บทที่ 18 ความจริง
บทที่ 18 ความจริง
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดย่อมเป็นหมิงเซียน เพราะเขาคือผู้ที่เผชิญหน้ากับกุนไท่ด้วยตนเอง เขารู้สึกว่านี่เป็นแค่เพียงฝัน! นี่มันเรื่องบ้าบออันใดกัน?
นับตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเคยเห็น หรือได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน จากปราณที่เขาสัมผัสได้มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“จะ...เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ เจ้าคือ...กุนไท่?”
หมิงเซียนกล่าวด้วยความหวาดผวาใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ การแสดงออกราวกับเซียนกระบี่หนุ่มของเขาก่อนหน้านี้ ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
ฮา ฮา ฮ่า!
กุนไท่ไม่ตอบแต่อย่างใด แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และพุ่งเข้าใส่อย่างไม่กล่าวเตือนอะไรทั้งสิ้น
ปังงงงง!
หมัดของกุนไท่ทำลายปราณคุ้มกายของหมิงเซียนอย่างง่ายดาย สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้นั้นเรียกว่าย่ำแย่มาก กำปั้นของกุนไท่ทะลวงเข้าใส่ใบหน้าของหมิงเซียนอย่างหนักหน่วงจนกระเด็นออกไป
กุนไท่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มทะยานร่างเข้าหาหมิงเซียนที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ กุนไท่รั่วหมัดใส่หมิงเซียนอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ให้อีกฝ่ายลงถึงพื้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาใช้ความแข็งแกร่งแค่ห้าในสิบส่วนเท่านั้น เพราะไม่อยากให้หมิงเซียนต้องตาย พอผ่านไปนับสิบหมัดแล้วกุนไท่จึงหยุดลง
ร่างของหมิงเซียนตกถึงพื้นอย่างแผ่วเบา เขาหมดสติตั้งแต่สามหมัดแรกแล้ว ส่วนหมัดที่เหลือนั้นทำให้เขาถึงกลับตื่นขึ้นมาใหม่ และหมดสติลงไปอีกหลายต่อหลายครั้ง!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกคนถึงกับลืมหายใจ ปากของพวกเขานั้นอ้าค้างออกมาอย่างน่าขัน
ผู้ตัดสินได้สติก่อนผู้ใด พลันกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงไม่หายว่า
“ผะ....ผู้ชนะ กุนไท่!”
เหล่าผู้อาวุโส และบิดาของหมิงเซียนต่างรีบเข้าไปหาพลางดูอาการบาดเจ็บของเขาอย่างละเอียด เมื่อไม่เห็นสิ่งใดเป็นอันตราย เขาถอดถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะส่งสายตามาที่กุนไท่อย่างขอบคุณ ที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือกับหมิงเซียนอย่างรุนแรงนัก
ที่ด้านหลังของกุนไท่นั้นปรากฏเงาขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกับแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้ทุกคนในที่นี่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เงาร่างผู้นั้นแตะไหล่ของกุนไท่ก่อนจะพาร่างของกุนไท่หายไป เงาของคนผู้นั้นคือกุนจวิน!
ห่างจากลานประลองไม่ไกลนัก มีตำหนักที่ใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่เงียบสงบอยู่แห่งหนึ่ง กุนจวินพากุนไท่มาที่แห่งนี้ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด และปลดปล่อยแรงกดดันในขอบเขต และระดับที่สูงอย่างยิ่งออกมา กุนไท่รู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาจึงไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด แต่กลับแสดงรอยยิ้มที่น่าขนลุกออกมาแทน
“เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้าไม่ใช่ไท่เอ่อร์ แล้วเหตุใดถึงได้มาอยู่ในร่างบุตรชายของข้าได้!”
กุนจวินกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา พลางจับจ้องไปที่ท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาอย่างจับพิรุธให้ได้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโกหกเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ท่านพ่อ! ท่านกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกเพราะข้าเองก็เป็น...บุตรชายของท่านเหมือนกัน!”
กุนไท่ตอบกลับไปด้วยท่าทางปลอดโปร่งสบาย โดยที่ไม่มีท่าทีโดนกดดันเลยแม้แต่น้อย
“หมายความว่าเช่นไร พูดความจริงมา!”
กุนจวินตะคอกออกมาด้วยความโกธรที่อีกฝ่ายใช้คำพูดที่ทำให้เขายิ่งงุนงง และสับสนขึ้นไปอีก แม้ลักษณะนิสัย รวมถึงวิญญาณที่อยู่ในร่างกุนไท่นั้นให้ความรู้สึกที่อันตราย แต่กลับไม่ได้อันตรายต่อตัวเขา
เพราะมันเป็นธรรมชาติของลมปราณ และกลิ่นอายพิเศษที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาเท่านั้น แล้วที่สำคัญมันยังให้ความรู้สึกมีความผูกพันธุ์แบบแปลกๆกับเขา สายสัมพันธ์นี้มันคล้ายกับบิดา และบุตร!
“ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง! ข้าจะเริ่มเล่าตั้งแต่ต้น...
กุนไท่กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ทอดถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาที่ฉายความดุดันและบ้าคลั่งจะเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกพลางกล่าวต่อออกมา
“ที่ข้ากล่าวว่าข้าเป็นบุตรของท่านนั้นเป็นเรื่องจริง แท้จริงแล้วท่านมีบุตรชายสองคน ข้าเป็นพี่ชายฝาแฝดของกุนไท่ ในตอนที่ท่านแม่ตั้งครรภ์พวกเราแล้วกำลังจะคลอด ท่านจำปรากฏการณ์พิเศษที่พวกเราเกิดได้หรือไม่?”
“ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์คือข้าที่กำเนิดขึ้น ส่วนดวงจันทร์คือกุนไท่ ยามที่พวกเรากำลังจะถือกำเนิดขึ้นนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านแม่ต้องตาย เนื่องจากการที่พวกเรามีพลังมากจนเกินไป โดยเฉพาะข้า! ที่มีพลังที่น่ากลัวกว่ากุนไท่มากนัก เป็นเหตุให้ข้าต้องยอมสลายร่างกายเพื่อให้ตนเองตายไป แต่ดวงจิต และดวงวิญญาณยังคงอยู่
“ข้าเลยตัดสินใจผสานเข้ากับกายหยาบของกุนไท่เพื่อที่จะได้ไม่ตายไป แล้วยังสามารถปกป้องน้องชายของข้าได้อีกด้วย ข้ามันตัวหายนะ ข้าทำให้ท่านแม่ตาย ข้าไม่อยากเกิดมามีพลังนี้เลย ข้าอยากเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา!”
กุนจวินที่กำลังฟังอย่างตั้งใจ และจับพิรุธอยู่นั้น เมื่อฟังไปเรื่อยๆร่างกายก็ยิ่งสั่นสะท้าน น้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจหลั่งไหลออกมาจากดวงตาที่เผยความเจ็บปวดออกมา
กุนจวินนั้นแปลกใจบ้างว่าทำไมตอนที่อีกฝ่ายพึ่งเกิดจะสามารถมีความคิดได้ เป็นเพราะว่าหากผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากในชาติก่อนหน้า แล้วเมื่อถือกำเนิดใหม่จะมีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งจนเป็นเหตุให้มีปัญญาตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา และเมื่ออีกฝ่ายเติบโตขึ้นจะมีโอกาสจดจำอดีตชาติได้
เมื่อจดจำได้จะทำให้การบ่มเพาะเพิ่มมากขึ้นจนชาติก่อนเทียบไม่ติด เพราะอีกฝ่ายรู้เคล็ดลับจากชาติก่อนแล้ว!
“ข้า...ข้าผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้บิดาผู้โง่เงลาผู้นี้ด้วย!”
กุนจวินเข้าไปกอดกุนไท่ด้วยความรัก และสำนึกผิด เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาด่าทอตนเองในใจอย่างไม่หยุดหย่อน
กุนไท่ก็กอดรับบิดาตอบเช่นเดียวกัน น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตานั้นแสดงออกถึงความสุขที่ได้กอดบิดา และรับรู้ได้ถึงความรักครั้งแรกที่จากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า
“ท่านพ่อท่านไม่ผิดหรอก เป็นข้าเองที่ไม่ได้บอกความจริงกับท่าน! มีเพียงกุนไท่ที่รู้ว่าข้าเป็นพี่ชายของมัน แต่ท่านไม่ต้องกังวล เพราะข้ายังไม่ได้บอกเรื่องท่านแม่กับมัน ข้าไม่อยากให้มันเป็นปมในใจแล้วเกิดปัญหาในการบ่มเพาะของมันได้ ข้าหวังเพียงแค่ว่าได้ปกป้องมัน และปกป้องท่านก็เพียงพอแล้ว ยิ่งกุนไท่แข็งแกร่งข้าก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น! ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องกุนไท่ข้าจะดูแลมันเอง! ท่านก็ดูแลมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว การกระทำของเจ้าที่ผ่านมานั้นข้ารู้สึกภูมิใจมากที่มีเจ้าเป็นบุตร! เจ้ายอมเสียสละกายหยาบเพื่อช่วยน้องชายของเจ้าเอง ชีวิตของข้ากุนจวินผู้นี้คงตายตาหลับแล้วที่มีบุตรที่ดีเช่นเจ้าที่รักครอบครัวของตนเอง แม้กระทั้งยอมตายแทนกันได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ข้ารับรู้แล้วว่า เจ้าเป็นบุตรของข้าอีกคนหนึ่ง ข้ารักเจ้าเฉ่กเช่นเดียวกับที่ข้ารักไท่เอ่อร์แล้ว”
กุนจวินตอบกลับไปด้วยความรักและเอ็นดูด้วยน้ำตาแห่งความสุข
“ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านเช่นกัน!”
หลังจากกล่าวจบร่างกายของกุนไท่ก็กลับมาเป็นดั่งเดิม มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ากุนไท่ได้กลับไปแล้ว!