ตอนที่ 12 จัดการลูกน้องเจ้าไปอีกคน (ฟรี 17/8/2563)
"ติ๊ง ระบบตรวจพบว่าศัตรูที่ถูกฆ่าโดยโฮสต์ไม่สามารถต่อต้านได้จึงไม่ถูกนับว่าเป็นค่าประสบการณ์!"
"แล้วทำไมก่อนหน้านี้ที่ฉันฆ่าเฉินหานฉวน ไม่ใช่ว่าเขาเองก็ถูกฮวามู่หลานทุบตีจนไร้การต่อต้านฉันถึงได้รับค่าประสบการณ์?"ลู่เฟิงได้กล่าวถาม
"นั่นเพราะมันเป็น บัค ตอนนี้ระบบได้รับการซ่อมแซมแล้ว!"
"ฉัน..."
ลู่เฟิงรู้สึกพูดไม่ออก
เดิมฉันคิดว่าการฆ่านักรบระดับ 3 ขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน จะช่วยให้ได้รับค่าประสบการณ์มากมายเสียอีก ดูเหมือนฉันจะคิดมากเกินไปจริง ๆ
เขารู้สึกเสียดายในเรื่องนี้
แต่เมื่อลองคิดกลับกันอย่างน้อยระบบก็ช่วยให้เขาได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึง
โดยเฉพาะ พลัง ขุนพล และ อื่น ๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกโล่งใจ เป็นธรรมชาติที่ระบบอาจจะมีข้อจำกัด ไม่อย่างนั้นเขาคงปล่อยให้ เกาชุน ไปจับนักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวนมาและปล่อยให้เขาฆ่า หากเป็นแบบนั้นได้การยกระดับพลังของเขาก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จะเรียกว่าโกงเลยก็ว่าได้
ลู่เฟิง ได้สบัดความคิดไร้สาระเขาได้ทำความสะอาดและเข้านอน
วันรุ่งขึ้นนอกห้องโถงเจิ้งหลงกลุ่มข้าราชบริพารได้มารวมตัวกันอีกครั้ง
นอกจากกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีชายสูงอายุอีกห้าหรือหกคนที่แต่งตัวมอมแมมในเครื่องแบบชุดนักโทษ
พวกเขาทั้งหมดเคยเป็นขุนนางที่ภักดีต่อราชวงศ์ของอาณาจักรหนานหยาน แต่เมื่อไม่นานมานี้หลังจากจักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนม์พวกเขาก็ถูกส่งเข้าคุกโดย โม่เต๋า
การนิรโทษกรรมเเผ่นดินของ ลู่เฟิง ทำให้พวกเขาทั้งหมดได้รับการปล่อยตัว วันนี้พวกเขาต้องการมาฟังการจัดเตรียมของลู่เฟิง จึงได้เดินทางมาในชุดของนักโทษ
บรรดาข้าราชบริพารหลายคนที่เห็นกลุ่มคนเหล่านี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ธรรมชาติกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้ญาติดีต่อกลุ่มข้าราชบริพารที่เห็นด้วยกับการที่พวกเขาต้องถูกส่งไปจำคุก
"ท่านเสนาบดีมาแล้ว"
หลายคนที่เห็นโม่เต๋ามาถึงพวกเขารีบจับกลุ่มกัน
"ท่านเสนาบดีดูไอ้พวกชายแก่พวกนั้น พวกมันถูกปล่อยตัวออกมาแล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี"
"ใช่ท่านเสนาบดี พวกเขาเคยต่อต้านท่านเสนาบดีมาก่อน ตอนนี้พวกเขาได้ถูกปล่อยตัวเกรงว่า พวกเขาคงไม่คิดจะปล่อยพวกเราไป"
"ท่านเสนาบดี ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราจะสนับสนุนท่านให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิให้ได้ ไม่ว่าลู่เฟิง จะมีความสามารถมากแค่ไหนมันก็ไม่มีทางต้านทานได้!"
โม่เต๋า ไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขาทั้งหมด
เขากำลังคิดในใจเกี่ยวกับเรื่องนักฆ่าที่เขาส่งไปเมื่อคืนทำไมถึงยังไม่กลับมา ? นั่นคือผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนที่มีพลังอยู่ในขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน!
ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ สามารถสังหารตระกูลใหญ่ได้หลายตระกูล แต่เมื่อวานนี้พวกเขาหลังจากเข้าไปในวังหลวงกลับไม่ได้ส่งข่าวคราวใด ๆ ออกมา นี่จะทำให้เขารู้สึกโล่งใจได้ยังไง ?
"ท่านเสนาบดี"
เมื่อคนสนิทเห็น โม่เต๋า ไม่ตอบรับ พวกเขาได้ตะโกนเรียก
โม่เต๋าได้ตอบกลับและกล่าวถาม"มีอะไร?"
"..."
เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่รอบ ๆ เขาต่างก็รู้สึกพูดไม่ออก พวกเขาได้พูดมาตั้งนานอีกฝ่ายยังกล้าถามว่ามีอะไร?
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก โม่เต๋า คือกระดูกสันหลังของพวกเขา"ท่านเสนาบดี,อดีตราชเลขา,ขุนนางที่ควบคุมกรมยุติธรรม เเละ คนอื่น ๆ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว พวกเราเชื่อว่าพวกมันจะต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่นอน ทางที่ดีพวกเราอย่าปล่อยให้มันได้ตำเเหน่งทางการเมืองคืนไม่งั้นพวกเราคง...."
"องค์จักรพรรดิเสด็จแล้ว!"
ในขณะนี้เองก็มีเสียงเเหลมดังขึ้น
ลู่เฟิงในชุดคลุมมังกรทองห้ากรงเล็บพร้อมกับสวมมงกุฏบนศีรษะ ได้เดินเข้ามาพร้อมกับ ฮวามู่หลาน และ เกาชุน ที่ประกบด้านซ้ายและขวา
ด้านหลังของพวกเขาตามมาด้วยหน่วยพิเศษสองกองในค่ายของเกาชุน
"ฝ่าบาท ข้าน้อย อดีตราชเลขาควบคุมกรมยุติธรรม ขอถวายบังคมต่อฝ่าบาท!"
ในทันใดนั้นเองชายชราในชุดเครื่องแบบของนักโทษได้คุกเข่าลงบนพื้น
"เจ้ามีความผิดอะไรไหนบอกข้ามาสิ?"ลู่เฟิง กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
"ฝ่าบาท ในฐานะผู้ดูแลกรมยุติธรรม ข้าล้มเหลวในการบริหารดูแลทำให้อำนาจเหล่านั้นตกอยู่ในมือของเสนาบดีชั่วและเป็นภัยต่อฝ่าบาทข้าน้อยสมควรตาย!"
ชายชราเหล่านี้ได้คุกเข่าลงบนพื้นและโขกศีรษะด้วยความเศร้าเสียใจ
ลู่เฟิงได้ถอนหายใจเบา ๆ "ฉิงเจ๋อ ข้าได้ยินมาว่าในอดีตเจ้าทำงานไม่เคยขาดตกบกพร่อง ตระกูลฉิง ของเจ้าภักดีต่อราชวงศ์ของอาณาจักรหนานหยานเสมอมา ข้าจะช่วยเจ้าแก้ต่างความผิดของเจ้าเอง รวมถึงพวกเจ้าด้วย!"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท ข้าจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อพระองค์ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!"หลายคนได้ตะโกนทันที
"เอาล่ะ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าอย่าได้หักโหมร่างกายเด็ดขาดร่างกายของพวกเจ้ายังไม่ฟื้นตัวดี รีบลุกขึ้นเถิด!"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"
ชายชราหลายคนได้ลุกขึ้นยืนต่อหน้าลู่เฟิงด้วยความเคารพ
ลู่เฟิง ได้หันไปมองข้าราชบริพารคนอื่น ๆ โดยเฉพาะ โม่เต๋า เขาได้ยิ้มที่มุมปากเเละเดินเข้าไปในห้องโถงเจิ้งหลง
ข้าราชบริพารหลายคนไม่ได้ขยับ พวกเขารอให้ โม่เต๋า เดินเข้าไปข้างในก่อนที่จะก้าวตามเข้าไป
"ฮึ่ม เจ้าพวกสุนัขนี่ พวกมันรอโอกาสที่ลู่เฟิง กำลังจะเข้าห้องโถงเจิ้งหลง"
ทันใดนั้นกลุ่มขุนนางอดีตราชเลขาอย่าง เหรินหยาน ก็ได้กล่าวพูดเสียงดัง
โม่เต๋าที่ฟังอยู่ชั่วครู่ ก็ได้หันหน้าไปมองฆ้อน เขาได้เดินออกไปเกินเก้าก้าว นี่ไม่ใช่การเคารพองค์จักรพรรดิ ?
หากเป็นในอดีต เขาคงจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้ลู่เฟิงได้แตกต่างออกไป
เขาได้ก้าวถอยหลังสองก้าวอย่างเร่งรีบและกลัวว่าลู่เฟิงจะใช้เรื่องนี้จัดการกับตัวเอง
ในขณะที่เขาขยับดูเหมือนว่า ลู่เฟิง จะจ้องมองมาที่เขา
"ท่านเสนาบดี ท่านก้าวเข้าสู่ห้องโถงเจิ้งหลงกลับไม่ได้ให้ความเคารพองค์จักรพรรดิ ท่านกำลังดูถูกฝ่าบาท การกระทำของท่านมีความผิดทางอาญา!"
เหล่าชายชราอดีตขุนนางก่อนหน้านี้ได้จ้องมองไปที่พวกเขา เเละ โค้งคำนับให้แก่ลู่เฟิง
ใบหน้าของ โม่เต๋า เริ่มน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่คิดเลยว่าชายชราเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
หากลู่เฟิง ใช้โอกาสนี้ในการหาทางจัดการเขา เขาก็คงไม่สามารถต่อต้านได้
ลู่เฟิง ได้จ้องมองไปที่ โม่เต๋า เเละ ยิ้มตอบกลับ"ท่านเสนาบดีคงไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยไปเถอะ!"
"ฝ่าบาท..."
กลุ่มชายชราเหล่านั้นต้องการจะพูดแย้งเเต่ ลู่เฟิง ได้โบกมือสั่งให้หยุด
โม่เต๋าได้ยินดังนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ตามที่คาดไว้จักรพรรดิน้อยลู่เฟิง ยังคงไม่กล้าที่จะสังหารเขา
เขาได้โค้งมือเพื่อทำความเคารพ"ขอบพระทัยฝ่าบาท พระองค์ช่างมีญาณมองการณ์ไกลยิ่งนัก"
ขณะที่เขาพูดออกไปเขาก็ไม่ลืมที่จะจ้องมองไปที่กลุ่มชายชราเหล่านั้น เป็นแค่พวกสุนัขพิการที่เพิ่งออกจากคุกกล้าที่จะลอบกัดข้า ? ดูซะแม้เเต่จักรพรรดิของพวกเจ้ายังไม่กล้าจะทำอะไรข้า!
ใบหน้าของ กลุ่มชายชราได้เปลี่ยนไปด้วยความโกรธ แต่ในเมื่อ องค์จักรพรรดิไม่ได้ทรงมีรับสั่งพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร
ลู่เฟิง ที่เห็นใบหน้าของ โม่เต๋า เขาได้หัวเราะเยาะออกมา"ความผิดพลาดที่ท่านเสนาบดีไม่ได้ตั้งใจ ก็ล้วนปล่อยมันไปเถอะ แต่ทว่า เฉาถัง ราชเลขาควบคุมกรมพิธีการ เจ้าที่เป็นถึงหัวหน้าควบคุมกรมพิธีการ กลับไม่แจ้งเตือนเรื่องนี้ต่อท่านเสนาบดี สมควรได้รับโทษ"
โม่เต๋าที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาได้กลายเป็นหน้าเกลียดทันที
ใบหน้าของ เฉาถัง ราชเลขาควบคุมกรมพิธีการ ได้รีบคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเปล่งเสียงร้อง"ฝ่าบาทข้า..."
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เกาชุน ที่ได้รับสัญญาณจาก ลู่เฟิง อยู่ก่อนเเล้ว ได้เคลื่อนไหวและตัดศีรษะของอีกฝ่ายทันที
เห็นฉากที่เกิดขึ้นสีหน้าของโม่เต๋ามืดมนอย่างมาก
เฉาถัง ราชเลขาควบคุมกรมกรมพิธีการ หนึ่งในลูกน้องของเขาได้ถูกฆ่าตายไปอีกคน
บรรดาหกกรมสำคัญลูกน้องของเขาได้ถูกฆ่าตายไปกว่าสี่ตอนนี้เหลืออีกสองซึ่งเขาคาดว่าอีกไม่นานก็คงถูกจัดการ
เมื่อเขาสูญเสียหมากทั้งหมดไปเขาก็คงไม่อาจยึดอำนาจทางการเมืองมาได้อีก
เขาจะไม่ปล่อยให้ลู่เฟิงทำแบบนั้นได้เด็ดขาด