บทที่ 73: จบการทดสอบภายใน: ความทะเยอทะยาน
เมืองแห่งรุ่งอรุณตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบสายรุ้ง ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น ตอนนี้การเดินทางเองก็ใช้เวลาน้อยลงด้วยถนนที่สร้างเสร็จทั้งหมดแล้ว
ถนนบนภูเขาเองก็ปลอดภัยขึ้นมากเช่นกัน อสูรป่า, อสูรเวทย์, และชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นอันตรายก็ถูกกำจัด แม้แต่พลเมืองทั่วไปสามารถเดินทางขึ้นลงได้สะดวกขึ้น
ถ้าเป็นกรณีนี้ ชาวประมงจะไม่สามารถขนส่งปลาที่พวกเขาจับกลับมาได้ กองกำลังลาดตระเวนในป่าไม่สามารถตรวจตราดูทุกที่ในเวลาเดียวกันได้
วิลเลียมนำแองกี้ แฟตตี้และฉางหลี จิ่วเกอไปยังทะเลสาบสายรุ้ง ในขณะที่เหล่าผู้เล่นที่ไม่เคยเห็นโลกนี้มาก่อนนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทัศนียภาพ พวกเขาทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อการผจญภัยในป่าแบล็คลีฟ
เมื่อพวกเขาเดินทางข้ามเนินเขา ตรงทางลาดตอนเดินลงที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้มองเห็นทะเลสาบสีสวยที่แซมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจีได้จากด้านบน
แสงอาทิตย์โปรยปรายกระทบคลื่นในทะเลสาบสายรุ้งส่องประกายวิบวับ เรือลำเล็กสิบสองลำลอยอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบ ภาพตรงหน้าดูราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดที่สวยงามรูปหนึ่ง
บ้านไม้หลายหลังถูกสร้างขึ้นบนพื้นหญ้าข้างทะเลสาบ นักรบโถวเหยินที่เพิ่งอพยพมากำลังสร้างบ้านของพวกเขาอย่างแข็งขัน
เมื่อวิลเลียมมาถึง พวกเขาก็โค้งตัวทักทายความเคารพ แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยว่าทำไมฟิว โรสเซอร์ถึงยังไม่กลับมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย
สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าฟิว โรสเซอร์นั้นเรียกได้ว่าแทบจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเหล็กไปแล้ว เพื่อที่เขาจะได้สามารถผลิตอุปกรณ์ของเขาได้เร็วมากขึ้น มันไม่เว่อร์เกินไปเลยถ้าจะพูดว่าเขาได้ลืมคนของเขาไปเสียสนิทเรียบร้อยแล้ว
เขามีวิธีพูดของเขา เขาไม่ได้ต้องการหมวกเกราะ แต่เขาต้องการให้เขาที่แหลมคมของเขาสร้างขึ้นจากทอง ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงอยากจะทำตัวให้เปล่งประกาย เขาคิดทำอะไรอยู่กัน…
มีกลุ่มทหาร 50 นายหนึ่งกลุ่มประจำอยู่ที่ท่าเรือสายรุ้ง
มนุษย์ระดับกลางผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระยะประชิดคนหนึ่งเป็นหัวหน้า เขาได้รับตำแหน่งนี้มาทั้งที่ยังหนุ่มอยู่ เมื่อเขาเห็นผู้มาเยือน เขาก็รีบรุดไปข้างหน้าและโค้งตัวแสดงความเคารพ “สวัสดีครับ ท่านลอร์ดเจ้าเมือง”
“เลิกทำท่าทางเป็นทางการนั่นได้แล้ว มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในช่วงนี้บ้างรึเปล่า?”
“ช่วงนี้ไม่มีอะไรครับ ส่วนสำหรับข้อมูลที่ท่านบอกให้ข้ารวบรวม…” ในตอนที่หัวหน้าหนุ่มพูดอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องไปยังผู้เล่นทั้งสอง
วิลเลียมย่นคิ้ว แล้วพูด “เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ แล้วค่อยพูด!”
“ครับ ท่านลอร์ด!”
ฉางหลี จิ่วเกอและแฟตตี้มองทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้าน พวกเขาไม่กล้าที่จะตามทั้งสองเข้าไป
ที่สุดแล้ว ผู้ช่วยลอร์ดเจ้าเมืองโอดอมและผู้ดูแลลอทเนอร์ที่เคารพเองก็เลือกที่จะไม่ตามเข้าไป มันคงจะเป็นการยิงเท้าตัวเองถ้าพวกเขาเลือกที่จะเข้าไปข้างใน ใช่มั้ย?
ทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็น แต่พวกเขารู้ว่ามันก็ดีพอแล้วที่พวกเขาได้ติดตามดูใกล้ชิดขนาดนี้
โดยที่ไม่ต้องสงสัย
จากพฤติกรรมของท่านลอร์ด แน่นอนว่าเขาไม่ใช่บอสที่จะพึงพอใจกับตำแหน่งนี้ตำแหน่งเดียว เขามีความต้องการที่จะพัฒนาและเพิ่มความก้าวหน้าของพลังของเขา
แองกี้ แฟตตี้มองไปยังฉางหลี จิ่วเกอ พวกเขาหัวเราะให้กันและเริ่มออกสำรวจไปรอบๆ ในไม่ช้า ทั้งคู่ก็พ้นระยะสายตาของบอสระดับอีปิคทั้งสองคนไป
โอดอมและลอทเนอร์มองผู้เล่นทั้งสองจากไป พวกเขามองหน้ากันแล้วหัวเราะ “พวกเขาได้รับเลือกโดยพระเจ้ารึเปล่านะ?”
“ใช่ พวกเขายังอยู่ในร่างอมตะในตำนานนั้นอีกด้วย” โอดอมพยักหน้า ตอนที่วิลเลียมจากไป เขาก็สั่งให้พวกเขาคอยดูสหายทั้งสองคนนั้นไว้ พฤติกรรมที่วิลเลียมปฏิบัติต่อสองคนนี้ต่างจากที่ทำกับพลเมืองธรรมดาๆ
“ท่านลอร์ดของพวกเราไปได้ยินข้อมูลนี้จากที่ไหนกัน? เขาไม่ได้ถูกหลอกหรืออะไรแบบนั้นใช่มั้ย?” ลอทเนอร์แอบกังวลเล็กน้อย
“ไม่ ไม่ เมื่อวานนี้ พวกเขาพยายามอาบน้ำให้หมีที่ท่านลอร์ดเลี้ยงไว้ ข้าแอบอนุญาตให้หมีใหญ่แสดงฤทธิ์ของมันและฟาดพวกเขาให้ถึงตายสองครั้ง คนหนึ่งกลายเป็นแสงขาวและหายตัวไป แต่เจ้านั่นก็กลับมาในเมืองอีกครั้ง อีกคนหนึ่งเกิดใหม่อีกครั้งที่เดิม ความตายไม่ได้มีความหมายอะไรกับพวกเขา…”
“ไม่ใช่แค่ข้าที่ได้เห็นมันกับตาตัวเองเท่านั้น แต่คนอื่นๆ เองก็เห็นเหมือนกัน แต่ข้าสั่งให้พวกเขานิ่งไว้” โอดอมเองก็เป็นกังวล ผู้ถูกเลือกได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีร่างที่เป็นอมตะ?
จากที่ท่านลอร์ดบอกไว้ พวกเขาเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่ถูกส่งมาโดยสวรรค์…
“แต่ทำไมพวกเขาดูเหมือนกับกลุ่มลูกกระจ๊อกที่มีดีแค่ไม่ตายล่ะ?”
ลอทเนอร์นั้นกำลังสงสัยบางอย่างเป็นอย่างมาก แต่เขาเองก็เก็บมันเงียบไว้
เขาไม่ได้กังวลว่าวิลเลียมจะทำอะไรไม่มีเหตุผล ความสำเร็จตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาและเมืองแห่งรุ่งอรุณทั้งเมืองเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและวิสัยทัศน์ของเขา
แม้แต่เอลฟ์ราชวงศ์ในเมืองดาร์คไนท์ก็ยังให้ความสนใจกับการพัฒนาการของที่นี่ พวกเขาดูสงสัยอย่างมาก ทำไมวิลเลียมถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
ในเขตปกครองหลายอาณาเขต มีผู้เล่น 1,000 คนที่เข้าร่วมการทดสอบภายในและไม่สามารถตายได้ พวกเขาดึงดูดความสนใจของ NPC ในเขตปกครองพระเจ้า
แต่พื้นที่ที่พวกผู้เล่นเกิดนั้นต่างก็เป็นดินแดนใหม่
พวกเขาไม่ได้สร้างความตื่นตกใจอะไรมากนัก
เมื่อเบต้าเกมมาถึง ผู้เล่นเป็นล้านๆคนรอบโลกก็จะมาถึงในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นแหละ ที่มันจะสะสมความสนใจของ NPC ได้
แต่ตอนนี้ สรวงสวรรค์อันลึกลับจะทำการบัญชาการผ่านความฝันของNPC ทุกคนจะถูกบอกว่าผู้เล่นเหล่านี้ได้ถูกเลือกโดยพระเจ้า!
แต่ทำไมพวกเขาถึงถูกเลือกโดยพระเจ้ากัน?
ทำไมพวกเขาถึงมีร่างกายที่เป็นอมตะ? แน่นอนว่ามันต้องสร้างความกระสับกระส่ายบ้างแหละ
แต่ในขณะที่เวลาผ่านไป ทุกคนก็ค่อยๆ ลืมเกี่ยวกับบัญชาการลับนั้นไป พวกเขายังค่อยๆ ชินชากับคนที่ไม่ตายเหล่านี้และยอมรับโลกใหม่ไป
แต่ NPC ส่วนใหญ่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจต่อผู้ถูกเลือกเหล่านี้ วิธีที่ผู้เล่นปฏิบัติตัวเองก็ทำให้ NPC ไม่เชื่อใจพวกเขาเช่นกัน ไม่ใช่แค่พวกเขาเป็นอมตะเท่านั้น แต่พวกเขายังเติบโตอย่างรวดเร็วมากๆ อีกด้วย
NPC ทั้งหมดต่างก็คิดถึงวิธีที่จะใช้งานพวกผู้เล่น พวกเขาสู้กันเพื่อให้ได้เหล่าผู้ถูกเลือกพวกนั้นมาเป็นหนึ่งในไพ่ไม้ตายของพวกเขา
วันแล้ววันเล่า แองกี้ แฟตตี้และฉางหลี จิ่วเกอติดตามวิลเลียมไปยังที่สองที่ เขาเพิ่มค่าความสัมพันธ์สามแต้มและหยุดไว้แค่นั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของ Gods ,เลเวลของ NPC, และพลังอำนาจต่างๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาต่อหน้าเหล่าผู้ชม
ในขณะเดียวกัน
ผู้เล่นที่รอการเปิดของเกมค่อยๆ เข้าใจอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง
บอสระดับรีเจนดารีนั้นมีน้อยมาก! (นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ระดับรีเจนดารีนั้นมีอยู่ทุกที่ มันเป็นความจริงที่ว่าระดับอีปิคนั้นเห็นได้ทั่วไป)
จนถึงตอนนี้ พวกเขาเพิ่งพบเจอแค่หนึ่งตนซึ่งก็คือลอร์ดของเมืองแห่งรุ่งอรุณผู้เปิดเผยตัวตนของตัวเอง
มีบอสระดับอีปิคถูกพบเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น เมื่อบวกกับสี่ตนจากเมืองแห่งรุ่งอรุณและอีกสามคนที่ผู้เล่นคนอื่นค้นพบ รวมทั้งหมดก็มีเพียงเจ็ดคนเท่านั้นที่ถูกพบ
แต่ผู้เล่นเองก็ค่อยๆ ค้นพบอย่างหนึ่ง เมืองรุ่งอรุณนั้นมีบอสมากมายหลายคน อาจเป็นเพราะว่าเมืองนี้มีพื้นที่ปกครองขนาดเล็ก ความหนาแน่นของประชากรจึงสูง
ในทางกลับกัน อาณาจักรเหล็กและอาณาจักรลาวาดำปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่ เมืองเล็กๆ หลายเมือง, เมืองใหญ่หลายแห่ง, จักรวรรดิต่างๆ, และแม้แต่ราชวังก็มี เหล่าบอสจึงแยกย้ายกันไปแต่ละที่ซึ่งทำให้การหาพวกเขาเป็นเรื่องยากมากๆ บวกกับเรื่องที่ว่าถ้าเลเวลของผู้เล่นสูงไม่พอ พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นเหล่าบอสได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นก็ไม่ควรคาดหวังอะไรมากจาก NPC ระดับรีเจนดารี, อีปิค, และมาสเตอร์ พวกเขาทั้งหมดเป็นบอสทั้งนั้น
เมื่อผู้เล่นที่ชอบผจญภัยเริ่มโจมตี NPC มากขึ้น ปัญหาก็จะเริ่มผุดขึ้น
ผู้เล่นที่เลเวลเดียวกันสามารถต่อสู้กับ NPC ธรรมดาได้ พวกเขาจะเผชิญหน้ากับความยากลำบากถ้า NPC มีสายเลือดที่ดีกว่า
แน่นอนว่า นี่ก็อยู่ภายใต้กรณีที่ว่าอุปกรณ์ของพวกเขา, คำภีร์ลับ, และทักษะที่ยังไม่ได้เพิ่มเลเวล
นี่สามารถทำให้เห็นได้ว่าการเล่นของ “Gods” นั้นยากเกินไป มันไม่มีทั้งการล็อกเป้าหมายโจมตี, และแม้แต่ทหารพรานก็มีเพียงสายตากว้างไกลเท่านั้น ข่าวนี้ทำลายความกระตือรือร้นของผู้เล่นทหารพรานมากมาย
ผู้เล่นได้ดูห้องสมุดบางแห่งและตระหนักว่าข้อมูลที่พวกเขาพบนั้นน่าประทับใจมาก มันดูเหมือนกับว่า ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นคนธรรมดา, ชั้นสูง, ผู้นำ, หรือ NPC ระดับอีปิค พวกเขาทั้งหมดก็มีจุดอ่อนที่เป็นจุดตายอยู่ นั้นก็คือหัวของพวกเขา!
หากผู้เล่นมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมและนำมาใช้ในการป้องกัน พวกเขาอาจสามารถสร้างการโจมตีไปยังจุดตายของเหล่าบอสได้
แต่ประเด็นหลักก็คือ พวกเขาจะหาโอกาสนั้นได้รึเปล่า? พวกเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมันเลยล่ะ!
เพียงครู่หนึ่ง
เหล่าผู้เล่นมือเก๋าในฟอรั่มนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม พวกเขาดูเหมือนจะเป็นพวกฮาร์ดคอร์
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นธรรมดาก็รู้สึกว่ามันยากเกินไปและไม่สามารถยอมรับได้ แต่นี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เมื่อ “Gods” เริ่มโด่งดัง มันจึงมีผู้เล่นทั่วไปแค่ 30 ล้านคนและผู้เล่นที่ฝึกฝน จริงจังถึง 60 ล้านคน
แต่ผู้เล่นบางคนเปิดเผยว่าสามารถเลือกอาชีพต่อสู้ที่สองได้ และถูกค้นพบว่าแต่ละเผ่าพันธ์ุมีอาชีพพิเศษ พวกเขาสามารถเรียนรู้ทักษะจากเผ่าพันธ์ุอื่นได้ นี่ก็มีไว้เพื่อทำให้ “Gods” โด่งดังมากขึ้น
แล้วอาชีพต่อสู้อาชีพที่สองและทักษะอื่นๆที่เรียนรู้จากเผ่าต่างๆได้ มันหมายความว่าอะไร?
มันหมายความว่ามีความเป็นไปได้จำนวนนับไม่ถ้วนสำหรับผู้เล่นในการต่อสู้ พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไงล่ะ?
สรุปก็คือ…
12 วันผ่านไป และผู้เล่นทุกคนของการทดสอบภายในก็ออฟไลน์ไป
ฟอรั่มปิดตัวลง
หลังจากวิลเลียมไม่สามารถหาข้อมูลจากผู้เล่น ความทะเยอทะยานของเขาก็เปล่งขึ้นมาอีกครั้ง
เขาค่อยๆ หันไปมองมหาสมุทรฝั่งใต้ เช่นเดียวกับภูเขาหิมะทางตะวันออก!