ส่งท้าย
ส่งท้าย
กลิ่นฉุนๆ ของบุหรี่ราคาถูกผสมกับกลิ่นจากท่อไอเสียรถยนต์ ทำเอาเด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนสีของเส้นผมเป็นสีน้ำตาลอ่อนอย่างธรรมชาติให้มาพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างลำบาก รู้สึกปั่นป่วนในท้อง เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางมาจากบ้านเกิดแสนไกล หนทางที่มาช่างเหมือนกับนั่งอยู่ในเรือลำน้อย ที่พยายามพายสู้คลื่นลูกใหญ่อยู่กลางทะเลที่มืดมิด มีเพียงเสียงคำรามของเมฆฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง และแสงแปลบปลาบเท่านั้น ทว่าทุกครั้งที่พยายามเพ่งมอง เขาจะมองเห็นพระจันทร์ครึ่งดวงลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้านเพราะพิษไข้และไอหนาวแอร์เก่าๆ ของรถบรรทุกขนาดสิบล้อที่เด็กหนุ่มขออาศัยเดินทางมาด้วยมีเสียงดังครางตลอดเวลา ถึงแม้เวลานี้เม็ดฝนจะทิ้งตัวลงอย่างหนัก แต่คนขับที่กุมพวงมาลัยรถอยู่ก็ยังฮัมเพลงลูกทุ่งสบายอารมณ์ ราวกับคุ้นชินสภาพทางที่ลัดเลาะภูเขา เด็กหนุ่มเผลอลอบมองคนข้างๆ เห็นหนวดเครารุงรังรอบวงปากกระดุกกระดิกได้เอง ก็ต้องหลบตาวูบกับความคิดประหลาดของตน บางจังหวะของการเดินทาง เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมองเห็นตัวเองนั่งในเรือลำน้อยที่ถูกคลื่นใหญ่โยนตัวขึ้นสูงจนแทบจะเอื้อมมือคว้าดาวบนฟ้าได้ และบางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกโยนลงในหุบเหวลึกเกินหยั่ง
“ไอ้หนู…เมารถรึ…ทนเอาหน่อย จะเข้าตัวเมืองแล้ว”
สิงห์สิบล้อเอ่ยแล้วหัวเราะชอบใจกับท่าทางอาการของเด็กหนุ่ม เขาเค้นยิ้มฝืดให้แต่ก็ต้องฝืนปิดเปลือกตาไว้
จดจำความรู้สึกต่างๆที่ผ่านพ้นไป
และบางสิ่งที่กำลังมาเยือนสู่ชีวิตใหม่ของเขาเอง
“นั่นไง ถึงแล้ว”
จากร้อน - ฝน - หนาว ผ่านวันมานับร้อยนับพันวัน เเต่หัวใจจะคงมั่น เพียงเพราะความผูกพันที่ระฆังขับขานเสียงหวานใสที่หัวใจ
ผมลืมเล่าใช่ไหม
เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยนั่งรถนานข้ามคืนยังคงมึนศีษระจากการเมารถ ถนนที่ลัดเลาะตามเขากว่าจะถึงตัวเมืองก็ไม่ห่างจากเรือลำน้อยที่ต้องโต้คลื่นอย่างเดียว
“ไอ้หนู เมารถรึ ทนหน่อย จะเข้าตัวเมืองเเล้ว” สิงห์สิบล้อเอ่ยเเล้วหัวเราะชอบใจกับท่าทางอาการของเด็กหนุ่ม เขาเค่นยิ้มฝืด เเต่ฝืนเปิดเปลือกตาไว้ จดจำความรู้สึกต่างๆ ที่ผ่านไปและบางสิ่งที่กำลังมาเยือนสู่ชีวิตใหม่ของเขาเอง
เด็กหนุ่มปรือตาขึ้นมอง เมื่อแสงอรุณสาดส่องทั่วแผ่นฟ้าให้เป็นสีทองเเละในเวลานั้นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน กล่าว
“อรุณสวัสดิ์” เป็นบทเเรกของชีวิต.