PTH18 เพลิงน้ำแข็งเก้าสวรรค์
ผนังโดยรอบโถงถ้ำมีใยแมงมุมอยู่หลานตำแหน่ง บนใยแมงมุมเหล่านั้นมีซากร่างสิ้นลมหายใจแขวนอยู่ ซากร่างเหล่านั้นถูกดูดของเหลวออกไปทั้งหมดจนหมดจนร่างกายแห้งกรัง ราวกับเป็นการถนอมอาหารของแมงมุมใยน้ำแข็ง
“เจ้าของร่างพวกนั้นโชคร้ายน่าดู”
เว่ยสั่วมองรอบๆ สังเกตุเห็นกระเป๋าห้อยอยู่ที่เอวของซากร่าง จึงรู้ว่าผู้ที่ตายเป็นผู้ฝึกตน
“ผลหมอกน้ำแข็ง!” เย่กู่เว่ยดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ จนเผลอเปล่งเสียงอุทานออกมา
เว่ยสั่วหันมองตามนาง เห็นพืชพรรณชนิดหนึ่งงอกออกมาจากผนังถ้ำ มีลักษณะใบคล้ายกับพืชตระกูลเฟิร์น และมีผลไม้สีขาวขนาดเล็กอยู่ 4 ผล ลักษณะคล้ายกับผลส้ม แต่แผ่ไอเย็นสีขาวออกมา
“ผลหมอกน้ำแข็งจริงๆ ในผนังถ้ำน่าจะมีหยกเย็นชิ้นใหญ่ฝังอยู่”
แววตาเว่ยสั่วเป็นประกาย ผลหมอกน้ำแข็งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติของธาตุน้ำแข็ง เป็นสมุนไพรเสริมของการปรุงแก่นอสูรให้ออกมาเป็นโอสถ มูลค่าของมันอยู่ที่ 20 ศิลาวิญญาณระดับล่างต่อผล และเป็นอาหารยกระดับพลังอันโอชะของอสูรธาตุน้ำแข็ง
แก่นอสูรคือแหล่งเก็บปราณเหมือนกับตันเถียนของมนุษย์ ยิ่งแก่นอสูรมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ อสูรตนนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ผลหมอกน้ำแข็งจะถือกำเนิดได้บนหยกเย็นเท่านั้น นั่นหมายความว่าหลังกำแพงศิลามีหยกเย็นฝังอยู่ หากเป็นหยกเย็นที่สูงกว่าระดับกลางสามารถนำไปสร้างสมบัติที่มีมูลค่าสูงได้
“ไม่แปลกที่จะมีแมงมุมใยน้ำแข็งอยู่ที่นี่” หลินเต้ายีกล่าวเบาๆพลางนำยันต์แผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะเดินไปข้างหน้า 10 ก้าว เว่ยสั่วสังเกตุยันต์ของหลินเต้ายีพลางยิ้ม เพราะยันต์แผ่นนั้นคือยันต์เพลิงที่เขาเป็นคนสร้าง
“ดูเหมือนยันต์เพลิงของข้าจะเป็นที่นิยมในเมืองจิตวิญญาณสูงสุดมาก” เว่ยสั่วกล่าวในใจ
“ระวัง!” เว่ยสั่วอุทาน ในชั่วขณะเดียวกัน บุบผาน้ำแข็งก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าหนานกงยู่ฉิงที่ยังคงเขินอาย ก่อนจะกลายสภาพเป็นเกราะน้ำแข็งบดบังนางไว้
เปรี้ยง!
ทันทีที่เกราะน้ำแข็งก่อตัว เงาสีเดาสายหนึ่งตรงมาพร้อมกับจู่โจมเข้าใส่เกราะน้ำแข็ง!
“แมงมุมใยน้ำแข็ง!”
เว่ยสั่วคิดว่าสิ่งที่เข้าจู่โจมคือแมงมุมใยน้ำแข็ง แต่เมื่อยันต์เพลิงของหลินเต้ายีถูกจุด แสงสว่างจากยันต์ทำให้เห็นงูที่มีขนาดใหญ่เท่าแขนมนุษย์ ยาวหนึ่งจ้าง ทั่วร่างปกคลุมด้วยศิลา
“งูถ้ำศิลา!” ในขณะที่เว่ยสั่วตกใจ หลินเต้ายีได้กล่าวเตือนขึ้น
“ระวังด้วย! นอกจากแมงมุมใยน้ำแข็งที่เป็นอสูรระดับกลางแล้ว ยังมีอสูรระดับกลางชนิดอื่นอยู่อีก!”
งูถ้ำศิลาเป็นอสูรระดับกลาง ทั่วร่างปกคลุมได้ด้วยศิลาหนา เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 ยากจะสร้างบาดแผลให้มันได้ ที่สำคัญ หางของมันยังสามารถขดพันเป็นวงทำให้มันดีดตัวได้ไกล
“ยังมีอีกตัว?” ในขณะที่เว่ยสั่วขบคิด ห่างไปไม่ไกลมีเสียง แคร๊ก ของศิลา ก่อนที่งูอีกตัวจะปรากฏกาย
“เข้ามาเลย!”
หากเป็นก่อนหน้านี้ เว่ยสั่วจะหวาดกลัวพวกมันและเร่งหลบหนี แต่ตอนนี้เขามียันต์เพลิงเป็นจำนวนมาก งูถ้ำศิลาจึงกลายเป็นเหมือนแหล่งทำเงินให้
“เกราะน้ำแข็งไม่ธรรมดาจริงๆ!” เมื่อครู่เว่ยสั่วไม่ทันสังเกตุ เขาตกใจกับการจู่โจมของอสูร แต่เมื่อได้มองเกราะน้ำแข็งดีๆ งูที่เข้าจู่โจมเมื่อครู่ชงักการเคลื่อนไหว บริเวณศีรษะของมันมีน้ำแข็งเกาะกุม
ตึง!
เสียงของหนักกระทบพื้นดังขึ้นจากด้านหลัง เว่ยสั่วเร่งหันหน้าไปดู เห็นเย่เสี่ยวเจิ้งปลดผ้าที่พันอาวุธอยู่ด้านหลัง เผยให้เห็นกระบี่ขนาดใหญ่ และจากการเคลื่อนไหว ดูท่ามันน่ากำลังจะเข้าจู่โจม
“เย่เสี่ยวเจิ้งรอก่อน ที่นี่ค่อนข้างแคบ งูพวกนี้จู่โจมได้เพียงแนวหน้า พวกข้าจะต้านรับก่อน” หลินเต้ายีกล่าวห้ามเย่เสี่ยวเจิ้ง
เปรี้ยง!
งูอีกตัวที่ปรากฏ แย่เขี้ยวพุ่งเข้าจู่โจมเกราะน้ำแข็ง เว่ยสั่วเห็นเขี้ยวของมันอย่างชัดเจน การจู่โจมที่รุนแรงทำให้รอยร้าวปรากฏขึ้นบนเกราะน้ำแข็ง แต่งูตัวนั้นก็ถูกแช่แข็งไปครึ่งตัวเช่นเดียวกัน
เมื่อการเคลื่อนไหวถูกผนึก หนานกงยู่ฉิงฟันมือ ปราณกระบี่เพลิงที่ทรงพลังแต่ยังไม่พอให้ทะลวงศิลาคุ้มกายของงู ตรงเข้าจู่โจมไปยังบริเวณปาก แรงระเบิดสร้างความเสียหายเข้าไปในลำคอของมัน
“เพลิงน้ำแข็งเก้าสวรรค์!”
เว่ยสั่วจ้องมองงูตัวเมื่อครู่ ร่างของมันถูกน้ำแข็งผนึกการเคลื่อนไหว ปราณกระบี่เพลิงจู่โจมเข้าใส่ศีรษะ ระเบิดกระทั่งเพลิงแผดเผาเข้าไปในลำคอของมัน จนมันดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน
“เว่ยสั่ว ถอยไปห่างๆข้า!”
หลังจากใช้ปราณกระบี่เพลิงไป หนานกงยู่ฉิงหันมากล่าวกับเว่ยสั่วเบาๆ
แม้ว่าจะมีเกราะน้ำแข็งขวางกั้นการจู่โจมจากงูถ้ำศิลา แต่แรงกระแทกก็ทำให้นางต้องถูกผลักกระแทกเข้ากับตัวเว่ยสั่ว
เขามีความสุขกับผลพลอยได้จากเหตุการณ์นี้ แต่เมื่อนางกล่าว เขาจึงพยักหน้าแล้วเร่งถอยห่างไป
เว่ยสั่วใช้ปราณกระบี่วารีจู่โจมงูอีกตัว พร้อมกับบอลเพลิงจากยันต์ของหลินเต้ายี ระเบิดใส่งูตัวเดียวกัน
อานุภาพของเปลวเพลิงแผดเผาร่างของงูตนนั้นจนไหม้เกรียม ลมหายใจถูกดับไปตลอดกาล
เว่ยสั่วพึงพอใจกับอานุภาพของยันต์เพลิงที่ตนเองสร้างเป็นอย่างมาก แต่เมื่อหันมองงูอีกตัวที่หนางกงยู่ฉิงสังหาร มันก็ตายอย่างอนาถไม่ต่างกัน นั่นหมายความว่าปราณกระบี่เพลิงของนางทรงพลังไม่แพ้กัน
ยันต์เพลิงของเว่ยสั่วทรงพลังเทียบเท่าเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 การที่นางปลดปล่อยปราณกระบี่เพลิงได้ในระดับนั้น แสดงว่านางอยู่เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 จริงๆ
“ระดับของข้าและนางต่างกันเกินไป หากไม่ทรงพลังเท่านางก็ไม่ควรเผชิญหน้ากับนาง” เว่ยสั่วส่ายหน้าพลางแอบมองเรือนร่างที่งดงาม “ถ้าเกิดเปลี่ยนให้เย่กู่เว่ยมาใส่ชุดแบบนี้แทน จะเย้ายวนขนาดไหน?” เว่ยสั่วขบคิด เรือนร่างของสตรีอีกนางน่าจะเย้ายวนไม่แพ้กัน ทุกสิ่งบนเรือนร่างของนางทำให้เขาแทบไม่อยากละสายตา...