BB ตอนที่ 14 เป็นสามีภรรยาเมื่อชาติที่แล้ว
BB ตอนที่ 14 เป็นสามีภรรยาเมื่อชาติที่แล้ว
นางลืมไปสิ้นว่าเมื่อครู่ดุด่าสามีตนไปว่าอย่างไร
“คุณชายน้อยชื่ออะไรจ๊ะ? ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วหือ….. แล้วนี่บ้านอยู่ที่ไหนกัน? ให้พี่สาวเดินไปส่งบ้านนะจ๊ะ~ ฮิ ๆ…..”
ทุกสายตาพากันจ้องมองท่านป้าด้วยความรังเกียจ หน้าใหญ่ร่างใหญ่ปานนั้น อายุอานามก็สามสิบกว่าปีแล้ว นับได้ว่าเป็นมารดาของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ด้วยซ้ำ! พี่สาวบ้านเจ้าสิ! หน้าไม่อาย! คำเกี้ยวพาเช่นนี้ไม่จำเจไปหน่อยหรือ!?
“…..” ชิงอวี่พูดอะไรไม่ออก
นางนวดขมับตนเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแห้งออกมา “ขออภัยด้วย แต่ขอข้าผ่านทางไปหน่อยได้หรือไม่? ข้ายังมีธุระให้ต้องไปจัดการ”
สถานการณ์ในตอนนี้คือมีชาวบ้านมามุงกันอยู่ภายนอกร้านยาจนไม่มีทางเดินเลยแม้แต่นิด กระทั่งชิงอวี่ที่มีรูปร่างผอมบางยังไม่สามารถเบียดตนออกไปได้
วินาทีที่น้ำเสียงอ่อนโยนของนางดังออกไป ทุกคนในที่นั้นก็ราวกับต้องมนตร์ ต่างพากันหลบไปด้านข้าง เปิดเส้นทางเดินให้นาง ในแววตาที่จับจ้องนางมีแต่ความชื่นชมบูชา
แดนสวรรค์คงโปรดปรานเด็กคนนี้มากเป็นแน่ มองไกล ๆ ก็งาม มองใกล้ ๆ ก็ยังงามหมดจดเสียจริง
ท่ามกลางสายตาปลาบปลื้มของผู้คน ชิงอวี่รีบเดินออกจากตรงนั้นโดยใช้เวลาเพียงแวบเดียว
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ก็มีคนหลุดออกจากภวังค์ คนผู้นั้นรีบพุ่งตัวเข้าไปในร้านยาจี้ชื่อโดยพลัน “เถ้าแก่! เจ้าเด็กคนเมื่อครู่ได้บอกชื่อไว้หรือไม่?”
“เอ่อ ไม่ได้บอก” เถ้าส่ายหัว
“ข้าต้องการซื้อสมุนไพรที่นายน้อยคนเมื่อครู่สัมผัส!”
“ข้าก็ต้องการเช่นกัน!”
“ข้าเห็นมันก่อน มันเป็นของข้า!”
“ฮึ่ม! ใครให้ราคาสูงสุดชนะสิ ข้าจ่ายหนึ่งร้อยตำลึง”
“ก็ลองดูว่าใครจะมีเงินมากกว่ากัน ข้าให้ราคาห้าร้อยตำลึง!”
“พวกเจ้าทุกคนไม่จำเป็นต้องมาแข่งขันกับข้าผู้นี้ ข้าขอสละเงินเก็บของข้าทั้งหมด ห้าพันตำลึง!”
“สตรีนางนี้…..”
เถ้าแก่ไม่ได้เห็นร้านยาของตนคึกคักเช่นนี้มานานหลายปี ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวจะสามารถทำเงินให้เขาได้มากมายเช่นนี้
นัยน์ตาเถ้าแก่ร้านหรี่ลง “เขาเป็นผู้มีพระคุณของร้านยาจี้ชื่ออย่างแท้จริง!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” คุณชายผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำเงิน ในมือถือพัดยื่นหน้าเข้ามาในร้านแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อย่ามายุ่งกับการซื้อขายสมุนไพรของคุณชายน้อยผู้นั้นนะ!” ชายที่ถูกถามเองก็เป็นคนหนุ่มผู้หนึ่งเช่นกัน เขาไม่หันมามองผู้ถามเสียด้วยซ้ำ หลังจากตวาดกลับก็ไม่สนใจคนถามอีก
“พรู่ดดด…..”
เสียงกลั้นหัวเราะเจือแววเยาะเย้ยอย่างปิดไม่มิดดังขึ้นทันที ส่งผลให้ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินหน้าแดงในพลัน
“โม่เฟยหราน! เจ้าหัวเราะอะไรของเจ้า!?”
“อ้อ ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มในชุดสีขาวท่าทางสง่างามรีบส่ายหน้า พลันทำสีหน้าขึงขัง “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าหลงระเริงไปกับสตรีให้มากนัก ดูแต่ละย่างก้าวของเจ้าสิ ไม่มั่นคงยิ่ง ทั้งยังถุงใต้ต้าสีดำนั่นอีก กระทั่งเสน่ห์ที่เจ้าภูมิใจนักหนายังลดลงจนน่าใจหาย”
“ไร้สาระ! เมื่อเช้าข้าส่องกระจกก่อนออกจากบ้านมาแล้ว เจ้ากล่าวหาข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?” คุณชายชุดน้ำเงินเอ่ยขึ้นน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ในนัยน์ตาราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงอยู่
“หึ ๆ เจ้าเป็นสตรีหรือ? ส่องกระจกด้วย? เมื่อครู่เจ้าเพิ่งเปิดเผยตนเองไปนะ! ฮ่า ๆ…..”
“พวกเจ้าสองคนคงเป็นสามีภรรยาเมื่อชาติที่แล้วอย่างแน่นอน” คุณชายชุดสีเขียวเข้มร่างผอม ใบหน้าอ่อนโยนหล่อเหลาที่อยู่ด้านหลังแสดงความเห็นขึ้นอย่างไร้อารมณ์
“เพราะฉะนั้น พวกเจ้าถูกสวรรค์กำหนดมาให้รักกัน แต่สุดท้ายก็จะต้องฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง”
รอยยิ้มบนหน้าโม่เฟยหรานพลันแข็งค้าง ส่วนอวี้จิงจั๋วในชุดสีน้ำเงินก็ชะงักไปในทันที
สามีภรรยา? รักกันแต่ฆ่ากัน….. นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน!?
องค์รัชทายาทเป็นคนที่ไม่ค่อยปริปากเอ่ยคำใดมากนัก หากแต่ยามได้เอ่ยออกมาแล้วละก็ สะท้านถึงชั้นฟ้ากันเลยทีเดียว!!
คำพูดนั้นเป็นของซวนหยวนเช่อนั่นเอง
ส่วนคุณชายอีกสองคนคือเพื่อนรักที่มีอยู่ไม่กี่คนของเขา อวี้จิงจั๋วเป็นบุตรชายคนที่สามของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ส่วนโม่เฟยหรานเป็นหลานชายคนโตของแม่ทัพชาง
สองคนนี้เติบโตมาพร้อมกับซวนหยวนเช่อ อายุก็ไล่เลี่ยกัน คนทั้งสามคนยังเป็นศิษย์ในสำนักละอองหมอกเหมือนกันอีก ดังนั้นแต่ละคนจึงมีฝีมือในการบำเพ็ญเพียรโดดเด่น
“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องไร้สาระเถอะ กว่าจะได้ออกจากสำนักมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ไม่ง่ายเลย” โม่เฟยหรานเอ่ยพลางยักไหล่ “เช่อ ไปดื่มกันสักหน่อยเถอะ” พูดจบก็เดินเข้าไปยกแขนขึ้นหมายจะกอดคอซวนหยวนเช่อ
ซวนหยวนเช่อเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นหลบแขนของโม่เฟยหรานที่เหนี่ยวเข้ามา สีหน้ายังคงเรียบเฉย “สิ่งที่เจ้าสมควรทำตอนนี้คือการปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำของคนบางคนมากกว่านะ”
โม่เฟยหรานได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป จากนั้นก็หันไปเห็นอวี้จิงจั๋วข้าง ๆ ที่กำลังใช้ดวงตาดำมืดมองเขาอยู่ราวกับอยากสังหารคน
จู่ ๆ ร่างกายพลันรู้สึกขนลุกเกรียว “เหตุใดเจ้าจึงมองข้าเช่นนั้น?”
“เจ้าว่ามาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้! คุณชายผู้นี้ก้าวขาครั้งไหนแล้วไม่มั่นคงบ้าง แล้วถุงใต้ตาสีดำมันอยู่ตรงไหนกันแน่?! และถึงข้าจะชอบเกี้ยวพานารีเท่าไร แต่ข้าก็ไม่เคยแตะต้องพวกนาง!”
เขายังเป็นบุรุษที่มีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ เข้าใจหรือไม่!?
“โอ้~” โม่เฟยหรานพยักหน้าทำทีเป็นเข้าใจบางอย่าง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างมีความนัย “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า….. จิงจั๋วยังเป็นชายบริ~สุทธิ์…..”
นัยน์ตาโม่เฟยหรานเต็มไปด้วยแววล้อเลียน
ในแคว้นชิงหลาน เมื่อเด็กผู้ชายมีอายุครบสิบสองปี ก็จะมีข้ารับใช้ผู้หญิงส่วนตัวหนึ่งคนที่อาศัยอยู่ข้างห้องนอน เมื่ออายุครบสิบสี่ปีก็สามารถแต่งงานกันได้
อวี้จิงจั๋วอายุสิบเก้าปีแล้ว ทว่ายังไม่แต่งสตรีนางใด ดังนั้นจึงไม่อาจหยุดความสงสัยของผู้คนไว้ได้ ยิ่งกับมิตรที่มีจิตใจชั่วร้ายอย่างโม่เฟยหรานที่ชอบกลั่นแกล้งล้อเลียนเขาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่
“เจ้าคนสมควรตายโม่เฟยหราน! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายกันไปข้าง!” เรื่องแบบนี้ท่านลุงไม่อาจทนได้ ท่านน้าก็ไม่สามารถทนได้เช่นกัน!
ทั้งสองคนพากันซัดพลังใส่อีกฝ่ายอยู่กลางถนน ไม่ห่วงชื่อเสียงตนแม้แต่น้อย
ผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้ถึงกิตติศัพท์ของคนทั้งคู่เป็นอย่างดี ด้วยทั้งคู่ชอบมาก่อปัญหาในเมืองอยู่เนือง ๆ พวกเขามักจะมากันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ทว่าวันนี้กลับเหลืออยู่เพียงสองคน….. แล้วนี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นถึงได้ซัดกันประหนึ่งศัตรูคู่แค้นเช่นนี้?
ส่วนซวนหยวนเช่อ ไม่มีใครรู้ว่าเขาแอบหลบไปที่ใด เขาได้หายตัวไปก่อนที่สองคนนั้นจะเริ่มลงมือด้วยซ้ำ
เขารู้ดีว่าคนทั้งสองนิสัยรั้นทว่าก็ไม่มากถึงเพียงนี้ เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ที่ตอบตกลงมาหวนรำลึกความหลังกับคนสองคนนั้น
--------------------
กลับมาทางฝั่งชิงอวี่ หลังจากที่นางเอาชีวิตรอดออกมาจากฝูงชนคลุ้มคลั่งได้แล้ว นางก็หลบเข้าไปในหอเมฆาเคลื่อนทางประตูด้านหลัง เมื่อเข้ามาได้ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ไม่อยากเชื่อเลย คนพวกนั้นน่ากลัวเป็นบ้า!
“อ๊ะ! คุณชายผู้นั้น…..” น้ำเสียงดีอกดีใจแกมประหลาดใจดังขึ้น ชิงอวี่จึงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นแม่นางสองคนยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ดูท่าทางตื่นเต้นที่ได้พบนาง
“ข้าหรือ?” ชิงอวี่ยกนิ้วขึ้นชี้ตนเอง หน้าตาสับสนงงงวย
“คุณชายชิง!” นางจำน้ำเสียงนั้นได้ คือคนงามตัวน้อยที่หมายจะสังหารนางคนนั้น เหลียนจี นั่นเอง
ในวันนั้น พี่สาวท่านนี้ดูท่าจะไม่ต้องการสิ่งใด ต้องการเพียงฉีกร่างนางกินลงท้องเท่านั้น เหตุใดวันนี้นางถึง….. ดูยินดีต้อนรับนางนัก? ไม่ถูกต้อง เมื่อครู่พวกนางดูตื่นเต้นยินดีมากที่เห็นนาง
“ในที่สุดคุณชายก็มา ช่วยข้าได้มากเลยเจ้าค่ะ” เหลียนจีเดินเข้ามาดึงแขนนาง รีบพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“เอ้ ปล่อยข้าก่อน เจ้าจะพาข้าไปไหน? บอกข้ามาก่อน”
“ไม่มีเวลาแล้วเจ้าค่ะ คุณชายมาหานายท่านกับข้าก่อนเถอะ พวกข้าตามหาคุณชายแทบพลิกแผ่นดินกลับหาไม่เจอ โชคดีที่วันนี้คุณชายเป็นฝ่ายมาเอง”
หือ? ตามหานางหรือ?
ก็ต้องหาไม่เจออยู่แล้ว พวกนางตามหาเด็กหนุ่ม แต่นางเป็นเด็กสาวนี่!
หลังจากถูกลากตัวไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอยู่หลายสิบครั้ง ชิงอวี่ก็เริ่มรู้สึกมึนหัว ในที่สุดเหลียนจีก็พานางเดินมาหยุดอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง
อาหารแห่งนี้ตั้งแยกออกมาเป็นอิสระ ทำให้ชิงอวี่รับรู้ว่าหอเมฆาเคลื่อนแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา ภายนอกดูเป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง ทว่าภายในราวกับหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง พื้นที่ภายในกว้างขวางนัก
ระดับความหรูหราโอ่อ่าของสถานที่แห่งนี้เทียบได้กับจวนหย่งอันอ๋องได้เลย
เหลียนจีผลักประตูเปิดออกก่อนจะเดินเข้าไป นำนางเดินไปทางขวา ในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูแห่งหนึ่ง จากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้น “นายท่าน คุณชายชิงมาแล้วเจ้าค่ะ”
ประตูถูกเปิดออกแทบจะทันที ก่อนที่บุรุษชุดแดงมากเสน่ห์จะเดินออกมาจากด้านใน