บทที่ 66 ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ไหน
ณ หนิงไห่ สวนเล็กๆ ที่เย่โม่เคยอยู่อาศัยนั้นถูกหนิงชิงเชวี่ยซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เธอมีความรู้สึกว่าการรั้งอยู่ที่หยูโจวถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง ใจหนึ่งเธอก็คิดอยากจะออกไปตามหาเย่โม่แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนกันแน่
หนิงชิงเชวี่ยที่ไม่อาจทนอยู่ที่หยูโจวได้ในที่สุดก็กลับมายังหนิงไห่ ถึงแม้เธอจะกลับมาอยู่ในสวนเล็กๆ แห่งนี้อีกครั้ง...สถานที่นั้นเหมือนเดิม ทว่าคนที่เคยอยู่กลับจากไปเสียแล้ว...
ซู่เวยเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกหนิงชิงเชวี่ยซื้อไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังอาศัยอยู่ในห้องเดิมนั่นเอง ทว่าเร็วๆ นี้มีผู้คนสอบสอบถามไม่หยุด แม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตรวจกล้องวงจรปิดก็ถูกเอาออกไปด้วย ซู่เวยรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนจะมีความข้องกับเย่โม่
เธอหวนคิดไปถึงตอนที่รู้จักกับเย่โม่ เธออยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับเขาหลายเดือน เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าวันๆ เย่โม่ทำอะไรบ้าง หวังซู่เปิดประตูสวน ขณะที่กำลังจะออกไปซื้อกับข้าวอยู่นั้นเธอก็เห็นหนิงชิงเชวี่ยยืนอยู่หน้าประตูอย่างโดดเดี่ยว ซู่เวยตะลึงไปพักหนึ่งจึงค่อยถามออกไปโดยไม่ทันได้คิดอะไร “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
หนิงชิงเชวี่ยรู้ว่าซู่เวยไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขัดแย้งกับความคิดนั้นของซู่เวยแต่อย่างใด เพราะหนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักเย่โม่น้อยกว่าที่ซู่เวยรู้จักเขาเสียอีก
“ฉันจะพักอยู่ที่นี่...เวลาเช่ายังไม่หมด” หนิงชิงเชวี่ยไม่อยากให้ซู่เวยรู้ว่าตัวเองซื้อที่นี่แล้ว หากเธอรู้ล่ะก็...ดูจากนิสัยของซู่เวยเธออาจจะย้ายออกไปก็ได้ หนิงชิงเชวี่ยอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไป แต่ใจเธอรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...แต่เย่โม่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
ซู่เวยอยากจะพูดอะไรกับหนิงชิงเชวี่ยสัก 2-3 ประโยค แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วหนิงชิงเชวี่ยมีความสัมพันธ์ยังไงกับเย่โม่กันแน่ อีกอย่างห้องของเย่โม่ก็จ่ายเงินค่าเช่าไปแล้วถึง 1 ปีเต็ม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ซู่เวยเดินออกไปซื้อกับข้าวโดยไม่พูดอะไรอีก
หนิงชิงเชวี่ยกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้ง มองดูสถานที่ๆ ยังคงเหมือนเดิม ในใจของเธอเกิดความรู้สึกสับสนโศกเศร้าอันยากจะบรรยาย เตียงนอนหลังนั้น…เธอกับเย่โม่เคยแอบอิงถ่ายรูปด้วยกัน ตอนนั้นเป็นการแสดงหลอกๆ แต่เธอกลับอินกันบทมากจนหลี่มู่เหมยเอ่ยปากเตือน หรือว่าความรู้สึกในเวลานั้นจะเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเธอจริงๆ?
หนิงชิงเชวี่ยนั่งลงบนเตียงอยู่ครู่หนึ่ง เธอปัดกวาดภายในห้องรอบหนึ่ง ของต่างๆ ถูกวางกลับไปที่เดิม มีเพียงกระเป๋าพยาบาลของเย่โม่ใบนั้นที่ยังอยู่ในกระเป๋าเดินทางของเธอ ในความคิดของเธอนั้น...บางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นของชิ้นสุดท้ายที่เย่โม่เหลือทิ้งไว้ให้ก็เป็นได้
หนิงชิงเชวี่ยเปิดกระเป๋าพยาบาลของเย่โม่ออกมาดูอีกครั้ง หนิงชิงเชวี่ยอดไม่ได้ที่จะหยิบจดหมายที่เย่โม่เขียนไว้ขึ้นมา เดิมทีเธออดใจไม่เปิดมันออกมา ครั้งนี้เธอกลับมาที่นี่เพียงคนเดียวจึงอดใจไม่ไหวเปิดจดหมายฉบับนั้นออกมาดู
ลวดลายตัวอักษรอันสวยงามทรงพลังกระทบสู่สายตาของหนิงชิงเชวี่ย เธอไม่คิดมาก่อนว่าเย่โม่จะเขียนตัวอักษรได้ทรงพลังราวกับมันจะทะลุกระดาษออกมาได้ขนาดนี้
‘สวัสดีชือซิว ก่อนไปฉันทิ้งจดหมายไว้ให้นายฉบับหนึ่ง ตอนแรกก็อยากจะทิ้งของขวัญไว้ให้แต่ช่วงนี้นายก็ไม่ได้เข้าเรียน...’
‘มาถึงตรงนี้แล้วฉันก็เป็นแค่คนขี้เหงาคนหนึ่งเท่านั้น นายเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี ตอนที่ฉันถูกขับไล่ออกจากตระกูลและถูกพ่อตายกเลิกการหมั้นต่อหน้าผู้คน มีเพียงนายเท่านั้นที่ไม่หนีไปไหน ดังนั้นนายจึงถือเป็นเพื่อนแท้ของฉัน’
‘ที่จริงแล้วสิ่งที่ฉันอยากจะขอบคุณที่สุดก็คือตอนที่นายตะโกนปลุกฉันในวันนั้น ถ้าไม่ได้นายล่ะก็ บางทีฉันอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้...’
‘อา... พอดีช่วงนี้ไม่มีที่อยู่น่ะเลยอาจจะเขียนได้ไม่สะดวกเท่าไหร่ เอาไว้หาที่อยู่ได้แล้วจะเขียนใหม่ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน’
จดใบนี้เขียนได้ไม่เท่าไหร่ก็หยุดลงกะทันหัน แต่หนิงชิงเชวี่ยกลับรู้สาเหตุนั้นดี สาเหตุที่เย่โม่เขียนว่าไม่มีที่อยู่ก็เพราะการมาของเธอนั่นเอง ได้เห็นแบบนี้แล้วหนิงชิงเชวี่ยยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีก
เขาอยู่ตัวคนเดียว...แต่เธอกลับทำร้ายเขาได้ลง มาตอนนี้เธอเองก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวเช่นกัน...หนิงชิงเชวี่ยเก็บข้าวของแล้วเดินออกจากห้องไป
ซู่เวยกลับมาถึงที่พักแล้วแต่ก็เดินไปล้างผักโดยไม่ได้พูดคุยกับหนิงชิงเชวี่ยแต่อย่างใด หนิงชิงเชวี่ยเดินมาตรงจุดที่เย่โม่ปลูกดอกไม้เอาไว้ เธอคิดจะจัดการแปลงตรงนี้เพื่อเตรียมจะปลูกดอกไม้
ต้นอ่อนเล็กๆ เพียงต้นเดียวกลับทำให้หนิงชิงเชวี่ยนิ่งมองอยู่เป็นเวลานาน จุดที่มันถูกปลูกไว้ก็คือจุดเดียวกันกับที่เย่โม่เคยปลูกหญ้าสีเงินนั่นไว้ หนิงชิงเชวี่ยจำได้ว่าเย่โม่ทะนุถนอมมันมาก เธอยังจำได้อีกว่าพอมันหายไปได้ไม่นานเย่โม่ก็จากไปแล้ว
หรือว่ามันคือต้นเดียวกัน? หนิงชิงเชวี่ยสำรวจบริเวณโดยรอบของมันอีกครั้ง เธอทำรั้วล้อมรอบมันเอาไว้เหมือนกับที่เย่โม่ทำตอนนั้น
ไม่ว่ามันจะเป็นต้นเดียวกับที่เย่โม่ปลูกตอนแรกหรือไม่ หนิงชิงเชวี่ยก็ตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลมันอย่างดี...เพราะจุดที่มันถูกปลูกก็คือที่เดียวกับที่เย่โม่ปลูกครั้งนั้น
ซู่เวยทำอาหารเสร็จแล้ว เธอเห็นว่าหนิงชิงเชวี่ยยังคงง่วนอยู่กับสวนอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือความสัมพันธ์ของหนิงชิงเชวี่ยกับเย่โม่จะไม่ธรรมดาจริงๆ? ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีงานอดิเรกเหมือนกันแบบนี้หรอกมั้ง?
“ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว อยากจะมากินด้วยกันไหม?” ซู่เวยหันไปพูดกับหนิงชิงเชวี่ยที่ยังคงวุ่นอยู่กับสวน
“ขอบคุณนะ…ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” หนิงชิงเชวี่ยตอบกลับมา เธอคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงถามขึ้นมา “ซู่เวย เย่โม่กินข้าวกับเธอที่นี่บ่อยไหม?”
“เย่โม่?” ซู่เวยไม่เข้าใจว่าหนิงชิงเชวี่ยจะถามเรื่องนี้เพื่ออะไร แต่เธอก็ยังตอบไป “เขาเคยอยู่ครั้งหนึ่ง แถมยังชวนฉันด้วย แต่ตอนนี้ก็หายไปโดยไม่บอกลาสักคำ...จริงสิ! หนิงชิงเชวี่ย เธอเกี่ยวข้องยังไงกับเย่โม่กันแน่?”
“ฉัน...” หนิงชิงเชวี่ยนิ่งงันไป จริงสิ…ตกลงแล้วเธอเป็นอะไรกับเขากันแน่? การหมั้นหมายก็ถูกยกเลิก การแต่งงานก็เป็นของปลอม ตอนนี้เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเย่โม่อีก แล้วเธอจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?
……….
1 สัปดาห์ผ่านไป ซู่เวยค้นพบเรื่องประหลาดอย่างหนึ่ง...หนิงชิงเชวี่ยใช้ชีวิตคล้ายกับเย่โม่อย่างน่าประหลาดใจ พวกเขา 2 คนมักจะอยู่ติดบ้านเหมือนๆ กัน ไม่ยอมออกไปไหน รวมถึงชอบเลี้ยงดูดอกไม้เหมือนกันเสียด้วย หนิงชิงเชวี่ยมักจะมองแปลงดอกไม้อยู่แบบนั้นทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน ตอนที่เย่โม่อยู่ที่นี่เขาไม่มีแขกมาเยื่ยมเลยสักคนเดียว แต่หลังจากหนิงชิงเชวี่ยมาอาศัยอยู่ที่นี่ หญิงสาวที่ชื่อหลี่มู่เหมยคนนั้นก็มาเยี่ยมเธอแล้ว 2-3 ครั้ง ยังมีหญิงสาวที่ชื่อซูจิ้งเหวินอีกคน เธอคนนี้หน้าตาสะสวย จนทำให้ซู่เวยรู้สึกว่าได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจในฐานะสาวสวยคนหนึ่งอยู่บ้าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงเวลาสั้นๆ ถึงได้มีสาวสวยมากหน้าหลายตามาที่นี่แบบนี้
..........
ณ คฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลซ่งแห่งปักกิ่ง ซ่งไห่ผู้รับผิดชอบเรื่องราวภายนอกของตระกูล...เขากำลังจ้องมองแผนที่ชิ้นหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเขาได้รับข่าวสารมาชิ้นหนึ่ง...มีคนที่คล้ายว่าจะเป็นโย่โม่เดินทางเข้าเมืองเฟิงถางเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งยังนั่งรถบัสไปเมืองฉีอีกด้วย
ตามข่าวสารที่ได้จากคนขับคนนั้น...ชายที่คล้ายเย่โม่คนนี้ยังไม่ทันนั่งถึงเมืองฉีก็ลงกลางทางเสียแล้ว ส่วนจุดที่ลงก็คือแถวๆ ภูเขากุ้ยเซียง แต่เมื่อสืบสาวได้จนถึงตรงนี้ข้อมูลก็ขาดตอนอีกครั้ง
สิ่งที่ซ่งไห่กำลังมองอยู่ตอนนี้ก็คือแผนที่ภูเขากุ้ยเซียง บริเวณนี้เต็มไปด้วยป่าไม้ หากว่าเย่โม่หลบซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้จริงๆ...การจะค้นหาตัวเขาก็คงยุ่งยากอยู่บ้าง
เสียงโทรศัพท์ของซ่งไห่ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา
ซ่งไห่ขมวดคิ้ว ช่วงนี้ตัวซ่งไห่เองก็เหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจเพื่อตามหาฆาตกรที่ฆ่าซ่งเฉ่าเหวิน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นครั้งนี้จึงทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
“มีอะไร?” ซ่งไห่รับโทรศัพท์แล้วถามอย่างอารมณ์เสียเล็กๆ
“ลุงไห่! หนิงชิงเชวี่ยจากตระกูลหนิงมาถึงหนิงไห่แล้ว แถมยังไปอาศัยอยู่ที่ๆ เย่โม่เคยอยู่อีกด้วย ตอนนี้พวกเราคนทำยังไงกันดี? ขอลุงไห่ช่วยสั่งการด้วย” ผู้ที่โทรมาเป็นคนที่เขาวางไว้ในเมืองหนิงไห่ด้วยตัวเอง จุดประสงค์ก็เพื่อสอดส่องเย่โม่ ทว่าผู้มากลับไม่ใช่เย่โม่แต่เป็นหนิงชิงเชวี่ยเสียนี่
ซ่งไห่นวดขมับ ผ่านไปนานจึงค่อยพูด “จับตาดูเธอไว้ก่อน ยังไม่ต้องทำอะไร หากผ่านไป 2-3 วันแล้วยังไม่มีข่าวคราวอื่นอีก ก็ให้ใช้พวกนักเลงหาข้ออ้างลักพาตัวเธอมาที่นี่ซะ”
“ได้ครับ! ลุงไห่” เสียงที่ตอบกลับมานั้นเรียบง่ายตรงไปตรงมา
ซ่งไห่วางสาย เขายิ้มหยันแล้วพึมพำกับตัวเอง “อุตส่าห์ไม่ลงมือกับตระกูลหนิงชั่วคราว หรือว่าคิดจริงๆ ว่าพวกเราไม่กล้าลงมือ? ความตายของเฉ่าเหวิน...ถือเสียว่าเก็บดอกเบี้ยกับพวกแกก็แล้วกัน!”