บทที่ 34
หลังจากพูดคุยกันอยู่นานก็ได้ข้อสรุป โดยทางสำนักจะเป็นผู้รับซื้อยาเดือนละสองร้อยเม็ด เม็ดละหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงทอง เป็นเวลาหนึ่งปี แน่นอนว่าชายชราเนี่ยกังยินดีไม่น้อยกับราคาที่จะได้รับต่อเดือน ไม่นานคนทั้งสองก็จากลา มู่ซุนกวนยกยิ้มดีใจไม่น้อยที่การพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดีในฐานะคนกลาง ส่วนผู้อาวุโสเถียนอู่ซวงมีท่าทางเศร้าใจไม่น้อยเช่นกัน ที่ไม่ได้รับสูตรยามาด้วย แต่ถ้าหากรับรู้สูตรยาจริงๆคงตกใจตายเป็นแน่ เพราะสมุนไพรที่นำมาปรุงยาหาได้ง่ายตามท้องตลาด
ช่วงเวลาเกือบสองเดือนได้ผ่านไป ร้านยาถูกทำการเปิดกิจการขายยาในราคาถูก ได้รับความสนใจไม่น้อย ส่วนเด็กหนุ่มเนี่ยฟงก็มุ่งมั่นฝึกวิชาดาบจนถึงระดับผลิดอกเดินทางเข้าออกจากเมืองอยู่ตลอดเวลาเพื่อฝึกวิชาบนเขา สองปู่หลานนั่งทานอาหารในห้องครัว
“ลูกฟง ปู่สามารถแนะนำเจ้าให้ผู้อาวุโสเถียนอู่ซวงเจ้าว่าอย่างไร”
“ไม่เป็นไรขอรับท่านปู่ ข้ามีวิธี”
“เหอะ เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมีวิธี หากเกิดอะไรขึ้นที่สำนัก เจ้าสามารถแจ้งผู้อาวุโสเถียนอู่ซวงได้ว่าเจ้าเป็นหลานชายข้า”
“ตามแต่ท่านปู่เห็นสมควรขอรับ”
“เจ้าจะเดินทางเมื่อไหร่”
“รุ่งเช้าขอรับ”
“อืมเช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเถอะ”
รุ่งเช้า เสียงนกร้องดังขับขาน เด็กหนุ่มเนี่ยฟงสวมชุดสีเทา มัดผมหางม้า เดินออกจากร้านยามุ่งหน้าขึ้นเหนือ ตลอดทางมีทั้งเด็กหนุ่มและเด็กสาวบ้างเดินคนเดียว บ้างเดินเป็นกลุ่ม ส่วนผู้ที่มีฐานะก็นั่งรถม้า มีบางครั้งก็มีการต่อสู้กันเกิดขึ้นตามประสาหนุ่มสาวเลือดร้อน ปลาใหญ่มักกินปลาเล็ก เป็นธรรมดาผู้คนมักจะอวดอำนาจวิชาที่ตนมี สนองด้วยการลงมือทำร้ายผู้อื่น และด้วยทางท่าที่ดูอ่อนต่อโลก เด็กหนุ่มเนี่ยฟงจึงเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน
ฟิ้ว ลูกไฟสีแดงขนาดเล็กพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว ตูม ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย เสียงหัวเราะดังลั่น แต่ทว่าไม่ถึงสามลมหายใจเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่รับรู้ว่ามีอันตรายเข้ามา เด็กหนุ่มรีบสะบัดมือขวาสร้างเกราะสายฟ้าออกมาต้านรับ และรีบพุ่งออกมาด้วยความเร็ว ต่อยเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ซัดลูกไฟออกมา ทุกอย่างถูกกระทำอย่างรวดเร็ว กลุ่มของเด็กหนุ่มผู้นั้นถึงกับยืนนิ่งค้างเพราะไม่มีใครที่รับรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แน่นอนเมื่อหันไปมองก็ไม่เจอเด็กหนุ่มชุดเทาแล้ว
“คุณชาย คุณชายเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับข้า”
“พวกข้าไม่ทราบขอรับ”
“แล้วเจ้านั้นมันหายไปไหน”
“ไม่มีใครเห็นขอรับ ทันทีที่ฝุ่นควันหายไปก็ไม่พบร่างเจ้านั้นแล้ว”
“บัดซบนัก หากข้าเจอมันอีกครั้งเมื่อไหร่มันตายแน่”
“คุณชายมีเรื่องกับเจ้าหมอนั่นหรือขอรับ”
“เป็นมันไม่ผิดแน่ ข้าเคยพบเจอมันมาก่อนมันคือเจ้าขยะเนี่ยฟงแห่งหมู่บ้านเมฆหมอก เพราะมันและปู่ของมัน ทำให้พ่อข้าต้องได้รับความอับอายถูกขับไล่ ข้าเนี่ยเหวินขอสาบานว่าจะสังหารเจ้า เจ้าขยะเนี่ยฟง”
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มเนี่ยฟงเองก็รับรู้ว่าเด็กผู้ที่ซัดลูกไฟออกมาเป็นผู้ใด หากไม่ใช่อดีตพี่ชายเมื่อครั้งเก่าเนี่ยเหวิน เนี่ยฟงรับรู้ความจริงที่ว่าตนนั้นถูกหลอกให้เข้าไปในป่ามรณะเพื่อให้ไปตาย แต่ในใจลึกๆต้องขอบคุณเนี่ยเหวินด้วยเช่นกันที่นำแผ่นที่มาให้ หากไม่เช่นนั้นตนคงไม่คงมาถึงจุดนี้ หากเนี่ยเหวินไม่ลงมือก่อนเนี่ยฟงคงไม่กระทำเช่นนี้เช่นกัน ไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงทางเข้าสำนักพยัคฆ์สายลม ด้านหน้าเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ มีบันไดสูงชันขึ้นด้านบน ด้านล่างมีกลุ่มคมสวมชุดสำนักสีเทาขลิบน้ำตาลยืนอยู่หลายสิบคน ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังลั่นออกมา
“เจ้าพวกเด็กหนุ่มสาวทั้งหลาย พวกเจ้าจงมารวมตัวที่นี่”
สิ้นเสียงเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายก็รีบวิ่งเข้ามาอยู่ในพื้นที่ลานกว้าง ชั่วน้ำเดือดก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมา
“ข้ามีนามว่าห่าวเปาเปา เป็นศิษย์พี่ขอพวกเจ้า ข้าจะมาบอกการคัดเลือกของสำนักในวันนี้ พวกเจ้าคงเห็นบันไดด้านหลังพวกข้าใช่หรือไม่ พวกเจ้าทั้งหมดจงขึ้นไปด้านบนด้วยบันไดนี้ เวลามีจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน หากผู้ใดไม่ผ่านค่อยมาใหม่ในปีหน้า เริ่มได้”