บทที่ 8
บทที่
8
สุรัตเดินเสยผมยุ่งๆ เพื่อกลับเข้ามาในโรงแรมอีกครั้งหลังจากไปแอบสุ่มดูความเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่ไม่พอใจ
คนของเขาทำงานได้ดีทีเดียวเพราะใช้ทั้งไม้แข็งไม้นวมทำให้ชาวบ้านพากันกลับไปจนหมด แต่ก็ใช้เวลามากพอควร แต่เอาเถอะ! เวลานี้เจ้านายของเขาคงไม่อยากให้ใครไปวุ่นวายใกล้ๆ ห้องพักหรอก คงหาความสนุกกับผู้หญิงที่ส่งไปให้แล้ว แต่สุรัตก็อดคิดไม่ได้ว่า ในเมื่อเจ้านายของเขามีผู้หญิงที่สวยอย่างคุณคาร่ารออยู่ที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว ทำไมต้องมาระบายเอากับผู้หญิงบ้านๆ แบบนี้ด้วย หรือเป็นรสนิยมแปลกๆ ของเจ้านาย หรือไม่ก็เบื่อคุณคาร่าและอยากสลัดทิ้งแล้วก็เป็นได้
ไม่เข้าใจคนรวยเลย สมองพวกนี้คิดอะไรกันอยู่นะ
สุรัตส่ายถอนหายใจเบาๆ แต่ขณะที่กำลังเดินผ่านเคาน์เตอร์ของโรงแรมก็เห็นผู้จัดการโรมแรมกับผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวเปิดเผยจนเกือบจะเปลือยเกินความจำเป็น ทั้งสองยืนพูดคุยที่ดูคล้ายจะโต้เถียงกันมากกว่า
“ทำไมพูดไม่รู้เรื่องนะ พูดมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วว่าฉันนี่แหละที่แม่ต้อยส่งมา” หญิงสาวเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจ “ถึงฉันจะไม่ได้ทำงานก็ต้องได้ค่าเสียเวลาบ้างซิ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” สุรัตเอ่ยถามด้วยสังหรณ์ใจอะไรบ้างอย่าง
“คือผู้หญิงคนนี้บอกว่าตัวเองเป็นคนที่แม่ต้อย เอ่อ แม่เล้าส่งมาครับ” ผู้จัดการอธิบายพลางซับเหงื่อ
“แล้วไง” สุรัตเลิกคิ้วแล้วปรายตามองมาทางหญิงสาวที่สวมเสื้อเกาะอกสีแดงกับกระโปรงยีนสั้นกุด เฮ้อ ถ้าส่งยัยนี้ขึ้นไปจริงๆ เจ้านายคงฆ่าเขาทิ้งแน่ๆ
“แต่ว่าที่ห้องคุณท่านมีคนขึ้นไปบริการแล้วครับ”
“เอ๊ะ” สุรัตขมวดคิ้วงุนงง
“ผู้จัดการนี่ยังไงนะ ไม่เชื่อก็ลองโทรถามแม่ต้อยก็ได้ว่าส่งมากี่คน” หญิงสาวหงุดหงิด
สุรัตหันไปทางผู้จัดการ เขาพยักหน้าเรียกให้หลบไปยืนคุยอีกมุมหนึ่ง “เรื่องเป็นไงกันแน่”
“ก็...เด็กที่ถูกเรียกมาเพื่อบริการคุณท่านบอกว่าไปที่ห้องพักของคุณท่านแล้วถูกไล่กลับมาครับ คุณท่านบอกว่ามีคนบริการแล้ว”
‘หน้าตาแบบนี้ไล่กลับก็ไม่แปลกหรอก แต่ใครกันละอยู่ในห้องของเจ้านาย’
สุรัตคิดอย่างเป็นกังวลขึ้นมาทันที ความปลอดภัยของเจ้านายเป็นสิ่งสำคัญ เขาหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ผู้จัดการโรงแรม
“ฝากให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นค่าเสียเวลา แล้วที่เหลือผมจะจัดการเอง”
“ครับ”
เมื่อผู้จัดการรับเงินจากสุรัตก็เดินไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที สุรัตไม่ได้ยืนดูว่าทั้งสองพูดคุยอะไรกันอีกหรือไม่ แต่เขาเร่งก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในลิฟต์เพื่อไปดูแลเจ้านายทันที เมื่อไปถึงห้องสวีทเขาก้าวไปที่ละก้าวอย่างมั่นคงมือของเขาสอดเข้าไปด้านในและเตรียมหยิบปืนพกออกมาเพื่อความพร้อม เขาหยุดสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเคาะประตูเบาๆ และเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในอย่างตั้งใจ
“ผมสุรัตเองครับ”
เสียงก๊อก แก๊ก ดังครู่หนึ่งก่อนบานประตูจะเปิดออก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านในกลับไม่ยอมให้สุรัตเข้าไปด้านใน ราฟาเอลอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินและเขาใช้ตัวเองยืนบังประตูไว้ ราฟาเอลหลิ่วตามองไปที่มือของสุรัตซึ่งมีปืนพกเตรียมพร้อมใช้งานได้ทันที ชายหนุ่มสายหน้าไปมา
“ไม่มีอะไรหรอก” เขาชิงพูดออกมาอย่างรู้ทัน
“แต่ว่า”
“คุณไปพักผ่อนเถอะ ถ้าผมไม่เรียกก็ไม่ต้องมา” ราฟาเอลโบกมือไล่และทำท่าจะหันหลังแต่เหมือนนึกอะไรได้ก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ช่วยหาซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงให้สักชุดสองชุดซิ ประมาณไซต์เอสน่ะ”
“เอ่อ” คราวนี้เป็นสุรัตที่ทำหน้างุนงง
“จัดการแค่นี้ไม่ได้หรือไง”
“ได้ครับ”
“ถ้าได้ก็รีบไปซิ”
“ครับ”
สุรัตรับคำสั่งอย่างงงๆ แล้วมองบานประตูที่ปิดสนิทราวกับกลัวคนอื่นจะบุกรุกเข้าไปคงไม่มีเรื่องร้ายจริงๆ นั้นแหละ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ใคร’ ที่อยู่ในห้องนั้นกับเจ้านายของเขา
ราฟาเอลเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ชายหนุ่มปรายตามองไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งมีร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวบอบบางหลับใหลไปพร้อมกับคราบน้ำตาตั้งแต่เกิดมาจนอายุขนาดนี้เขาไม่เคย ‘ขืนใจ’ ผู้หญิงมาก่อน แน่ละคนอย่างเขามีแต่ผู้หญิงมาสยบแทบเท้าทั้งนั้น แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง เขาคิดว่า ‘เธอ’ แค่เล่นบทยั่วยวนเขาให้เสมือนเป็นการ ‘ขืนใจ’ และเขาก็เล่นไปตามเกมของเธอ แต่รอยเลือดจางๆ บนที่นอนและคราบน้ำตาของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เธอพยายามพูดกับเขาเป็นเรื่องจริงเมื่อเธอหลับใหลเพราะความเหนื่อยอ่อนเขาลุกขึ้นเข้าห้องน้ำบังเอิญเห็นแฟ้มเอกสารวางอยู่ เมื่อเขาพลิกอ่านคราวๆ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการแน่ๆ แต่ที่บุกเข้ามาหาเขาถึงที่ห้องก็คงเพราะเรื่องที่ดินที่เขากว้านซื้อไว้นี่เอง
ใบหน้าเบื้อนคราบน้ำตาทำให้หัวใจเขาหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น ผู้หญิงมักใช้น้ำตาเป็นเครื่องต่อรองและเขาก็เจอน้ำตาผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อคนนี้ราฟาเอลเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ เดินกลับมานั่งลงเบาๆ บนเตียงแล้วค่อยๆ เช็ดใบหน้าของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวเธอจะแตกกระจาย
สถานการณ์แบบนี้เขาเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเล่า เขาอาจไม่ลังเลที่จะโยนเงินให้สักก้อนและไล่เธอออกไปแต่กลับเป็นเธอคนนี้มันช่างยากจะตัดใจจากเธอจริงๆ
กีณรินรู้สึกถึงความเย็นชื้นที่ระใบหน้า เธอพลิกตัวขยับเพื่อรับสัมผัสอ่อนโยนอย่างเผลอไผลแต่เมื่อขยับกายความเจ็บระบมก็เล่นงานจนเธอครางออกมาเพราะความเจ็บปวด
“ค่อยๆ ขยับซิ”
เสียงดุเบาๆ ปนห่วงใยที่ลอยอยู่เหนือศีรษะทำให้กีณรินลืมตาขึ้น แต่เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มกำลังจ้องมองอยู่เธอก็ตกใจลุกพลวดขึ้นจากที่นอน
“โอ๊ย” กีณรินหลับตาปี๋เพราะเจ็บปวดราวกับเธอวิ่งมาเป็นร้อยๆ กิโลเมตร กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนตึงเครียดไปหมด แต่แล้วดวงตากลมตาก็ค่อยๆ มองที่หัวไหลซึ่งมีมือใหญ่มาประคองให้เธอลงนอนอีกครั้ง
“ก็บอกแล้วว่าให้ค่อยๆ ขยับตัว”
น้ำเสียงเนืองๆ แต่เหมือนจะกลั้นหัวเราะทำให้กีณรินอดเหลือบตามองเขาไม่ได้ แต่เมื่อรู้สึกตัวว่าร่างกายตัวเองยังเปลือยเปล่าอยู่ก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงคาง
“คุณ คุณ...” ให้ตายซิ! เธอไม่อยากคิดถึง ‘เรื่องนั้น’ เลย แล้วทำไมเธอยังหลับลงไปได้นะ เวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานอนแบบนี้
“นอนพักอีกหน่อยเถอะ เธอเพิ่งหลับไปได้แค่ชั่วโมงเดียวเอง” มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่ระใบหน้าแต่เมื่อหญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีเขาก็ผละออกมาแล้วถอนหายใจเบาๆ เขาหมุนตัวเดินออกไปด้านหนึ่ง
กีณรินเหลือบมองไม่เห็นว่าเขาเดินไปไหนเพื่อทำอะไร หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นอีกครั้งอย่างยากลำบากควานหาเสื้อผ้าของตัวเอง แต่เมื่อเจอเสื้อเชิ้ตก็ต้องอุทานออกมาเพราะมันแทบจะถูกฉีกเป็นริ้ว ตอนนี้สมองของเธอถูกปล้นเอาสติปัญญาไปด้วย หญิงสาวคิดอะไรไม่ออกรู้เพียงแต่ว่าต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เธอก้าวลงจากเตียงโดยใช้ผ้าห่มพันกาย เขาคงมีเสื้อสักตัวให้เธอใส่อยู่หรอก แต่อยู่ตรงไหนละ ตู้เสื้อผ้าอยู่ไหน
ราฟาเอลเดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำดื่มแต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นหญิงสาวที่ห่อตัวเองด้วยผ้าห่มเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขา เขายืนมองดูหยิงสาวที่เปิดตู้หยิบเสื้อของเขาออกมาด้วยมือที่สั่นๆ แวบแรกเขาคิดว่าเธอจะค้นกระเป๋าเงินเขาเสียอีก แต่เธอเลือกเสื้อของเขาเหมือนจะหาตัวที่เล็กที่สุดเพื่อที่จะได้สวมมัน ชายหนุ่มขยับกายเดินไปซ้อนอยู่ด้านหลังและเอื้อมมือผ่านหญิงสาวหยิบเสื้อในมือของเธอกลับไปแขวนตามเดิม
กีณรินหันขวับอย่างตกใจ ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงเดินของเขาละและเมื่ออยู่ใกล้กันขนาดนี้เธอก็เพิ่งรู้ว่าเขาตัวสูงมากจนเธอต้องแหงนหน้ามอง แล้วใบหน้าคมเข้มก็โน้มลงมาอย่างรวดเร็วจนเธอไม่อาจหลบได้ทัน ริมฝีปากร้อนๆ ของเขาทาบทับริมฝีปากเธออย่างรวดเร็วในขณะที่มือของเธอพยายามดันแผงอกของเขาแต่เหมือนกับยันมือกับกำแพงที่แข็งแกร่ง
“ปะ ปล่อย ปล่อยนะ” เธอส่งเสียงประท้วงทันที่เขาละริมฝีปากจากเธอแล้ว หญิงสาวหอบหายใจแรงมือใหญ่ประคองแผ่นหลังของเธอให้แนบชิดจนฝ่ามือน้อยๆ แนบชิดอยู่กับแผงอกขยับไม่ได้อีก
“ก็นึกว่าห่างผมไม่ได้ขนาดต้องมาเอาเสื้อของผมไปใช้ต่างหน้า” เขายิ้มกริ่มและแสนจะมั่นใจในตัวเอง
“บ้าซิ ใครจะบ้าได้ขนาดนั้น” ใบหน้าหวานแดงระเรื่อแล้วผลักเขาออกสุดแรง
ราฟาเอลไม่รั้งหญิงสาวไว้จะปล่อยเธอออกจากวงแขน กีณรินรีบผละห่างออกมาแต่เพราะชายผ้าห่มที่ยาวลากพื้นทำให้เธอสะดุดชายผ้าห่มล้มลง แต่โชคดีที่ราฟาเอลคว้าเอวคอดกิ่วไว้ได้ทันแล้วช้อนเธอขึ้นอุ้มทันที
“คุณ คุณ”
ราฟาเอลพาหญิงสาวลงบนที่นอนอีกครั้ง เขาหยิบแก้วน้ำที่เตรียมให้หญิงสาวแล้วส่งให้เธอ “ดื่มซะหน่อยซิ ไม่มียาพิษหรอก”
กีณรินรับมาดื่มอย่างหิวกระหาย ในขณะที่ราฟาเอลมองริมฝีปากดุจกลีบกุหลาบที่เผยอขึ้นอย่างหลงใหล แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ของตนเองแล้วปรับสีหน้าให้นิ่งขรึม
“คุณคิดค่าตัวยังไง”
กีณรินโมโหจี๊ด มือที่ประคองแก้วน้ำอยู่สั่นระริกแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเธอก็ขว้างแก้วใส่หน้าเขาทันที แต่ราฟาเอลก็เพียงเอี้ยวคอหลบก็หลบไปพ้นโดยที่แก้วลอยไปหล่นด้านหลังแตกกระจาย
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว” เธอพุ่งใส่เขาหมายจะทุบเขาให้หายโกรธโทษฐานที่ดูถูกดูแคลน แต่ร่างกายที่ยังไร้เรี่ยวแรงทำให้เธอทรงตัวไม่ไหวแต่เขาต้องรีบเข้ามาประคอง “คนเลว ฉันเกลียดคุณ”
“ถ้าแลกกับที่ดินของคุณละ คุณจะยอมเป็นของผมไหม”
กีณรินหยุดดิ้นรนและเงยหน้ามองเขา “คุณ...คุณรู้”
ราฟาเอลพยักหน้ารับ “ตอนคุณหลับผมอ่านแฟ้มของคุณแล้ว”
‘ทำไมคุณไม่ฟังฉันพูดตั้งแต่แรก’ กีณรินพูดอะไรไม่ออก น้ำตาร้อนๆ คลอเบ้าแต่เธอต้องพยายามกลั้นไว้ไม่ต้องการให้เขาเห็นความอ่อนแอของเธอ
“ว่ายังไงละ” เขาเชยคางให้เธอหันมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง แม้จะไม่อยากเห็นน้ำตาของหญิงสาวเลยก็ตามที “ถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมจะคืนที่ดินของคุณให้”
กีณรินสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเชิดหน้ามองเขา “คุณก็คงรู้ดีแก่ใจแล้ว ว่าสิ่งที่คุณได้ไปมันมีค่ากับชีวิตของฉันขนาดไหน”
ราฟาเอลรู้สึกหางคิ้วกระตุก แล้วยิ้มที่มุมปากเขาไม่คิดว่าตัวเองจะถูกต่อรองด้วยลูกเล่นแบบนี้ “ว่าข้อเสนอของคุณให้ผมพิจารณาก่อนซิ”
“ที่ดินของคนอื่นๆ ที่คุณโกงมาด้วย”
“คนอื่น” เขาทวนคำ
“ใช่ คนอื่นที่เดือดร้อนเพราะคุณ” กีณรินรีบเสนอ “แล้วฉันจะเป็น เป็น ของคุณ”
“ค่าตัวของคุณแพงไม่ใช่เล่น” ชายหนุ่มมองเรียวปากที่เคยดื่มด่ำของหญิงสาว “แต่ต้องขออธิบายว่าผมไม่ได้ ‘โกง’ อย่างที่คุณเข้าใจ”
“คุณอาจจะไม่ได้โกงแต่คนที่คุณมาหลอกซื้อที่ดินของชาวบ้านมันโกง เพราะฉะนั้นคุณต้องรับผิดชอบ”
ชายหนุ่มนิ่งคิดครู่หนึ่ง “เอาอย่างนี้ดีไหมผมจะทบทวนการทำโครงการที่นี่ใหม่ ถ้าคนที่เต็มใจขายที่ดินให้ผมคุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขา แล้วคุณก็อยู่กับผมจนกว่าเราจะเคลียร์เรื่องนี้จบ”
กีณรินมองดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาที่ไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด ถ้าสิ่งที่เธอเสียไปตอบแทนพระคุณลุงพงษ์ที่เลี้ยงดูเธอแทนพ่อกับแม่มาตั้งแต่ยังเด็กได้ รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เดือดร้อนด้วย
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะทำตามที่พูด”
“ก็คุณอยู่กับผมตลอดเวลา คุณก็ตรวจสอบได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก “ผมพร้อมจะให้คุณตรวจเอกสารทุกขั้นตอน”
“งั้นก็ ได้ค่ะ” กีณรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “แต่เมื่อจบโครงการฯ นี้”
“คุณก็จะมีอิสระทันที” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้จมลมหายใจคลอเคลียแก้มนวล ปกติเขาไม่เคยเสียการควบคุมขนาดนี้ แต่ทำไมผู้หญิงธรรมดาๆ คนนี้ช่างเย้ายวนเขาได้เหลือเกิน
ยังไม่ทันทีกีณรินจะเอ่ยปากตอบรับเขาก็ก้มลงจุมพิตเธออีกครั้ง เพราะความหวาดกลัวที่เคยเกิดขึ้นเพราะเขาทำรุนแรงกับเธอมาก่อนทำให้เธอขัดขืน แต่คราวนี้เขากลับอ่อนโยนจนเธอผ่อนตามอย่างไม่รู้ตัว
ราฟาเอลขยับกายอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำให้หญิงสาวเจ็บปวดอีก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเริ่มไม่แน่ใจตัวเองว่า...ถ้าวันที่การสัญญาสิ้นสุดลง เขาจะยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระแน่หรือทำไมเขาต้องลงทุนกับผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดนี้
ทำไมนะ ทำไม.