ตอนที่แล้วPTH27 สนิทสนมราวกับพี่น้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปPTH29 วิชาลับอัสนีอสรพิษทองคำ

PTH28 ออกมาดูศิลาวิญญาณ


“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ภายในบ้านน้อยหลังหนึ่ง เสียงหัวเราะราวกับคนบ้าดังขึ้น

เว่ยสั่วเปล่งเสียงหัวเราะร่าพลางมองศิลาวิญญาณที่กองอยู่บนที่นอน

ก่อนจะไปพลับพลาหยกทอง เว่ยสั่วและคนอื่นๆนำแมงมุมใยน้ำแข็งและงูถ้ำศิลาไปขายได้ 210 ศิลาวิญญาณระดับล่าง เย่เสี่ยวเจิ้งแบ่งเอาไปเพียง 60 ก้อน หนานกงยู่ฉิง 40 ก้อน จึงเหลืออยู่ 110 ก้อน ซึ่งทั้งหมดนั้นกลายเป็นของเว่ยสั่ว

นอกจากที่ขายได้ ยังได้ศิลาวิญญาณระดับกลางมาอีก 13 ก้อน รวมกับของหลินเต้ายีอีก 2 ก้อนเป็นทั้งหมด 15 ก้อน เว่ยสั่วจึงมีศิลาวิญญาณในครอบครองเป็นจำนวนมาก

จำนวนศิลาวิญญาณที่มหาศาลที่ไม่เคยได้ครอบครอง ทำให้เว่ยสั่วอดใจไว้ไม่ไหว เปล่งเสียงหัวเราะราวกับคนบ้าออกมา

ยามนี้ชายชรายังไม่ออกมาจากโถคุมภูติ เว่ยสั่วจึงนำศิลาวิญญาณส่วนหนึ่งวางไว้รอบตัว จนทั่วห้องเรืองรองด้วยแสงจากศิลาวิญญาณ แลดูงดงาม

“ต้องเริ่มจากศิลาวิญญาณระดับกลางก่อน”

ศิลาวิญญาณระดับกลางมีปราณอัดแน่นมากกว่าระดับล่างถึงสิบเท่า เว่ยสั่วยังไม่เคยดูดซับปราณจากศิลาวิญญาณระดับกลางมาก่อน แม้จะไม่สามารถดูดซับปราณจนหมดได้ภายในหนึ่งวัน แต่เว่ยสั่วก็อยากลอง จึงกำศิลาวิญญาณระดับกลางเอาไว้ แล้วเริ่มดูดซับปราณทันที

เมื่อเริ่มดูดซับ สัมผัสได้ถึงปราณที่ค่อยๆไหลออกจากศิลาวิญญาณ ซึมผ่านฝ่ามือกระจายไปตามเส้นลมปราณทั่วร่าง ไหลเวียนเป็นจังหวะที่ราบรื่นและคงที่

วังวนภายในตันเถียนที่ก่อตัว ดูดซับปราณที่ได้มาเข้าสู่ถันเถียน ค่อยๆขยายขนาดของตนขึ้นทีละนิด หากขยายขนาดจนเต็มที่และเริ่มสร้างวังวนที่ 4 เว่ยสั่วก็จะบรรลุเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 ซึ่งจะบรรลุเมื่อใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลา

“ยอดเยี่ยม!”

เว่ยสั่วดูดซับปราณจากศิลาวิญญาณจนตะวันตกดิน ลืมตา แววตาเผยถึงความพึงพอใจ

“ศิลาวิญญาณระดับกลางให้ปราณที่มากกว่าระดับล่างจริงๆ”

ยามนี้ศิลาวิญญาณในมือเริ่มหม่นแสง ความสว่างหายไปกว่าครึ่ง หมายความว่าปราณถูกดูดซับออกไปครึ่งหนึ่ง… เขาหันมองหน้าต่าง ยามราตรีมาเยือน หัวเราะขบขันอย่างมีความสุข หยิบเอาโถคุมภูติที่อยู่ใต้เตียงออกมาแล้วเคาะเรียกชายชรา

“นี่… ตื่นได้แล้ว ออกมาดูศิลาวิญญาณพวกนี้สิ!”

“เคาะอยู่ได้น่ารำคาญ”

ชายชราปรากฏกายออกมาจากโถคุมภูติ

“เจ้าไปได้ศิลาวิญญาณพวกนี้มาจากไหน!?”

เมื่อเห็นศิลาวิญญาณจำนวนมากกองอยู่บนที่นอน ดวงตาชายชราเบิกกว้าง เดิมทีชายชราไม่รู้ว่าเว่ยเรียกตนเองออกมาทำไม แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ศิลาวิญญาณที่กองอยู่ตรงหน้า มูลค่ารวมกันมากกว่า 300 ศิลาวิญญาณระดับล่าง

“ข้าสังหารคนแล้วได้ศิลาวิญญาณพวกนี้มา” เว่ยสั่วยิ้มพลางกล่าว “ข้าใช้ยันต์เพลิงของข้าสังหารเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 เลยนะ”

“สังหารชิงของ! เจ้าทำได้ยังไง!” ชายชราเริ่มตระหนก “เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามันเป็นใคร? มีที่มายังไง? การสังหารเพื่อชิงของไม่ใช่เรื่องดี… เมื่อสองหมื่นปีก่อน มีผู้ฝึกตนเขตขั้นแก่นทองคำอยู่คนหนึ่งต้องพิษจากอสูร แต่มันผู้นั้นกินบางสิ่งเข้าไปทำให้ขับพิษออกมาได้ ซ้ำยังแข็งแกร่งขึ้นจากเดิม ต่อให้เป็นเขตขั้นแก่นทองคำที่ 2 ยังสู้ไม่ได้ วันหนึ่งมันไปผิดใจกับผู้ฝึกตนเขตขั้นแก่นทองคำที่ 2 แล้วพลั้งมือสังหาร ญาติของผู้ที่ถูกสังหารที่ทรงพลังยิ่งกว่าก็ตามมาสังหารคืน… ตัวเจ้าที่อยู่เพียงเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 3 ทำไมถึงกล้าสังหารศัตรูระดับสูงขนาดนั้น?”

ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าเค่งเครียดจริงจัง ราวกับว่าอีกไม่นานจะมีคนตามมาสังหารเว่ยสั่ว แต่เขากลับหัวเราะขบขัน “ท่านไม่ต้องกังวลไป เจ้านั่นเป็นแค่ผู้ฝึดตนไร้สังกัดทั่วไป มันทรยศข้าจึงถูกสังหาร หากข้าไม่สังหารมัน มันก็เป็นฝ่ายสังหารข้าเอง”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชายชราขมวดคิ้ว

เว่ยสั่วเล่าเรื่องราวที่ประสบมาให้ชายชราฟังทั้งหมด เรื่องที่หลินเต้ายีชักชวนตนไปล่าแมงมุมใยน้ำแข็ง แต่สุดท้ายหลินเต้ายีกลับทรยศ ทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กันแล้วจบด้วยหลินเต้ายีถูกยันต์เพลิงสังหาร

“เจ้านี่มันโง่จริงๆ ระดับพลังแค่นี้ทำไมกล้าไปกับคนแปลกหน้า ออกล่าอสูรกับพวกมัน” ชายชราตำหนิ “มีเจ้านายของข้าสองคนออกไปล่าสังหารอสูรกับคนแปลกหน้าเหมือนเจ้า สุดท้ายก็ถูกสังหารตายทั้งคู่… หากเจ้าไม่อยากเป็นคนที่สามก็อย่าได้เชื่อใจคนแปลกหน้าเด็ดขาด”

“ก็ได้ จากนี้ไปข้าจะไปกับแค่คนที่ไม่สังหารข้าก็แล้วกัน” เว่ยสั่วกล่าวถูจมูก

“เจ้าจำไว้ให้ดี หลายปีผันผ่าน ผู้คนในยุคก่อนที่ยังไม่ตายก็จะทรงพลังยิ่งขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เพราะพวกมันแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ขุมกำลังของพวกมันก็แข็งแกร่งด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี” เมื่อเห็นว่าเว่ยสั่วไม่ต่อต้านในสิ่งที่บอก ชายชราจึงถือโอการสอนไปด้วย

สิ่งที่ได้มาจากการเดินทางไปล่าแมงมุมใยน้ำแข็ง เว่ยสั่วขายสิ่งที่ตนเองไม่ได้ใช้ไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงสิ่งที่ได้ใช้เท่านั้น

“นั่นอะไร” ชายชราเห็นสิ่งอื่นนอกจากศิลาวิญญาณจึงกล่าวถาม

“ผลหมอกน้ำแข็งที่เกิดบนหยกเย็น”

“เจ้าหยิบกล่องหยกใบนั้นมาให้ข้าดูหน่อย” ชายชราเห็นกล่องหยกที่เว่ยสั่วเก็บมาด้วย

“ทำไมเหรอ? มันก็แค่กล่องหยกขาวธรรมดา!” เว่ยสั่วรู้ว่าชายชราสมควรรู้บางสิ่ง จึงรีบเอากล่องหยกที่เก็บมาได้ไปให้ชายชรา

ชายชราจ้องมองอักขระที่สลักเอาไว้บนกล่องอย่างตั้งใจ ผ่านไปครู่จึงกล่าวกับเว่ยสั่ว “เจ้าไปเก็บหญ้าธูปเงินข้างนอกมาใส่ไว้ในนี้”

“เอาหญ้าธูปเงินมาใส่ไว้ในกล่อง?” เว่ยสั่วไม่เข้าใจเจตนาของชายชรา แต่ก็เร่งไปเก็บหญ้าธูปเงินจากข้างนอกมาใส่ไว้ในกล่องหยกตามที่ชายชราบอก “ท่านรู้อะไรแล้วไม่ได้บอกข้า?”

“ข้าคิดว่ากล่องใบนี้น่าจะเป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดา” ชายชรากล่าว

“ยังไง?”

“มันน่าจะเป็นสมบัติประเภทที่สามารถกับรักษาและคงสภาพของสมุนไพรได้ ไม่ปล่อยให้ปราณสมุนไพรหายไป ที่มันทำแบบนั้นได้ก็เพราะหยกที่นำมาสร้าง”

“ข้าเข้าใจว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรแท้ๆ”

“เจ้ามันไร้ประสบการณ์” ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสมุนไพรหรือแก่นอสูร หากเจ้าเก็บไว้กับตัว ไม่นานปราณที่อยู่ภายในจะสูญสลาย กลายเป็นเพียงของไร้ค่า แต่กล่องใบนี้ช่วยให้เจ้าเก็บรักษาปราณภายในสมุนไพรหรือแก่นอสูรได้… หากเจ้าได้สมุนไพรล้ำค่าหรือแก่นอสูรที่ทรงพลังมา ไม่มีสิ่งที่ช่วยคงสภาพของพวกมันเอาไว้ ปราณที่อยู่ภายในก็จะสลายไป จากของล้ำค่ากลายเป็นของไร้ค่า”

“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่า แสดงว่ากล่องใบนี้มีประโยชน์มาก” เว่ยสั่วราวกับคิดบางอย่างออกก่อนจะหัวเราะขึ้น “ไหนๆท่านก็มีประสบการณ์แล้ว ช่วยข้าเปลี่ยนของไร้ค่าให้กลายเป็นของมีค่าแล้ว… ท่านช่วยข้าดูหน่อยสิว่าจะคลายผนึกผนึกยันต์พวกนี้ได้ยังไง?”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด