรศัพท์...ฟังได้ประโยคเดียวก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความยินดี  “ว่าไงนะ?  หาเจอแล้ว?  ดี! ที่นี่ให้ผมจัดการเอง...”

“ผู้ดูแลผู่!  คืนนี้พวกเรายังมีสมาชิกสมาคมศิลปะการต่อสู้ที่ยังอยากท้าประลองพวกคุณอยู่  คนนี้เป็นคนสุดท้ายแล้ว  ถ้าครั้งนี้ยังโค่นคุณไม่ได้…ผมตัวแทนสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งหนิงไห่  จะไม่ท้าประลองพวกคุณอีก!”  คำพูดของเฉินเว่ยหลินเรียกความสนใจจากผู้ชมรอบข้างได้เป็นอย่างดี  หากไม่ขอท้าประลองอีก...นั่นหมายความว่าได้ยอมรับสถานะของอีกฝ่ายแล้ว  เฉินเว่ยหลินเป็นบ้าไปแล้ว!

“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!  ยินดีรับคำท้า!  มวยเกาหลีของพวกเราไม่กลัวคำท้าอยู่แล้ว!  กลัวแค่ไม่มีใครกล้าก็เท่านั้น!  ผมก็สงสัยอยู่ว่าผ่านมาหลายวันแล้วทำไมถึงมาท้าแค่คนเดียว  ที่แท้ก็มีอีกคนนี่เอง”  ผู่ตงเหิงหัวเราะออกมาด้วยความอวดดี  ยิ่งมาท้าสู้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี  สำนักเทควันโดสไตล์เกาหลีของพวกเขาจะยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก!

“ว่าไงนะ  ยังมีคนท้าประลองอีกหรือ?  อยู่เชียร์เขากันเถอะ!  เอาให้ไอ้พวกเกาหลีรู้สำนึกว่าศิลปะการต่อสู้ของจีนที่แท้จริงมันเป็นยังไง!”

“ใช่แล้ว!  อยู่เชียร์พวกเขาต่อกันเถอะ...”

“อยากอยู่พวกนายก็อยู่กันไปเถอะ  ฉันช้ำมาพอแล้ว  ไปล่ะ!”

“จริงด้วย!  ไปกันเหอะ  สุดท้ายพวกที่เหลือก็ทำได้แค่เชียร์พวกเกาหลีเท่านั้น”

...

เสียงพูดคุยกันดังเซ็งแซ่  ผู้ชมหายไปกว่าครึ่ง  โรงยิมจากที่เคยแออัดเนืองแน่นกลับมีที่ว่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน  ทว่าคนข้างนอกที่ไม่มีโอกาสเข้ามาดูตอนแรก...เมื่อได้ยินว่ายังมีคนขอท้าประลองต่อ  ทั้งยังมีคนดูเหลืออยู่อีกเยอะ  พวกเขาก็รีบเบียดเข้ามาข้างในทันที  โรงยิมมีที่ว่างได้พักเดียวก็ค่อยๆ ถูกเติมเต็มอีกครั้ง

“เป็นใครกันแน่ที่ยังอยากท้าประลอง?  ต่อให้เขาแพ้ฉันก็จะสนับสนุนเขา  อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด!”

“ถูก!  เราต้องสนับสนุนเขา  ไม่เหมือนคนบางคนที่พอเห็นเราแพ้หน่อยก็หมดไฟกันแล้ว  ถึงว่าพวกเกาหลีถึงได้ห้าวแบบนี้”

“เห็นว่าเฉินเว่ยหลินรับโทรศัพท์แล้วก็จัดประลองทันทีเลย  ไอ้พวกเกาหลีต้องการให้คนท้ามันอยู่แล้ว   พวกมันจะได้ยิ่งมีชื่อเสียงขึ้นไปอีก”

“มีชื่อเสียง?  ไม่แน่หรอก…การประลองยังไม่เริ่มเลยพวกมันก็มันใจกันเสียเต็มประดาเชียวนะ!”

……….

เย่โม่มาถึงมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งหนิงไห่แล้ว  เขาไม่คาดคิดว่าในโรงยิมจะมีคนเยอะมากขนาดนี้  หากจะบรรยายว่ามีคลื่นผู้คนมากราวกับคลื่นทะเลก็คงจะไม่เกินไปนัก  ถึงแม้ตัวเย่โม่เองจะไม่ชอบความอึกทึกครึกโครมและมักจะเลือกปลีกตัวฝึกฝนอยู่คนเดียวเสียมากกว่า  แต่กับนักศึกษาเลือดร้อนและความกระตือรือร้นของประชาชนชาวหนิงไห่แล้ว  กลับทำให้เย่โม่เกิดความรู้สึกร่วมขึ้นมา  เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเดินออกจากโรงยิมไปแล้วกว่าครึ่งก่อนหน้านี้

เย่โม่เดินตามฟางเว่ยเฉิงเข้าประตูด้านหลังของโรงยิม  ไม่มีใครเข้ามาทักทายหรือพูดอะไรด้วย   สาเหตุก็เพราะตัวเขาดูแล้วธรรมดาเกินไป  เทียบกับนักศึกษาทั่วไปแล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างแม้แต่น้อย

“พี่ฟาง  หาคนนั้นเจอแล้วหรือ?  เขามาแล้วใช่ไหม?  อยู่ไหนล่ะ?”  เฉินเว่ยหลินเห็นฟางเว่ยเฉิงก็เข้ามาถามไถ่ด้วยความยินดี

“เขาคนนี้นี่แหละ  ชืออิ่ง…สุดยอดปรมาจารย์ในโลกศิลปะการต่อสู้”  ฟางเว่ยเฉิงชี้ไปทางเย่โม่

“อา...”  เฉินเว่ยหลินนิ่งค้างไปพักหนึ่ง  ทำไมถึงได้กลายเป็นชายหนุ่มท่าทางสงบเงียบคนนี้เล่า!?   แต่เขาก็ตั้งสติได้ในทันที  ท่าทีของเขาดูจะเสียมารยาทเกินไปแล้ว  เขารีบยื่นมือออกไปทันที  “ปรมาจารย์  สวัสดีครับ  ผมชื่อเฉินเว่ยหลิน  รองประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งหนิงไห่  เห็นว่าคุณมีฝีมือร้ายกาจ…แต่ผู่ตงเหวินคนนั้นก็มีฝีมือไม่เบาเช่นกัน  อยากให้ผมเปิดวิดีโอการแข่งของเขาก่อนหน้าให้ดูสักหน่อยไหม?”

เย่โม่โบกมือ  “ผมมีเวลาไม่มาก  เรื่องวิดีโอน่ะช่างเถอะ  ยิ่งแข่งเร็วยิ่งดี”

เฉินเว่ยหลินอ้าปากค้าง  อวดดีสุดๆ!  อวดดีเกินไปแล้ว!  คนที่เคยท้าประลองกับผู่ตงเหวินล้วนศึกษาวิดีโอการออกกระบวนท่าของเขาแทบทั้งนั้น  ทั้งยังวิเคราะห์กันซ้ำไปซ้ำมาเสียด้วย  ต่อให้ทำถึงขนาดนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถยืนหยัดต่อหน้าผู่ตงเหวินได้เกิน 20 นาทีเลยแม้แต่คนเดียว

ชายที่ชื่อชืออิ่งคนนี้ตกลงเป็นใครกันแน่?  เป็นไปได้ไหมว่าเว่ยเฉิงจะมองคนผิด?  หากขึ้นไปสู้แค่แปปเดียวแล้วถูกคนลากลงมาล่ะก็...บาดแผลของเขาน่ะเรื่องเล็ก  แต่ชื่อเสียงสมาคมก็จะสูญหายไปจนหมด  คิดถึงตรงนี้เฉินเว่ยหลินก็มองฟางเว่ยเฉิง  เขาอยากรู้ว่าฟางเว่ยเฉิงจะพูดยังไง

เมื่อเห็นสายตาของเฉินเว่ยหลิน  ฟางเว่ยเฉิงก็โบกมือ  “ประธานเฉิน  คุณจัดการไปตามที่ชืออิ่งบอกเถอะ  เวลาของเขามีจำกัด  ให้ดีที่สุดเอาให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 3 ชั่วโมง  เรียกให้เจ้าสำนักกับรองสำนักเทควันโดเกาหลีขึ้นมาประลองพร้อมกันเลย  รับประกันได้ว่าหลังจากประลองไอ้พวกเกาหลีมันจะหาทางกลับบ้านมันแทบไม่ทัน”

ฟางเว่ยเฉิงชื่นชมฝีมือของเย่โม่มาก  เขาไม่เชื่อว่าเจ้าสำนักเทควันโดเกาหลีจะซัดเขาจนหมอบได้ในครั้งเดียวแบบที่ชืออิ่งคนนี้ทำได้  ทั้งยังมีท่าทีสบายๆ เสียด้วย

เมื่อเห็นว่าฟางเว่ยเฉิงพูดถึงขนาดนี้  เฉินเว่ยหลินเองก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก  เขามองเย่โม่แล้วก็หันหลังไปจัดการแข่งทันที

“รอเดี๋ยว!”  เย่โม่กลับเรียกเฉินเว่ยหลินเอาไว้

“ยังมีเรื่องอะไรอีกรึเปล่าครับ?  เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”  เฉินเว่ยหลินถึงแม้จะไม่เชื่อใจเย่โม่นัก  แต่เขาก็เป็นคนที่ฟางเว่ยเฉิงพามาด้วยตัวเอง

“นายไปบอกให้พวกสำนักเทควันโดอะไรนั่นเข้ามาพร้อมกันเลยยิ่งดี  จะได้ไม่เสียเวลา  แล้วอีกอย่างหนึ่ง...บอกผมหน่อยว่าชายที่ชื่อผู่ตงเหวินคนนี้ชอบหักกระดูกคนอื่นตรงจุดไหนมากที่สุด”  เย่โม่พูดขึ้น

“ว่าไงนะ?”  เฉินเว่ยหลินตกตะลึงของจริงแล้ว  เมื่อกี้เขาก็ยังคิดอยู่ว่าชืออิ่งคนนี้ไม่ดูวิดีโอการแข่งเรียกว่าอวดดีแล้ว  มาตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าแค่ไหนจึงเรียกว่าอวดดี!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด