ตอนที่ 33 ปะทะกับโอไบรอัน
ตอนที่ 33 ปะทะกับโอไบรอัน
การลากมอนสเตอร์จำนวนมากมาไว้ที่จุดเดียวและทำการฆ่าสังหารอย่างโหดเหี้ยมนิยมใช้กันมากในการเก็บเลเวลแบบปาร์ตี้ แต่ข้อจำกัดในการทำค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างมาก หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ทั้งปาร์ตี้อาจตายกันหมดได้เลย การทำเทคนิคเช่นนี้จึงต้องอาศัยการไว้ใจซึ่งกันและกันพอสมควร
เจสเปอร์พุ่งตรงมาทางหน้าผา โดยไม่ลดความเร็วลงเลย ลูอิส โบม่อนและหิมะน้อยที่เห็นมอนสเตอร์จำนวนนับสิบๆตัวกำลังวิ่งไล่ตามเจสเปอร์อย่างบ้าคลั่งก็แทบจะเป็นลมกันไปหมดแล้ว เทคนิคที่เจสเปอร์ใช้พวกเขาเองก็เคยพบเห็นในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์มาไม่มากก็น้อย แต่สำหรับเกมเทคโนโลยี VRMMORPG แบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกของพวกเขาเลยก็ว่าได้ การใช้เทคนิคแบบนี้ได้จะต้องใจกล้ามากขนาดไหนกัน
“เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม พี่โบม่อน” หิมะน้อยสั่นสะท้านเมื่อได้พบเห็นจำนวนฝูงมอนสเตอร์ที่วิ่งตามหลังมา
“ทำตามที่เขาบอกเถอะ เรามีเท่าไหร่ก็ระดมใส่ให้หมด หิมะน้อยมอนสเตอร์ฝูงใหญ่ขนาดนี้คงไม่พลาดแล้วใช่ไหม ถ้าพลาดพี่คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้แล้วนะ”
โบม่อนตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ทำการบรรเลงดนตรีที่ไพเราะออกมาท่ามกลางเสียงร้องของมอนสเตอร์ที่โหมกระหน่ำเข้ามาดังคลื่นทะเลซัดโขดหิน
[So far so great!!] ผู้เล่นในปาร์ตี้ที่อยู่ในระยะเพิ่มความว่องไว
[Bullet bites!!] เล่นในปาร์ตี้ที่อยู่ในระยะเพิ่มความแรงในการโจมตี
2 เพลง ดนตรีถูกเล่นสลับอย่างต่อเนื่อง ค่าความว่องไวและพลังโจมตีของปาร์ตี้เพิ่มขึ้นแทบจะในทันทีที่เพลงถูกบรรเลงขึ้น
‘ฟิ้ว ฟิ้ว’
ลูกธนู 2 ดอก พุ่งผ่านร่างของเจสเปอร์ไปอย่างเฉียดฉิว เขามองขึ้นไปบนหน้าผาก็พบว่า ปาร์ตี้ของเขาเตรียมพร้อมแล้ว เจสเปอร์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว หลบสาย หลบขวา เพื่อหลบหลีกการโจมตีอันบ้าคลั่งจากฝูงมอนสเตอร์ที่เขาลากมา
‘ตูม’
เวทย์ไฟลูกใหญ่ ตกลงมาเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์อย่างรุนแรง พร้อมกับคอมโบสกิลจากเจสเปอร์
[Fire Area!!]
วงเวทย์ไฟปรากฏขึ้นใต้เท้าหิมะน้อย ทำให้ความรุนแรงจากเวทย์ไฟที่ร่ายออกมานั่นทำความเสียหายอย่างหนักหน่วงกับมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านล่าง ดูเหมือนหิมะน้อยเองก็ตกใจกับความรุนแรงที่เธอทำได้อยู่ไม่น้อย หากพวกที่ไล่เธอออกจากปาร์ตี้ในตอนแรกได้เห็นการโจมตีเมื่อครู่นี้คงต้องเสียดายที่ไล่จอมเวทสาวคนนี้ไปอย่างแน่นอน
เจสเปอร์ยังคงวิ่งล่อฝูงมอนสเตอร์ พร้อมๆกับหันไปทำดาเมจเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง จำนวนมอนสเตอร์เองที่ไล่ล่าเขาในตอนแรกก็มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ลูอิสให้สัญญาณเจสเปอร์ทันทีที่สกิลของตกพร้อม
[Rain of Arrows!!]
ลูกธนูมากกว่า 50 ลูก ตกเข้าใส่กลางวงมอนสเตอร์อย่างพอดิบพอดี ค่าประสบการณ์จำนวนมากถูกหารเฉลี่ยอย่างเท่าเทียมบวกกับผลของไอเท็มน้ำยา Experience Potions ที่เจสเปอร์ใช่ไปในตอนแรก เลเวลของหิมะน้อยที่น้อยที่สุดในปาร์ตี้ก็ อัพขึ้นทันที ลูอิสและโบม่อนเองก็เช่นกัน พวกเขาก็ใกล้ที่จะเลเวล 8 กันแล้ว
“อย่ามั่วแต่ดีใจกันสิ” “อย่าลืมฉัน” “เจสเปอร์ฉันจะฆ่านาย” “เอาพวกมันออกไปที”
เสียงร้องตะโกนที่ไม่ประติดประต่อเป็นประโยค จากคนที่พวกเขาเกือบลืมไปแล้วว่าหายไปไหน อามมี่พาฝูงมอนสเตอร์จำนวนมากพอๆกับของเจสเปอร์ วิ่งมาตรงหน้าผาของพวกตนอีกครั้ง
“เจสเปอร์หายไปไหนแล้ว”
“เมื่อกี้ฉันยังเห็นเก็บของอยู่เลยนิน่า”
“ดูเหมือนเขาจะทิ้งงานชิ้นใหญ่ให้พวกเราอีกแล้วนะ”
อามมี่ลากฝูงมอนสเตอร์เข้ามาอีกครั้ง แต่การเคลื่อนที่ทำได้ย่ำแย่กว่าเจสเปอร์มาก อามมี่ทิ้งระยะห่างจากมอนสเตอร์มากเกินไป ทำให้ศัตรูไม่เกาะกลุ่ม ความเสียหายที่เพื่อนในปาร์ตี้บนหน้าผาโจมตีลงมาเลยค่อนข้างกระจัดกระจาย ไม่ต่อเนื่องเหมือนเช่นที่เคยทำได้ เมื่อมอนสเตอร์ทั้งหมดตายลง อามมี่ยังไม่ทันได้พัก ฝูงมอนสเตอร์ของเจสเปอร์ก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว
“เก็บไอเท็มทั้งหมดตรงนั้นเร็วเข้า ขืนช้ากว่านี้ฉันจะลากฝูงมอน พวกนี้ผ่านนายอามมี่” เจสเปอร์ยิ้มเยาะใส่อามมี่ไป อามมี่ที่ได้เห็นสีหน้าของเพื่อนตัวเองก็เกิดแรงฮึดรีบลุกขึ้นเก็บของทั้งหมด
‘อย่ามาดูถูกฉันน่ะ เจส คอยดูฉันต้องลากมาให้มากกว่านายให้ได้คอยดู’
อามมี่คิดเรื่องนี้ไว้ในหัวพร้อมวิ่งหน้าตั้งไปลากมอน กลับมาเช่นเดิม
เหตุการณ์ลักษณะเดิมถูกทำซ้ำๆอยู่มากกว่า 10 ครั้งจนในที่สุดท้องฟ้าก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจะฆ่านายเจสเปอร์คอยดูเถอะ ถ้าฉันไม่เตะสักทีอย่าเรียกฉันว่าอามมี่อีกเลย แต่ละรอบยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ใครจะไปแข่งกับนายได้กัน”
ทั้งปาร์ตี้ต่างเหน็ดเหนื่อยกับค่ำคืนที่โหดร้ายทั้งสำหรับมอนสเตอร์และกับพวกเขา ทุกคนต่างล้มตัวลงนอน บางพิงกับโขดหิน
“เป็นยังไงบ้างรสชาติการเก็บเลเวล สนุกมากใช่ไหมละ” เจสเปอร์ยังเป็นคนเดียวที่ร่าเริงอยู่
พวกเขาหูไม่ฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้เจสเปอร์พูดว่า การเก็บเลเวลยังงั้นหรอ บ้านนายสิเก็บเลเวลแบบนี้ ไม่มีใครเขาเก็บเลเวลกันแบบนี้!! แค่1-2รอบพวกเขาพอเข้าใจแต่พวกเขาต้องทำแบบเดิมซ้ำๆมากกว่า 10 รอบ มันไม่ใช่การเก็บเลเวลแล้วมันคือการสังหารโหดมอนสเตอร์ซะมากกว่า ดูมอนสเตอร์ที่น่าสงสารพวกนั้นสิ สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของชายโฉดเจสเปอร์
การเก็บเลเวลแบบบ้าระห่ำบวกกับน้ำยาเพิ่มค่าประสบการณ์ ที่เจสเปอร์ใช่ไปมากถึง 5 ขวด เลเวลของทุกคนในปาร์ตี้ต่างก็พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว เจสเปอร์เดิมที่เลเวลเกือบจะ 12 ตอนนี้ เขาพุ่งไปแตะถึงเลเวล 14 และน่าจะเป็นเลเวลที่สูงที่สุดของผู้เล่นทั้งหมดใน The Era Online อามมี่ โบม่อน เองก็ไม่ยอมแพ้ไล่ตามมาที่เลเวล 11 และเหลืออีกเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็จะอัพถึง 12
หิมะน้อยมาร์กี้ ที่เลเวลน้อยที่สุดในปาร์ตี้ หลังจากที่ทุ่มเทแรงกายไปอย่างหนักก็เลเวล 10 ตามหลังคนอื่นอยู่ช่วงหนึ่งช่วงตัวใหญ่ นั้นเท่ากับว่า 5คนในปาร์ตี้ของเจสเปอร์มีเลเวลต่ำที่สุดคือ 10 หากคนอื่นรู้เรื่องเข้าคงทำได้แต่ฟาดงวงฟาดงา ระบายอารมณ์เป็นแน่
ไหนเมื่อปาร์ตี้ของเขา เลเวลเกิน 10 กันหมดแล้ว การท้าทายดันเจี้ยนป่าขุนเขา น่าจะพอเป็นไปได้แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นจะรอช้าอยู่ทำไม
“ฉันคิดว่าพวกเราในตอนนี้สามารถลงดันเจี้ยนป่าขุนเขากันได้แล้ว พวกนายมีความเห็นกันว่ายังไงบ้าง”
ทุกเสียงในปาร์ตี้ต่างตอบรับและพร้อมกับการลงดันเจี้ยนป่าขุนเขาแล้ว พวกเขาไม่ได้หวังถึงเฟิร์สเคลียร์ แต่แค่อยากที่จะลองค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นจากการอัพเลเวลที่บ้าคลั่ง และสกิลขั้นต่อไปของที่จะปลดล็อคตอนเลเวล 10 ดูเท่านั้นเอง แต่มีเพียงลูอิสเท่านั้นที่ยังคงไม่ได้ตอบรับกลับมา
สถานะลูอิสเหมือนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างขาวกับดำ ที่ไม่มีวันบรรจบเข้าหากันได้ ลูอิสรู้สึกว่าตัวเองต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายนึงให้แน่ชัดและชัดเจนให้เร็วที่สุด หากเขายังทำลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะไม่เป็นผลดีระหว่างตัวเขาและเพื่อนๆทั้งหมด
ฝ่ายนึงคือเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กที่แนะนำตนให้เข้ามาได้รู้จัก The Era Online กับอีกฝ่ายคือคนที่พึ่งรู้จักที่มีศักยภาพที่โดดเด่นและรู้ถึงจุดเด่นของตนเองอย่างถ่องแท้ เขาจะตัดสินใจอย่างไรดี หากจะมองถึงลักษณะนิสัยถึงแม้โอไบรอันจะทำนิสัยที่ไม่ดีนักแต่ถึงอย่างนั่นก็เถอะ เพื่อนก็คือเพื่อน เราสามารถยอมรับข้อเสียมากมายของเพื่อนได้ทั้งหมด เราสามารถยอมปิดตาข้างนึงลืมเรื่องไม่ดีของเพื่อนเราได้เสมอ แต่อีกฝ่ายแม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ลูอิสเชื่อว่าคนเหล่านี้จะช่วยพาตนเองก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้
ลูอิสยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เจสเปอร์เห็นท่าทางแบบนั้นก็เดินเข้าไปตบไหล่ลูอิสเบาพร้อมกับพูดคำพูดที่จะเปลี่ยนลูอิสไปตลอดกาล
“บางครั้งเราต้องยอมทิ้งสิ่งเดิมๆเพื่อไปเจอสิ่งใหม่ๆดูบ้าง หากเรามีความเชื่อมั่นว่าที่นั่นจะเป็นที่ที่เราได้เติบโตและก้าวหน้า หากที่แห่งเดิมนั้นดีจริงๆมันจะเข้าใจถึงการกระทำของเราเอง เพราะถึงยังไงนั่นก็คือที่ที่เราสามารถกลับไปได้เสมอ”
เจสเปอร์ทิ้งคำพูดพวกนั้นเอาไว้ให้คิดจากนั้นก็เดินออกไปร่วมวงกับอามมี่ โบม่อนและหิมะน้อย อีกครั้ง
ลูอิสใช่เวลาไตร่ตรองสักพักก็ทำการส่งข้อความส่วนตัวไปหาโอไบรอัน
[ฉันอยากมีเรื่องคุยกับนาย มาเจอฉันหน่อยได้ไหม]
ปาร์ตี้ทั้ง 5 คนเดินกลับเข้าเมืองเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวอีกครั้ง ของทั้งหมดรวมถึงถูกหารเฉลี่ยกันเป็น 5 ส่วน แต่ทั้ง 5 ส่วนรับเพียงแค่เงินเพียงเท่านั้นส่วนไอเท็มทั่วๆไป พวกเขาตัดสินใจว่าให้เจสเปอร์นำไปจัดการจะดีกว่า หากไอเท็มเหล่านั้นสามารถนำไปทำน้ำยา หรือ คัมภีร์ อื่นๆได้อีกละ พวกเขาจะเสียดายขนาดไหนที่ไม่สามารถเปลี่ยนพวกมันเป็นของที่มีคุณค่ามากกว่าเดิมได้ เพราะฉะนั้นเอาของพวกนี้ไปให้กับคนที่รู้มากกว่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่านำไปขาย
“พวกนายแยกกันไปพักผ่อนก่อนจะดีกว่า เติมพลังให้กับร่างกายตนเองยืดเส้นยืดสายในชีวิตจริงบ้าง แล้วค่อยกลับมาออนไลน์กันอีก 30 นาทีตามเวลาจริง นับจากนี้ละกัน” เจสเปอร์พูดจบก็ออฟไลน์ออกไปเพื่อพักผ่อน คนอื่นๆก็เช่นกัน ต่างพากันออฟไลน์ออกไปในจุดที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด ยกเว้นลูอิส
30 นาทีผ่านไป
เจสเปอร์กลับเข้ามาออนไลน์อีกครั้งหลังจาก พักผ่อนและทานอาหารเสร็จเรียบร้อย มีข้อความส่งมาหาเจสเปอร์ทันทีเมื่อเขาออนไลน์เข้ามา
[เจส รีบมาที่ สมาคมกิลด่วนเลย ลูอิสมีเรื่องปะทะกับโอไบรอันพวกเราเองก็ถูกกันให้ถอยห่างจนไม่สามารถช่วยเหลือได้]
เมื่ออ่านจบเจสเปอร์ก็รีบวิ่งไปในจุดที่อามมี่แจ้งเอาไว้ทันที หน้าสมาคมกิลมีคนจำนวนนึงยืนล้อมวงเอาไว้อยู่โดยผู้คนมากกว่า 20 คนที่ล้อมรอบไว้นั้นเป็นผู้เล่นของกิล BlackRat ทั้งหมด
“แกคิดว่าจะเข้ากิลของฉันและจะออกไปได้ง่ายๆหรอ” เสียงตะโกนดังกึกก้อง ดึงดูดผู้เล่นไม่มากก็น้อยให้เข้ามาสนใจ
“ฉันบอกเหตุผลไปทั้งหมดแล้ว นายหัดที่จะฟังบ้างโอไบรอัน”
“เหตุผลไร้สาระ ในเมื่อเป็นผู้เล่นของกิล BlackRat แล้วก็ไม่มีสิทธิที่จะออกจำเอาไว้ ถึงแม้นายจะเป็นเพื่อนในชีวิตจริงฉันก็ตาม”
ถึงแม้ว่านี้คือการทะเลาะกันอย่างรุนแรงแต่ยังไม่มีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น เหล่าทหารยามของเมืองอัลคาเดียจึงไม่สนใจที่ยุ่งเกี่ยว แต่ถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายนึงชักอาวุธออกมาเมื่อไหร่ ทหารยามในบริเวณจะเข้าทำการจับกุมอย่างรวดเร็ว
“เกิดเรื่องอะไรกัน ใครเล่าให้ฉันฟังได้ไหม”
เจสเปอร์ที่มาถึงแล้ว รีบถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดจากเพื่อนของเขาโดยทันที
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่ล็อคอินกลับเข้ามา ก็เห็นผู้คนยืนมุ่งกันอยู่ก่อนแล้ว ฉันเห็นว่าคนเยอะน่าสนุกจึงเลยเข้ามาดูก็พบ ลูอิสกับโอไบรอันกำลังทะเลาะกันอย่างหนักเนี่ยละ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจสเปอร์ก็พอเข้าใจกับสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ลูอิสกำลังตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเอง แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถสอดมือเข้าไปยุ่งด้วยได้ต้องให้ลูอิสและโอไบรอันพูดคุยและเคลียร์ปัญหากันเองแต่หากมีการใช้อาวุธลงไม้ลงมือละก็ เขาจะเป็นคนแรกที่จะปรากฏตัวในที่ตรงนั้น
“ฉันจะพูดครั้งสุดท้ายโอไบรอันในเมื่อฉันบอกเหตุผลที่ต้องการให้กับนายฟังไปทั้งหมดแล้วก็หลีกทางให้ด้วย ฉันไม่ใช่คนของกิล BlackRat อีกต่อไปแล้ว”
ลูอิสพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม จริงจัง ผู้เล่น BlackRat ที่ยืมล้อมรอบต่างก็หลบสายตาที่จ้องมองมาแต่จะให้พวกเขาทำอย่างไร เปิดทางให้กับลูอิสไป ไม่เท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัวอย่างนั้นหรอหัวหน้ากิลจะโวยวายใส่พวกเขาแค่ไหนถ้าปล่อยให้ลูอิสออกไป แต่จะอาศัยอะไรหยุดชายคนนี้กันล่ะ แค่ฝีมือที่สามารถพิชิตดันเจี้ยนโหมดนรกมาได้กับปาร์ตี้เฉพาะกิจก็สามารถทะลวงเฟิรส์เคลียร์ไปครอบครองได้แล้วและจะให้เอากำลังที่ไหนไปหยุดกัน
ในเมื่อเป็นอย่างนั่นก็ไม่ต้องอาศัยอะไรไปหยุด แค่ขวางไว้ก็พอ พวกเขารู้กฎของ The Era Online อยู่บ้างที่ในกฏระบุไว้ว่าไม่ให้ผู้เล่นทำการต่อสู้กันภายในเมืองโดยเด็ดขาดและที่หน้าสมาคมกิลด์มีผู้เล่นพุกพ่าน ทหารยามจึงมีอยู่มากตามไปด้วย และหากลูอิสเลือกทำร้ายพวกตน พวกเขาก็สามารถตะโกนขอความเห็นใจจากผู้เล่นคนอื่นได้อยู่ดี ว่าพวกตนถูก ลูอิสรังแก แม้หลังจากนี้ลูอิสจะออกจากกิลด์ไปได้ก็ไม่มี กิลด์ไหนกล้ารับคนที่ชื่อเสียง ‘เหม็นโฉ่’ ไปไว้ในกิลด์หรอก
ถึงแม้จะเก่งมากแค่ไหน แต่เกม The Era Online ไม่สามารถเล่นได้เพียงคนเดียว ก็จะเป็นข้อจำกัดไม่ให้ลูอิสโลดแล่นต่อไปได้อีก เมื่อนั้นแสงดาวที่ระยิบระยับก็จะคอยๆๆดับมอดไป จนไม่มีใครมองเห็น
‘นี้คือแผนที่โอไบรอันได้บอกกับทุกคนให้ทำตาม แผนที่ดูเหมือนจะชั่วร้ายแต่เพื่อขจัดภัยอันตรายในอนาคตโอไบรอันก็ไม่ลังเลที่จะใช้แผนการนี้ ในเมื่อตนเองครอบครองเพชรเม็ดนี้ไว้ไม่ได้ก็อย่าหวังที่เพชรเม็ดจะตกไปอยู่ในมือคนอื่น’
เมื่อใดที่ลูอิสชักอาวุธทหารยามที่อยู่หน้าสมาคมกิลด์จะพุ่งเข้ามาจัดการให้เอง พวกตนทำเพียงแค่ขวางทางเอาไว้และปั่นหัวชายคนดังกล่าวให้ชักอาวุธออกมาเท่านั้นเอง
“ฉันบอกพวกนายให้หลีกทาง” ลูอิสยังคงแน่วแน่ แต่เขายังคงไม่ลืมกฏสำคัญของเกมที่ห้ามต่อสู้ จะให้ทำยังไงในเมื่อคนพวกนี้ล้อมกรอบเขาเอาไว้ ลูอิสกำลังข่มโทสะที่จะไม่ชักอาวุธขึ้นมา แต่ก็เหมือนความโกรธจะมากเกินควบคุมอีกต่อไปแล้ว...
ก่อนที่ลูอิสจะหยิบธนูออกมา เสียงดาบที่วาดผ่านอากาศก็ดังเข้ามาในวงล้อม
“ฉันแนะนำว่าหลีกทางให้กับ ลูอิส นั้นน่าจะเป็นผลดีกับตัวพวกนายเองมากกว่านะ”
เจสเปอร์คอยๆก้าวเข้ามาในวงล้อมช้าๆ ดาบอีเทอนัลวอร์เบลด แผ่กลิ่นอายของความแข็งแกร่งออกมาล้อมรอบตัวเจสเปอร์เอาไว้
“แกไอ้เจสเปอร์แกสิน่ะ ที่บังอาจปั่นหัวลูอิสเพื่อนของฉัน ทหารยามจับหมอนี้ไว้เลยมันกำลังจะทำร้ายร่างกายคนในเมือง”
โอไบรอันชี้นิ้วมาทางเจสเปอร์และร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ทหารยามที่อยู่นอกวงล้อมเมื่อเห็นผู้เล่นชักอาวุธก็รีบตรงเข้ามา
“เพื่อนงั้นหรอ ถ้าสิ่งที่แกกำลังทำอยู่เรียกว่าเพื่อน งั้นฉันจะสอนให้ว่าเพื่อนมันสะกดยังไง”
ภายในไม่กี่วินาทีดาบพุ่งผ่าอากาศแล้วมาหยุดลงที่คอของโอไบรอันอย่างรวดเร็ว
“แกจบแล้วเจสเปอร์ ทหารยามจะมาจับแก แกลืใกฏระเบียบของเมืองไปแล้วหรือยังไง ฮ่าฮ่า ลงไปนอนเล่นในคุกให้สนุกเถอะ”
“คำพูดนั้นควรเป็นฉันที่พูดจะถูกต้องเสียมากกว่า”
เจสเปอร์ยักไหล่แบบที่โอไบรอันเคยทำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาสามารถทำให้รอยยิ้มปรากฏลงบนใบหน้าของลูอิสได้แล้ว.....
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy