ตอนที่แล้วตอนที่ 103 เหนือภพ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 105 บ้านตระกูลใต้

ตอนที่ 104 หอพันบุปผา


        ณ เมืองนิรันดร์กาลนคร

        เหนือภพผ่านเข้ามาในเขตของหอพันบุปผาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้วิธีพิเศษอะไร เพราะเป็นที่รู้กันทั่วว่าใครอยากจะเข้ามาที่นี่ก็ได้ มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือหากอยากได้รับบริการอย่างดี ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่อยู่ในกระเป๋าของคนคนนั้น แม้ว่าหอพันบุปผาจะตั้งอยู่กลางเมืองนิรันดร์กาล เมืองขนาดใหญ่ที่มีความเจริญไม่ด้อยไปกว่าเมืองหลวงสักเท่าไหร่ หอพันบุปผาจึงได้ชื่อว่าตั้งอยู่ในเขตที่เจริญที่สุด แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นด้านมืดที่สุดด้วยเช่นกัน โดยมีความเจริญเป็นม่านกั้นบังหน้า

        ที่นี่มีการซื้อขายข่าวหลากหลายรูปแบบ มีทั้งโจร ฮันเตอร์ เจ้าหน้าที่ บุคคลทั่วไปและบุคคลนอกกฎหมายเข้าไปแวะเวียนแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอยู่เสมอ ๆ หอพันบุปผาแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่มีการปกครองตัวเอง กฎหมายของเมืองไม่อาจใช้ได้ที่นี่ เนื่องจากที่นี่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้มีอำนาจทั้งด้านการเงินและการรบ ผู้มีอิทธิพลหลายฝ่ายในเมืองนิรันดร์กาลต่างถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน และต่างฝ่ายต่างก็มีความลับที่ต้องปกป้อง และข่าวสารเหล่านั้นก็วนเวียนอยู่ในมือของหอพันบุปผานี้เอง พวกเขาจึงทำทุกวิถีทางให้หอพันบุปผาอยู่ต่อ แม้จะมีคดีความ เรื่องวุ่นวาย ธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย แต่พวกเขาก็จะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย

        เขตของหอพันบุปผามีพื้นที่กว่าร้อยไร่ ภายในมีอาคารตึกรามบ้านช่องที่ประดับแสงสีมากมาย มันใหญ่พอ ๆ กับหมู่บ้านแห่งหนึ่งเลยทีเดียว อาคารเหล่านั้นล้วนเป็นแหล่งบันเทิงเริงใจ มีทั้งการพนัน ผู้หญิง ยาเสพติด อบายมุขทุกชนิด มันถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ย่อย ๆ หลายส่วน ซึ่งแต่ละพื้นที่ต่างมีเจ้าถิ่นคอยดูแลธุรกิจของตัวเอง ผู้คนเรียกเจ้าถิ่นว่า ออกญา

        แน่นอนว่ามันไม่ใช่บรรดาศักดิ์ที่ได้รับมาอย่างถูกต้อง มันเป็นแค่คำพูดของเหล่าชนชั้นอัปรีย์ที่ยกย่องกันเอง และนับเป็นคำเรียกที่ได้รับการดูถูกดูแคลนมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาต้องการติดต่อกับพวกเขา มีทั้งขอซื้อและขายข่าว ไม่เว้นแม้แต่พวกชนชั้นสูงอย่างราชวงศ์ มีหลายครั้งที่พวกเขาต้องพึ่งคนเหล่านี้เพื่อซื้อขายข่าว ฟอกเงิน หรือทำเรื่องสกปรกต่าง ๆ ที่ตัวเองไม่อยากออกหน้า

        “น้องชาย มาซื้อหรือขาย”

        เมื่อเหนือภพมาถึงเขตชั้นในของหอพันบุปผา มาตรการป้องกันก็เริ่มเข้มงวดมากขึ้นเพื่อขัดกรองลูกค้ามีเงิน หากมีเงินมากก็จะได้รับการดูแลอย่างดี ภายในเรือนรับรองชั้นในมีผู้หญิงสวย ๆ ที่หาได้ยากคอยให้บริการอยู่ นับว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าผู้ชายโดยแท้

        “ซื้อ”

        เหนือภพตอบสั้น ๆ ก่อนจะแสดงป้ายที่มีวงเงินกว่าหนึ่งล้านเหรียญทองให้ยามเฝ้าทางชั้นในดู ท่าทีของพวกมันเปลี่ยนไป มันดูอ่อนน้อมลงก่อนจะเริ่มแย่งกันอาสาพาเหนือภพไปยังสถานที่ต้องการ

        “นายน้อย ท่านต้องการซื้อแบบไหน ยา ผู้หญิงหรือข่าว รับรองได้ว่าข้าสามารถพาท่านไปได้หมด”

        ผู้นำทางหน้าโหดออกปากด้วยท่าทางขึงขัง แต่เหนือภพไม่ตอบเพื่อรักษามาดของตัวเองเอาไว้ อย่างน้อยสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากศิษย์พี่รองก็คือ ยิ่งเรานิ่งเงียบเอาไว้ ไม่พูดมาก ก็จะยิ่งทำให้ตัวเราน่าเกรงขาม ทำให้ผู้อื่นเกรงใจในตัวเราและทำให้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ดังนั้นเหนือภพเลือกที่จะเงียบพร้อมกับแสดงสีหน้าเย็นชา

        ผู้นำทางได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เมื่อไม่อาจคาดเดาอารมณ์ความคิดของเหนือภพได้ และยิ่งเขาเห็นเหนือภพมีเงินมาก เขาก็ยิ่งหวั่นเกรง แม้เหนือภพจะแต่งกายแปลกตาและเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่น่าจะผ่านโลกมาเยอะ แต่ผู้นำทางก็เลือกที่จะไม่ก่อเรื่อง สิ่งที่พวกเขารู้ดีขณะที่ทำงานภายในโลกนอกกฎหมายแห่งนี้ คือ อย่าได้มองคนที่ภายนอก

        เหนือภพถูกพามาที่อาคารแห่งหนึ่ง มันเป็นอาคารไม้สีเข้มที่ใหญ่โตโอ่โถง มีการคุ้มกันของเหล่าผู้มีอาคมระดับสูงจำนวนมาก สีหน้าของพวกเขาล้วนเย็นชาไร้อารมณ์ไม่ต่างจากวัฏจักร แค่ปรายตามองก็ดูออกทันทีว่าพวกเขาเป็นนักฆ่า คนนำทางอธิบายในสิ่งที่เหนือภพอยากรู้เพียงครู่หนึ่งแล้วก็จากไป เหนือภพสรุปความได้ว่าที่นี่คือสถานที่ของหนึ่งในผู้ควบคุมหอพันบุปผา โดยมี ออกญาพิราบ เป็นผู้ดูแลเรื่องธุรกิจข่าวสาร

        ออกญาพิราบเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเรียบหรูเหมือนพวกบัณฑิต ในมือถือพัดขนนกสีขาวล้วนแบบที่บัณฑิตชอบใช้กัน ด้วยหน้าตาท่าทางสงบนิ่งและรูปร่างสะโอดสะองเหมือนคนมีความรู้ เหนือภพจึงมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนประเภทที่จะทำเรื่องผิดกฎหมายนับไม่ถ้วน

        “เจ้าเด็กนี่น่ะเหรอ ที่เป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก”

        ออกญาพิราบเอ่ยถามหญิงงามที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขา

        “เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร”

        ออกญาพิราบถาม  ขณะที่สายตายังคงจ้องมองตำราหนังสัตว์ในมือ เขาไม่สนใจลูกค้ากระเป๋าหนักแม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใครแสดงออกว่าเหนือกว่าก็จะสามารถคุมเกมได้ดีกว่า มันก็เท่านั้น จนกระทั่งเหนือภพนั่งลงตรงหน้าออกญาพิราบ

        เหนือภพขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันทีแล้วก็หันหลังเดินกลับออกไป ทำให้สีหน้าของออกญาพิราบบิดเบี้ยว สายตาทอประกายเย็นชา เพราะถูกเหนือภพฉีกหน้า

        “เด็ก ๆ จับเขาไว้”

        สตรีข้างกายออกญาพิราบตะโกนขึ้นอย่างรู้ใจเจ้านาย เมื่อเหล่าผู้คุ้มกันเรือนที่อยู่ด้านนอกได้ยินก็พากันพุ่งเข้ามา พวกเขาโจมตีเหนือภพเป็นจังหวะอย่างคุ้นเคย เมื่อใดที่ได้ยินคำสั่งนี้พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดเป้าหมาย ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร หรือเป้าหมายจะได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ขอแค่เป้าหมายไม่ตายก็พอ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเลือกคู่ต่อสู้ผิด

        เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ผู้คุ้มกันกว่าสิบคนของเรือนข่าวสารของออกญาพิราบก็ถูกซัดจนนอนหมอบอยู่กับพื้น บางรายก็ค้างอยู่บนคานเรือน และมีหลายคนที่ถูกซัดจนทะลุฝาผนังไปนอนดิ้นอยู่ด้านนอกเรือน สีหน้าของออกญาพิราบที่เคยถือดีเย่อหยิ่งเริ่มแปรเปลี่ยนไป เขายืดตัวตรง แล้วลุกขึ้นยืนอย่างไว้ท่ารักษากิริยาของบัณฑิต

        “เจ้าเป็นใครกันแน่”

        ออกญาพิราบถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ แต่ก็ยังคงความนุ่มทุ้มเอาไว้ได้อย่างดี เขารู้ดีว่ามีหลายคนที่สามารถจัดการมือดีของเขาได้ แต่คนที่สามารถจัดการได้ในพริบตานั้นกลับมีอยู่นับนิ้วได้

        “หากเจ้ายังไม่รู้จักข้า แล้วเจ้าจะรู้จักคนที่ข้าอยากตามหาได้ยังไง”

        เหนือภพพูดตอกกลับไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะปล่อยดาบที่ถูกเขาบีบจนแตกละเอียดลงพื้น ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าออกจากเรือนออกญาพิราบไป ก็มีเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน

        “เหนือภพ ถูกทางการหมายหัวในข้อหาฆาตกรรม มีค่าหัวหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเราแล้วนะคะนายท่าน”

        สตรีข้างกายออกญาพิราบเอ่ยขึ้น ท่าทีของเธอในตอนนี้ช่างเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง กลิ่นอายเข่นฆ่าแผ่ออกมาจากตัวเธอ เข้มข้นจนทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที

        เหนือภพนิ่วหน้าพลางจ้องไปที่สตรีหน้าตาสะสวย เมื่อได้สังเกตดูอย่างละเอียดเขาก็พบว่าเธออยู่ในชุดสตรีเต็มยศ ดูยั่วยวน งดงามแช่มช้อย ราวกับคุณหนูผู้น่าทะนุถนอม แต่กลิ่นอายอันตรายบนตัวเธอนั้นเทียบได้กับศิษย์พี่รองของเขาเลยทีเดียว

        “งั้นเหรอ”

        ท่าทีของออกญาพิราบก็ดูเปลี่ยนไปอีกแล้ว เขาพูดเนิบช้าราวกับไม่ใส่ใจ แต่สายตากลับมองมาที่เหนือภพราวกับเสือจ้องกวางน้อย

        เหนือภพนิ่วหน้ามองทั้งคู่ พอคิดดูดี ๆ แล้วบรรยากาศแบบนี้มันทำให้เขาคิดถึง ท่านหญิงทิวาทิพย์ บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าพระยากรมคลังเมืองนิรันดร์กาลที่เขาเสนอขายแร่หกสีในราคายี่สิบล้าน ในครั้งนั้นพวกเธอก็ปั่นหัวเขามากเช่นกัน หรือว่าออกญาพิราบกับผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน

        “ล้อเล่น  ฮ่าฮ่าฮ่า”

        ออกญาพิราบยิ้มกว้าง ท่าทางบัณฑิตเคร่งในกฎระเบียบแปรเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคนที่ร่าเริง ขี้เล่น

        “ตลกใช่ไหมล่ะ อย่าคิดมากน้องชาย ก็เห็นเจ้าทำหน้าเครียด ข้าก็เลยอยากให้ผ่อนคลายสักหน่อย”

        เหนือภพนิ่วหน้า สายตาของผู้หญิงคนนั้นดูไม่ได้ล้อเล่น นั่นเป็นสายตาของคนที่ตั้งใจจะฆ่าคนจริง ๆ เหมือนกับศิษย์พี่รองยามลงมือฆ่าใครสักคน แต่ถ้าเขาเปิดโปงไปแล้วจะได้อะไรล่ะ ?  เหนือภพจึงได้แต่เล่นไปตามน้ำ

        “พี่ชายก็ ทำข้าตกใจหมดเลย งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเถอะ”

        เหนือภพไม่อยากเสียเวลา เขาพูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับออกญาพิราบเพื่อยืนยันข่าวเกี่ยวกับศิษย์พี่ทั้งสองว่าโดนจับจริงหรือเปล่า

        “ข่าวนี้ก็น่าตกใจอยู่ แต่ทางพวกข้าหรือกลุ่มอื่น ๆ ก็ล้วนได้รับข่าวมาเหมือนกัน มันคือเรื่องจริง แต่มันก็แปลกอยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขายข่าวเล็กใหญ่ล้วนได้รับข่าวมาเหมือนกัน ไม่ผิดเพี้ยน มันผิดวิสัยของข่าว เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการปล่อยข่าวนี้เพื่อล่อใครสักคนออกมา และดูเหมือนจะได้ผลซะด้วย”

        “ต่อให้เป็นกับดักข้าก็ต้องไป”

        “โอ้ กล้าดี แต่ดูเหมือนจะโง่ไปหน่อย”

        พูดจบสีหน้าของออกญาพิราบก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง

        “เอาล่ะ เรื่องที่ข้ารู้ก็พูดไปหมดแล้ว เรามาคุยกันเรื่องราคากันเถอะ”

        ออกญาพิราบกำมือชูนิ้วชี้ขึ้นมาในอากาศเพื่อบอกราคา แต่การที่เขาไม่พูดอะไรเลย ทำให้เหนือภพต้องคาดเดาราคาด้วยตัวเอง

        “1 เหรียญเงิน ?”

        ออกญาพิราบส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มฝืน ๆ

        “10 เหรียญเงิน ?”

        รอยยิ้มบนใบหน้าออกญาพิราบเริ่มคลาย เขาพยายามคุมสติ หากเป็นผู้อื่นเขาคงตวาดออกไปหรือสั่งคนให้เอาไอ้บ้านี่ไปเชือดทิ้งแล้ว แต่ว่าสำหรับเหนือภพเขาไม่อาจทำได้

        “เงื่อนไขสำคัญของหน่วยพิราบของเราคือการซื้อขายจะไม่ใช้เงินในการแลกเปลี่ยน แต่เป็นของหรือชิ้นงานหนึ่งอย่างที่มีคุณค่าเท่าเทียมกับข่าวของเรา”

        ออกญาพิราบพยายามมากที่จะสะกดข่มอารมณ์ตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ภายในใจกำลังก่นด่าเหนือภพ มาซื้อข่าวหอเขาแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักกฎกติกาอะไรสักอย่าง

        ส่วนเหนือภพก็ตะลึงไปเล็กน้อย เขารีบร้อนเกินไปจนลืมสอบถามเรื่องราคา นี่เป็นความผิดพลาดของเขาเอง ครั้งหน้าเขาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกเด็ดขาด

        “งั้นเหรอ แล้วเจ้าต้องการอะไร”

        เหนือภพถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ทำต้องวางท่าให้ดูเหนือกว่าเข้าไว้ ยังไงซะออกญาคนนี้ก็คงจะมีความกริ่งเกรงในตัวเองบ้าง

        ออกญาพิราบยิ้ม เขาร้องขอสิ่งที่เหนือภพมีก็คือ ขอซื้อแร่หกสีในราคาต่ำกว่าที่สมาคมพ่อค้าขาย เหนือภพไม่รู้ว่าออกญาพิราบไปได้ข่าวนี้มาจากไหน และออกญาพิราบก็ดูเค็มกว่าเหนือภพเสียอีก ไม่แน่ว่าเหนือภพอาจจะได้เคล็ดลับการต่อรองมาจากเขาเสียด้วยซ้ำ

        การคุยเรื่องข่าวสารใช้เวลาเพียงครู่เดียว แต่การคุยเรื่องราคาระหว่างเหนือภพกับออกญาพิราบกลับกินเวลาค่อนวัน เพราะตกลงราคากันไม่ค่อยลงตัว แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้ราคาที่สมเหตุสมผล ที่เห็นพ้องจากทั้งสองฝ่าย เมื่อตกลงกันได้แล้วเหนือภพก็จากไป

        หลังจากที่เหนือภพจากไป สตรีข้างกายออกญาพิราบก็เอ่ยขึ้นด้วยความเย็นชา

        “ปล่อยไปแบบนี้ดีแล้วเหรอ ค่าหัวของเขามีคนที่ให้มากถึงสิบล้านเหรียญทอง นั่นเป็นจำนวนเงินมากพอที่จะทำให้พวกเราอยู่สบายไปอีกนาน”

        ออกญาพิราบยิ้ม เงินสิบล้านเหรียญทองนั้นมากมายมหาศาลก็จริง แต่เงินรางวัลจะได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเขาคือพ่อค้า แม้จะเป็นพ่อค้าไร้กฎเกณฑ์ แต่สิ่งที่พ่อค้าต้องการคือกำไร ดังนั้นมันจะดีมากกว่าถ้าเขาหาวิธีแสวงหาเงินได้อย่างไม่จบสิ้น

        “มันน่าสนใจ แต่เจ้าไม่คิดหรือว่า ตัวเขาน่าสนใจยิ่งกว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ไร้พรสวรรค์ไม่กี่คนที่เลือกเดินในเส้นทางฮันเตอร์ แรงค์ก็แค่ F แต่ระดับพลังที่มีนั้นไม่ใช่เลย ไหนจะเรื่องมีคนยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อควานหาตัวเขา ไหนจะเรื่องคดีมากมายที่เขาไม่ได้ก่อแต่ก็ต้องรับเคราะห์ ไหนจะแร่หกสีที่เขามีมากพอในการขายให้พวกขุนนางพวกนั้นในงานประมูลอีก เขาเอามันมาจากไหน เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใครกันแน่”

        “เท่าที่เรารู้มา นอกจากประวัติอาชญากรรมกับสถานที่ทำงานในช่วงหลายเดือนมานี้ เราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ยังไม่รู้ประวัติก่อนหน้า พื้นเพ หรือญาติ พี่น้อง แต่ที่แน่ ๆ เรารู้ว่าเขามีเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือทายาทของอดีตสมาคมพ่อค้าสุริยัน นอกจากนั้นยังมีธิดาเทพของนิกายมัจฉาสวรรค์ คนรอบตัวเขาแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา”

        “อย่าลืมศิษย์พี่ทั้งสองของเขาด้วย คนหนึ่งเป็นถึงจ้าวตึกลำธาร ส่วนอีกคนก็เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงของหอโลหิต แล้วไหนจะองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรที่ดูจะมีความสัมพันธ์กับเขาอีก”

        “ค่ะ อ้อ เหมือนว่าเขาจะเพื่อนอีกสองสามคน แต่พวกนั้นก็เป็นพวกฮันเตอร์ธรรมดาทั่วไป”

ออกญาพิราบได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะเอ่ยปากสั่งเธออย่างเคย

        “สืบต่อไป สืบทางเพื่อนของเขา เราอาจจะรู้อะไรเพิ่มเติม พวกเราต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ทุก ๆ อย่างเลยนะ จำไว้ ตัวเขามีมูลค่ามากกว่าที่เราคิด”

        “ค่ะ ตามนั้น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด