ตอนที่แล้วบทที่ 68 เย่โม่กลับมาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 70 หยิ่งยโส

บทที่ 69 ยอดฝีมือมวยอ่อน


เย่โม่ได้ฟังพยาบาลทั้ง 2 คนคุยกันจึงได้เข้าใจ  เป็นหนิงชิงเชวี่ยที่ขอย้ายกลับไปด้วยตัวเอง  ทำไมเธอถึงต้องทำแบบนั้นด้วย?  แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่รีบร้อนอีก  รอตอนมืดค่ำไร้ผู้คนค่อยแอบเข้าไปช่วยเธอสักครั้ง   รักษาแผลเธอให้หายแล้วค่อยว่ากัน  ส่วนเรื่อง ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ควรจะเอาไปด้วยไหมค่อยคิดอีกที

เมื่อตอนนี้รู้แล้วว่ารถพยาบาลจะไปส่งหนิงชิงเชวี่ยที่ไหน  เย่โม่ก็ไม่ได้สะกดรอยตามอีก  เขากำลังคิดว่าคนที่ทำให้หนิงชิงเชวี่ยต้องบาดเจ็บเจียนตาย...มันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน  ถึงเขาจะแน่ใจแล้วว่าเป็นฝีมือคนตระกูลซ่ง  แต่ฐานของตระกูลซ่งในหนิงไห่อยู่ที่ไหนเย่โม่เองก็ไม่รู้

เย่โม่หาร้านอาหารที่ค่อนข้างสะอาดแห่งหนึ่ง  พอกินเสร็จแล้วเย่โม่จึงเดินออกมา  จังหวะนั้นเองที่เขาเห็น 3 คนไม่ไกลกำลังเดินออกจากร้านอาหารระดับมิชเชอลิน สตาร์  เป็นชาย 2 หญิง 1

เย่โม่จำชาย 1 ในนั้นได้  เขาคือวังเผิง  แต่ที่ทำให้เขาสนใจกลับไม่ใช่วังเผิง  กลับเป็นชายที่อยู่ข้างๆ เขาต่างหาก  ชายคนนั้นมีอายุประมาณ 40 ปี  รูปร่างไม่เล็กไม่ใหญ่  ใบหน้ายาว  ผมสั้น  หน้าผากของเขานูนแคบเล็กน้อย  เย่โม่มองดูแวบเดียวก็รู้ว่าชายคนนี้เป็นยอดฝีมือ

ชายคนนั้นราวกับรู้ว่าเย่โม่กำลังมองสำรวจเขาอยู่  เขาหันมามองทางเย่โม่ทันที  เย่โม่เก็บงำสายตากลับไปพลางคิดในใจว่าชายคนนี้แข็งแกร่ง  เขาแข็งแกร่งกว่าเหวินตงอยู่ไม่น้อย  ฝีมือถึงจะไม่เท่าตัวเขาแต่ก็ห่างกันไม่มากนัก

เป็นครั้งแรกที่เย่โม่ได้พบยอดฝีมือระดับนี้  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าข้อมือของวังเผิงได้ชายคนนี้ช่วยรักษานี่เอง   ส่วนหญิงสาวอีกคนมีรูปร่างค่อนข้างสูง  เธอเดินตามหลังวังเผิงมาเงียบๆ  เย่โม่มองเธอแวบหนึ่งก็ไม่สนใจอีก  ผู้หญิงคนนี้เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น

พวกเขาเดินมาที่รถออร์ดี้สีดำคันหนึ่งและกำลังพูดคุยกันอยู่  เย่โม่เอนตัวไปฟังอย่างไม่ตั้งใจ  ตอนนี้จิตสัมผัสของเขามีระยะประมาณ 8 เมตรรอบตัวแล้ว  เขาอยากจะรู้ว่าคนพวกนี้กำลังพูดคุยอะไรกันอยู่  สุดท้ายเย่โม่ก็มาหยุดอยู่ตรงหลังแผงหนังสือ  ตรงนี้เป็นจุดที่เขาสามารถสอดแนมได้พอดี

“ครั้งที่แล้วโชคดีที่มีพี่หูอยู่  ไม่อย่างนั้นถึงตอนนี้แขนผมก็ยังขยับไม่ได้  ครั้งนี้พี่ก็มาช่วยอีก…ผมรู้สึกละอายจริงๆ ที่ครั้งนี้ผมก็ไม่ได้ขอบคุณพี่อย่างสมเกียรติอีกแล้ว”  เสียงวังเผิงดังขึ้น

เย่โม่คิดในใจว่าเป็นชายคนนี้ที่รักษาข้อมือของวังเผิงจริงๆ  ชัดเจนแล้วว่าเขาคือยอดฝีมือมวยอ่อน  เป็นครั้งแรกที่เย่โม่ได้พบกับยอดฝีมือมวยอ่อนบนโลกนี้  อย่างเหวินตงที่เขาเจอครั้งที่แล้วก็มีดีแค่ลอบสังหารกับต่อสู้ตะลุมบอนก็เท่านั้น  ยังห่างไกลจากคำว่า ‘กำลังภายใน’ อีกเยอะ

ชายวัยกลางคนโบกมือ  “คุณชายเผิงเกรงใจเกินไปแล้ว  พ่อของคุณเองก็สนับสนุนคุณชายถาน   ช่วยเหลือแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้  แต่คราวหลังก็อย่าได้ไปหาเรื่องพวกขายยาปลอมข้างถนนแบบนี้อีก  ในหมู่คนพวกนี้มักจะมีคนมีฝีมือซ่อนอยู่เสมอ”

“ผมจะจำคำสอนของพี่หูให้ขึ้นใจ  ขอให้พี่หูฝากคำทักทายไปให้คุณชายถานแทนผมกับพ่อด้วย  ช่วงนี้จะให้ไปหาถึงที่ก็ดูจะไม่สะดวกอยู่บ้าง  ต้องขอบคุณพี่หูมาก”  คำพูดของวังเผิงนั้นเต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อม

ชายวัยกลางคนโบกมือ  เขาเดินขึ้นรถออร์ดี้คันนั้นแล้วรถก็แล่นออกไปไกล

เย่โม่ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจวังเผิง  คนที่เขาสนใจก็คือชายที่วังเผิงเรียกว่าพี่หู  ชายคนนี้เป็นยอดฝีมือ  เย่โม่รีบตามรถออร์ดี้คันนั้นไปทันที  ผ่านไป 20 นาทีฟ้าก็เริ่มมืด  รถออร์ดี้ก็แล่นเข้าไปในคฤหาสน์ส่วนตัวแห่งหนึ่ง  เย่โม่ใช้จิตสัมผัสสำรวจรอบๆ คฤหาสน์หลังนี้  ทุกที่มีกล้องวงจรปิด  ไม่มีหนทางอื่นให้เข้าไปข้างใน

คิดอยู่ครู่หนึ่ง  เย่โม่ก็ตัดสินใจว่าคืนนี้ค่อยมาอีกครั้งแล้วทำลายกล้องวงจรปิดพวกนี้  จากนั้นค่อยตามหาพี่หูคนนี้อีกที  สาเหตุที่เย่โม่ต้องการตามหาชายคนนี้ก็เพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจโครงสร้างระดับพลังของผู้ฝึกยุทธในโลกใบนี้นัก  เขาไม่รู้ว่าต้องฝึกถึงระดับไหนจึงจะเรียกว่าปลอดภัยไร้กังวล

ต่อให้ต้องเค้นเอาคำตอบเย่โม่ก็จะทำ  เพื่อว่าวันหนึ่งหากเขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่แท้จริงแล้วเขาจะได้เตรียมตัวได้…แต่เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ดูจะไม่เหมาะสม  ฟ้าเพิ่งจะเริ่มมืดเท่านั้น  รวมถึงเขายังต้องรักษาหนิงชิงเชวี่ย...แต่เวลานี้ก็ไม่เหมาะจะไปหาเธอเช่นกัน  ข้างกายของหนิงชิงเชวี่ยแน่นอนว่าต้องมีคนเฝ้าอยู่  เขาไปตอนนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่

รอฟ้ามืดสนิทก่อนเขาค่อยไปรักษาเธอ  หลังจากรักษาเสร็จจึงค่อยวกกลับมาที่นี่อีกครั้ง

เย่โม่มีความคิดที่จะไปมหาวิทยาลัยหนิงไห่เพื่อดูชือซิวเสียหน่อย  แต่คิดอีกทีเขาก็ล้มเลิกแผนการนี้ไป ตอนนี้พลังของเขายังถือว่าต่ำนัก  หากตระกูลซ่งรู้ว่าชือซิวเกี่ยวข้องกับเขาล่ะก็...เรื่องนี้อาจจะกระทบชือซิวก็เป็นได้

เย่โม่เดินออกมาจากเขตคฤหาสน์ของพี่หูคนนี้  เขาเตรียมจะไปซื้อของในเขตตัวเมืองของหนิงไห่  ตอนนี้เขาพอมีเงินติดตัวอยู่  รักษาหนิงชิงเชวี่ยเสร็จเขาก็วางแผนจะไปดูลั่วชางเสียหน่อย  หากเป็นไปได้เขาก็คงหางานทำที่ลั่วชางเลย  หากหาไม่ได้ก็คงไปบริษัทของญาติฉือหว่านชิงแทน

เย่โม่วางแผนจะหาห้องเช่าสักห้อง  เมื่อเรื่องทุกอย่างอยู่ตัวแล้ว  เขาก็คิดจะหานักวิทยาศาสตร์มาช่วยตรวจสอบดินเสียหน่อย  จากนั้นจึงค่อยปลูก ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’  ถึงอย่างไรดอกไม้ชนิดนี้ก็ใช้เวลาเติบโตนานพอสมควร   ช่วงเวลานี้เองเขาก็วางแผนว่าจะไปทะเลทรายทากลามากัน  เขาไม่คิดจะรอให้ ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ โตก่อนค่อยเดินทางหรอก  ถ้าทำอย่างนั้นก็ดูจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลาเกินไป

บนโลกที่พลังฟ้าดินเบาบางแห่งนี้  หากยังมามัวเสียเวลาอีกเย่โม่ก็ไม่รู้แล้วว่าเมื่อไหร่จึงจะฝึกถึงระดับที่เขาหวังไว้เสียที  แม้เขาจะพยายามยามมากมายขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นปลายทาง  ทว่าความพยายามก็นำมาซึ่งความหวังเช่นกัน  หากไม่พยายามเสียวันนี้ความหวังก็จะสูญหายไปด้วย

หนิงชิงเชวี่ยเพื่อปกป้อง ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ แล้วถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตแบบนั้น  ถึงเย่โม่จะไม่รู้สาเหตุแต่เขาก็จะไม่ยอมให้เธอเอา ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ของเขาไปแน่

“อา!  นายนี่เอง  ในที่สุดฉันก็หานายเจอแล้ว”  เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเย่โม่

พอเย่โม่หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นคนคุ้นเคยจริงๆ  เหมือนจะชื่อว่าฟางเว่ยเฉิง  เย่โม่เจอเขาครั้งที่แล้วตอนฝึกวิชาหมัดที่สวนสาธารณะตรงทะเลสาบชิงตู้  ตอนนั้นฟางเว่ยเฉิงมาขอท้าสู้กับเขา  เพียงกระบวนท่าเดียวฟางเว่ยเฉิงก็พ่ายแพ้เสียแล้ว

“นายนี่เอง  ฟางเว่ยเฉิง”  เย่โม่พยักหน้า  ชายที่ชื่อฟางเว่ยเฉิงตรงหน้าถือว่าเป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง

ฟางเว่ยเฉิงที่เห็นว่าเย่โม่จำชื่อของตนได้ก็พูดออกมาอย่างยินดี  “ไม่คิดว่านายจะจำฉันได้นะเนี่ย  ตั้งแต่วันนั้นฉันก็รอนายที่ทะสาบชิงตู้มาตลอด  แต่ก็ไม่เห็นนายเลย  ได้เจอกับนายที่นี่ถือว่าโชคดีจริงๆ!”

เย่โม่ยิ้มบางๆ  “นายตามหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

ฟางเว่ยเฉิงบีบไม้บีบมือด้วยท่าทีกระวนกระวายใจอยู่บ้าง  ในใจเขารู้ดีว่าเย่โม่นั้นแข็งแกร่ง  ต่อให้มีเขา 2-3 คนก็ไม่ใช่คู่มือของชายตรงหน้า

“อย่างนี้นะ  นายพอจะมีเวลาคุยสักหน่อยไหม”  ฟางเว่ยเฉิงพูดจบก็มองเย่โม่ด้วยความคาดหวัง

เย่โม่คิดในใจ  ตอนนี้เขายังพอมีเวลาว่างและไม่มีอะไรให้ทำ  ในเมื่อฟางเว่ยเฉิงตามหาเขาเพราะมีธุระ…คิดถึงตรงนี้เย่โม่ก็พยักหน้า  “ได้สิ”

เมื่อเห็นว่าเย่โม่ตอบรับฟางเว่ยเฉิงก็ดีใจมาก  เขารีบพาเย่โม่ไปยังร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่มีบรรยากาศเงียบสงบแห่งหนึ่ง  เขาสั่งอาหารมา 2-3 อย่างโดยไม่ได้ถามเย่โม่สักคำ

ถึงแม้จะไม่เคยกินอาหารสไตล์ตะวันตกมาก่อน  แต่เย่โม่ก็รู้สึกว่าอาหารพวกนี้รสชาติไม่เลวเลย  กินไปได้ไม่กี่คำเย่โม่ก็ถามขึ้น  “ตกลงที่ตามหาผมเพราะเรื่องอะไรกันแน่?”  ถ้าฟางเว่ยเฉิงจะขอนับถือเขาเป็นอาจารย์ล่ะก็   เย่โม่จะปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลย  เขาไม่มีเวลาไปสอนลูกศิษย์ลูกหาอะไรทั้งนั้น

ฟางเว่ยเฉิงประสานมือคำนับ  “ยังไม่รู้ชื่อนายเลย”

“ผมชื่อ ‘ชืออิ่ง’” เย่โม่ไม่อยากเปิดเผยชื่อจริงของตัวเองให้คนในหนิงไห่รู้  อีกอย่างชื่อ ‘ชืออิ่ง’ ยังแฝงความหมายเอาไว้มาก  หนึ่งในนั้นก็คืออาจารย์ของเขาลั่วอิ่ง  ส่วนอีกเหตุผลก็คือเพื่อพ้องเสียงกับคำว่า ‘คิดถึงอาจารย์’ (失ชือ แปลว่า คิดถึง) นั่นเอง

ฟางเว่ยเฉิงที่ได้ยินชื่อของเย่โม่ก็ตกตะลึงไปพักหนึ่ง  แต่พริบตาเดียวก็ปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติได้ในทันที  ในความคิดของเขาชื่อนี้ออกจะเหมือนชื่อผู้หญิงอยู่บ้าง  แต่เขาไม่มีทางพูดออกไปแน่นอน  อีกอย่างวันนี้เขาก็มาขอความช่วยเหลือจากเย่โม่ด้วย

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด