บทที่ 16 ต่อสู้กับระดับสร้างรากฐาน!
บทที่ 16 ต่อสู้กับระดับสร้างรากฐาน!
ผู้ตัดสินที่ยืนอยู่บนลานประลองต่อผู้คนทั้งหลายเหล่านี้ พลันยิ้มแย้มออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วการประลองรอบสุดท้าย การต่อสู้ระหว่างผู้สืบทอดที่จะแสดงศักยภาพของตนเองออกมาให้ประจักษ์แก่ทุกท่าน ผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวจากทวีปอรุณเบิกฟ้า กุนไท่ และผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งจากทวีปสวรรค์ลับแล หมิงเซียน เริ่มได้!”
หมิงเซียนกับกุนไท่ยืนประจันหน้ากันอยู่บนเวที โดยที่ทั้งสองยังไม่ได้เริ่มลงมือแต่อย่างใด แต่ละคนนั้นต่างดูท่าทีของอีกฝ่าย
“น้องไท่ เจ้าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่น่าชื่นชมที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา แต่เจ้าอายุยังน้อยนัก รออีกสักปีสองปีให้ทะลวงระดับเท่าข้าได้ก่อน แล้วเราค่อยมาสู้กันใหม่ก็ยังไม่สาย แต่น้องไท่อย่าได้เข้าใจข้าผิดไป ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้าข้าเพียงไม่อยากพลั้งมือทำร้ายเจ้าก็เท่านั้น!”
หมิงเซียนเป็นคนแรกที่กล่าวทำลายความเงียบงัน เขาทั้งชื่นชม และอิจฉาเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากทำให้กุนไท่ต้องบาดเจ็บ หรือพ่ายแพ้ต่อเขา การที่ให้กุนไท่เอ่ยยอมแพ้เองนั้นเป็นหนทางที่ดีที่สุด
ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ตัวเขาจะเป็นบุตรชายคนโตของหมิงหลิง ผู้ปกครองทวีปสวรรค์ลับแล แต่เขานั้นกลับได้รับการสั่งสอน จะต้องให้เกียรติผู้อื่น ห้ามคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้ใด จงมองทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน การฝึกฝนของเขานั้นต้องไปฝึกกับคนธรรมดาเพื่อให้เรียนรู้จากความยากลำบาก และปลูกฝั่งให้เขานั้นกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า
กุนไท่ที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ้มอย่างจริงใจ พลางตอบไปอย่างสุภาพว่า
“ขอบคุณในความหวังดีของพี่เซียนที่ให้โอกาสข้า แต่ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ข้าไม่ได้หวังที่จะเอาชนะท่าน ข้าเพียงแค่หวังว่าจะได้ประมือกับอัจฉริยะอย่างท่าน เพื่อให้ข้าได้พัฒนาตนเองก็เท่านั้น ข้าขอให้การประลองนี้เป็นการประลองที่สมเกียรติของพวกเราทั้งสองคน หลังจากจบการประลองนี้แล้วข้าหวังว่าจะได้เป็นสหายกับท่าน!”
เหล่าผู้ชมที่ได้ฟังคำพูดของหมิงเซียนตอนแรกนั้นพวกเขาคิดว่าเป็นการดูถูกด้วยซ้ำ หากเป็นพวกเขาคงตอบกลับไปด้วยความหยาบคายแล้ว แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขานั้นกลับไม่ได้โกธรเคืองเลยแม้แต่น้อย แถมยังขอบคุณอีกฝ่าย และยังชักชวนให้อีกฝ่ายมาเป็นสหายอีกต่างหาก นี่มันเรื่องอะไรกัน!
หมิงเซียนนั้นประหลาดใจกับคำพูดของกุนไท่เป็นอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าปีผู้นี้ จะมีวาจาที่ถ่อมตนเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นคงแสดงความเย่อหยิ่ง และตอบกลับเขามาด้วยความหยิ่งยโสแล้ว แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขานี้กลับไม่ใช่!
“แน่นอน! น้องไท่พวกเราสามารถเป็นสหายที่ดีต่อกันได้ และหากมีโอกาสข้าหวังว่าเราจะเป็นพี่น้องกันได้!”
หมิงเซียนกล่าวอย่างเป็นมิตร เมื่อผู้คนได้ยินก็ตกตะลึง เหตุใดถึงได้เป็นสหายกันง่ายดายเช่นนี้ ทักษะการพูดการจาของเด็กหนุ่มนามกุนไท่ ช่างน่าทึ้งนัก!
บางคนที่รู้จักกับหมิงเซียนตกตะลึงเสียยิ่งกว่า เพราะพวกเขาเหล่านั้นรู้ว่านิสัยของหมิงเซียนนั้นแม้จะดูเป็นมิตร และสุภาพ แต่การเป็นสหายของเขาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เขาเปิดใจ แต่เด็กหนุ่มผู้นี้นั้นไม่ได้ทำให้แค่หมิงเซียนเปิดใจเท่านั้น แต่เขาถึงกลับทำให้หมิงเซียนนั้นกล่าวคำว่าพี่น้องออกมา นี่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นน้องไท่เตรียมรับมือ!”
หมิงเซียนกล่าวตอบต่ออย่างจริงจังโดยไม่ประมาทคู่ต่อสู้แม้ต่อน้อย เมื่อกล่าวจบเขาพุ่งตัวเข้าหากุนไท่พลางเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณของระดับสร้างรากฐาน ขั้นร่างกายออกมา!
ฟึบ!
กุนไท่หลบหมัดนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หมัดนั้นชกไปได้เพียงแค่อากาศเท่านั้น หมิงเซียนรู้อยู่แล้วว่ากุนไท่ต้องหลบได้อย่างง่ายดาย เขาใช้ขาซ้ายเตะไปที่ลำตัวของอีกฝ่ายอย่างแรง
ปังงงง!
กุนไท่ใช้แขนทั้งสองข้างปิดบริเวณช่วงลำตัวเพื่อป้องกันลูกเตะ พลันทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ลมที่เกิดจากการปะทะกันระเบิดออกเป็นวงกว้าง
กุนไท่รู้สึกปวดที่แขนเป็นอย่างมาก เขาเป็นคนมีร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถใช้ร่างกายต่อสู้ได้ จึงต้องถอยออกจากคู่ต่อสู้ระยะประชิดอย่างรวดเร็ว พลางใช้ภาพลวงตาออกมาหลอกล่อ
หมิงเซียนเห็นกุนไท่ปรากฏขึ้นมาอีกสามร่าง โดยพุ่งเข้าหาเขาโดยพลัน หมิงเซียนรู้อยู่แล้วว่าพวกนี้คือภาพลวงตา แต่สามารถสร้างของเสียหายได้จริง
ตูมมมม!
พลังปราณระเบิดออกมาจากร่างของหมิงเซียน โดยไม่ได้เก็บซ่อนแต่อย่างใด ก่อนจะใช้วิชาต่อสู้ของตนออกมา
วิชาระดับสามัญชน ขั้นต่ำ ดัชนีระเบิดภูผา!
นิ้วชี้ของหมิงเซียนปรากฏลำแสงเส้นเล็กยาวสีเขียวออกมาจากนิ้วชี้ของเขา พุ่งเข้าหากุนไท่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับอากาศที่สั่นกระเพื่อมเล็กน้อย
กุนจวินที่นั่งชมอยู่นั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เหล่าผู้อาวุโสที่สังเกตเห็นได้ ก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
“ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดท่านถึงได้ทำหน้าเช่นนั้น?”
“ข้ายังไม่ได้บอกพวกท่านเลยว่า กุนไท่นั้นไม่สามารถฝึกวิชาการต่อสู้ใดได้เลย เนื่องจากกลิ่นอาย และสายเลือดของเขาไม่ยอมรับ”
“ท่านว่าอะไรนะ! แล้วกุนไท่จะไม่มีวิชาต่อสู้เลยอย่างนั้นรึ?”
เหล่าผู้อาวุโสถามด้วยความเคร่งเครียด
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าบอกได้เพียงแค่ว่า...กุนไท่ไม่ได้ฝึกวิชาต่อสู้ใดเลย!”
กุนจวินตอบกลับพลางถอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เหล่าผู้อาวุโสก็เช่นกันเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ขณะที่ดัชนีนั้นกำลังพุ่งเข้าหาร่างมายาของกุนไท่นั้น พวกมันก็สลายหายไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาร่างจริง
กุนไท่เผยรอยยิ้มก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณออกมา แล้วใช้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของวิชาทำให้ดัชนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหล่าผู้ชมที่เห็นก็ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งอีกกี่ครั้งพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับการกระทำของกุนไท่อยู่ดี การปรับเปลี่ยนโครงสร้างในครั้งนี้นั้นทำให้กุนไท่ลำบากกว่าก่อนหน้านี้อย่างเทียบไม่ได้ เพราะผู้ที่ใช้วิชาต่อสู้ผู้นี้นั้นแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมามากนัก
กุนไท่ยิ้มพลางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า
“วิชาระดับสามัญชน ขั้นกลาง โลกแห่งมายา!”