บทที่ 65 แค่ไหนเรียกโหดเหี้ยม
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! เสียงดังต่อเนื่องกัน 4 ครั้ง ชาย 4 คนที่ชาร์จเข้าหาเย่โม่ถูกเขาเตะจนกระเด็น การโจมตีของเย่โม่รวดเร็วจนยากจะบอกว่าใครถูกเตะก่อนกัน มองเห็นได้เพียงเงาเท้าเท่านั้น
คนที่เหลือก็ถูกชายทั้ง 4 คนนั้นกระแทกจนล้มลง ส่วนชาย 4 คนที่ถูกเย่โม่ถีบก็ลอยไปกระแทกผนังหินต่อ ตอนที่พวกเขาร่วงลงมากองกับพื้นก็เหลือเพียงลมหายใจรวยรินกันแล้ว
คนรอบๆ ต่างพากันนิ่งตะลึงงั้น นี่มันยอดฝีมือประเภทไหนกัน? พละกำลังจะเยอะเกินไปแล้ว! ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของประธานหวังตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาชักปืนออกมาเตรียมจะยิงเย่โม่
เวลานั้นเองที่มีสายลมเบาๆ พัดผ่าน นิ้วมือของชายหนุ่มคนนั้นยังไม่ทันได้ลั่นไก...หน้าผากของเขาก็ถูกของสิ่งหนึ่งพุ่งทะลุจนเกิดเป็นน้ำพุสายเลือดทะลักออกมาเสียก่อน เขาล้มลงไปกองกับพื้นทั้งที่ดวงตายังคงเบิกโพล่ง
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เวลานี้ไม่มีใครกล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ชายหนุ่มคนนี้บุกมาถึงประตูหน้า ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจก็ฆ่าไปแล้วถึง 5 คน นี่ยังไม่รวมกับบอร์ดีการ์ดที่เขาฆ่าก่อนหน้านี้อีก 2 คน เขาฆ่าคนไปเยอะขนาดนี้แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นเขาลงมืออย่างชัดเจนเลยสักครั้ง
หัวหน้าแก๊งเยวี่ยหนานได้สติขึ้นมาทันที เขาเข้าใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าโหดเหี้ยมอำมหิต แถมยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย เขาคิดได้ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น “นี่เพื่อน…ผมว่ามีการเข้าใจผิดกันแล้ว ถึงแม้พวกเราจะทำลายวัดนั้นจริงแต่ก็เพราะไม่รู้ว่าวัดนั้นเป็นของนาย อีกอย่าง...คนอย่างผมหวังเซี่ยนยินดีชดใช้ให้อยู่แล้ว”
เย่โม่หัวเราะยิ้มหยันและยกมือขึ้นอีกครั้ง ชายผิวดำ 2 คนจากแก๊งเฟยที่กำลังจะยิงเขาก็มีเลือดพุ่งทะลักออกจากหว่างคิ้วล้มลงทันที ปืนในมือของพวกเขากระเด็นไปไกล
ครั้งนี้หวังเซี่ยนเห็นได้ชัดเจนแล้ว มือของชายหนุ่มคนนี้ยกขึ้น…แค่การกระทำง่ายๆ นี้เองก็ฆ่าไปแล้ว 2 คน ของที่เขาซัดออกมานั้นราวกับจะเร็วกว่ากระสุนปืนเสียอีก ฝีมือของชายตรงหน้าจะสูงเกินไปแล้ว!
“ชดใช้ให้ผมงั้นหรือ? คิดว่าจะชดใช้ได้หรือไง? อีกอย่างนายทำร้ายเพื่อนของผมฟางหนาน ฆ่าคนของเขา หรือต่อให้นายชดใช้ได้จริงๆ...วันนี้ผมก็จะไล่พวกนายออกไปให้หมด!” เย่โม่พูดจบก็ไม่พูดอะไรอีก ตะปูในมือพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกเห็บ
ที่นี่มีคนอยู่เยอะ จิตสัมผัสของเย่โม่ตอนนี้มีพลังไม่มากนัก หากคนทั้งหมดในนี้ร่วมกันโจมตีใส่เขาพร้อมกันล่ะก็...จิตสัมผัสของเขาคงรับรู้ได้ไม่หมดและคงต้องบาดเจ็บแน่ ในเมื่อจะลงมือแล้ว ไม่สู้ฆ่าสักหน่อยก่อนแล้วพูดทีหลังยังจะดีเสียกว่า
“พี่น้องทั้งหลาย! ฆ่ามัน!” แค่ในเวลาสั้นก็ตายกันไปหลายสิบคนแล้ว หัวหน้าแก๊งอย่างหวังเซี่ยนจึงค่อยคิดได้แล้วรีบตะโกนสั่งคนอื่น ส่วนตัวเองก็รีบถอยหลบไปอยู่ด้านหลัง
สายตาของหวังเซี่ยนเหลือบไปเห็นหน้าต่างบานหนึ่ง เขาคิดจะปีนหน้าต่างหนีออกไป เดิมทีหวังเซี่ยนรู้สึกว่าบ้านหินแห่งนี้ตกแต่งได้อย่างมีสไตล์ มาตอนนี้สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดกลับเป็นบ้านหินหลังนี้ หากเป็นที่อื่นล่ะก็บางทีอาจจะมีประตูหลังก็ได้ ในเมื่อไม่มีประตูหลังแบบนี้...หน้าต่างก็ไม่ควรจะแคบแบบนี้ไหมเล่า!? อีกอย่างมันยังแข็งแรงมากอีกด้วย เขาดึงอยู่เป็นเวลานานก็ยังขยับมันไม่ได้เลย
เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงปืนและมีดดังขึ้นผสมปนเปกันไปจนวุ่นวาย เย่โม่นั้นขวางประตูเอาไว้ไม่ให้ใครหนีออกไปได้แม้แต่คนเดียว
ถึงแม้เย่โม่จะมีจิตสัมผัส เวลาลงมือก็รวดเร็ว ลงมือฆ่าคนที่มีปืนก่อนแล้วคอยหลบมีดบินอย่างสุดความสามารถ ทว่าเหยื่อของเขามีเยอะจนเกินไป จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จิตสัมผัสของเขาจะรับรู้ได้ไม่หมด ขาของเขาถูกยิงไปนัดหนึ่ง เวลาเดียวกับที่ชายคนนั้นยิงก็ถูกเขาฆ่าเช่นกัน
ถึงแม้แผลจากกระสุนปืนจะไม่ร้ายแรงแต่นั่นก็ทำให้เย่โม่โกรธจนถึงขีดสุด ตะปูที่ถูกซัดออกไปยิ่งเร็วขึ้นไปอีก
ผ่านไปไม่กี่นาที เสียงวุ่นวายภายในห้องก็เงียบลง นอกจากหวังเซี่ยนที่กำลังพยายามดึงเปิดหน้าต่าง...หัวหน้าแก๊งเฟยก็ถูกเย่โม่ฆ่าตายไปแล้ว ภายในบ้านหินตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพ แต่รอยเลือดกลับไม่เยอะมากนัก เพราะเพียงแค่ตะปู 1 ตัวจากเย่โม่ก็จบได้ 1 ชีวิตแล้ว
เย่โม่ดึงกระสุนจากต้นขาออกมาแล้วจัดการบาดแผลจนเรียบร้อย จากนั้นจึงใช้สายตาเย็นชามองหวังเซี่ยนที่ยังคงพยายามเปิดหน้าต่าง “ผมว่าไม่ต้องดึงแล้วล่ะ คิดว่าตอนนี้นายจะหนีผมได้หรือไง?”
หวังเซี่ยนที่ได้ยินเสียงของเย่โม่ก็หันหลังกลับมามอง มือเท้าของเขาเย็นเฉียบขึ้นมาทันที นี่เขาไปหาเรื่องคนแบบไหนกัน เดิมมีอยู่ 40 กว่าคนทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครรอดชีวิตเลย หรือพูดได้ว่านอกจากเขาแล้วคนอื่นล้วนถูกฆ่าตายเรียบ
“พี่ใหญ่! ไว้ชีวิตผมเถอะ! ทรัพย์สมบัติของผมยกให้พี่หมดเลย! ให้เป็นลูกน้องพี่ผมก็ยอม!” หวังเซี่ยนเองฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เมื่อถึงคราวของตัวเองจึงได้รู้...ความตายเป็นเรื่องน่ากลัว
“ฟางหนาน...ผมยกที่นี่ให้นายจัดการ” เย่โม่พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
ฟางหนานและลูกน้องไม่กี่คนยืนรออยู่ด้านนอกอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อได้ยินเย่โม่เรียกก็รีบบอกให้ลูกน้องพาเขาเข้าไปข้างในทันที
เวลานี้เย่โม่เดินจากไปแล้ว ฟางหนานมองสภาพข้างใน เขาอ้าปากค้างอยู่เป็นเวลานานกับภาพที่เห็น ข้างในมีแต่ศพเต็มไปหมด พูดได้ว่านอกจากหวังเซี่ยนที่ตัวสั่นงกๆ แล้วคนที่เหลือล้วนตายกันหมด
ฟางหนานรู้สึกทันทีว่าแผ่นหลังของตัวเองหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ แค่ไหนเรียกโหดเหี้ยม? นี่สิถึงเรียกว่าโหดเหี้ยมของจริง ตัวเขาฟางหนานเองก็ฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่เคยฆ่าด้วยตัวคนเดียวมากขนาดนี้ รวมทั้งเย่โม่ก็มีท่าทีสงบนิ่งคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าการฆ่าคนสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องธรรมดาราวกับหายใจอย่างไรอย่างนั้น มิน่าเล่า...ถึงทำให้หวังเซี่ยนซึ่งฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบมีท่าทีหวาดกลัวจนตัวสั่นแบบนี้
ฟางหนานเวลาฆ่าคนล้วนมาจากสงครามระหว่างแก๊งทั้งนั้น คนทั่วไปเห็นแล้วทำให้รู้สึกหวาดกลัว...ทั้งเลือดทั้งมีดดาบปลิวว่อน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น มีไม่มากที่เสียชีวิตลง เรื่องฆ่าล้างแก๊งแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย
เย่โม่ฆ่าคนมากขนาดนี้แต่กลับสงบนิ่งราวกับเพิ่งฆ่าไก่ไป 2-3 ตัว สีหน้าไม่ปรากฏอารมณ์อื่นใดออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ฟางหนานหวนคิดไปถึงวันนั้นตอนที่เย่โม่เข้ามาหาเขาถึงที่นี่...เหงื่อตรงแผ่นหลังของเขาก็ยิ่งหลังออกมามากขึ้น หากวันนั้นเขาแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาเพียงนิดเดียวหรือมีแผนการร้ายอยู่ในใจล่ะก็...โลกนี้คงไม่มีเขาฟางหนานแล้ว
แต่ไหนแต่ไรมาฟางหนานไม่เคยเจอคนเก่งและโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ โชคดีที่เขารู้สึกชื่นชมเย่โม่จากก้นบึ้งของหัวใจจึงได้คิดจะเป็นเพื่อนกับเขา ไม่อย่างนั้น...ฟางหนานไม่กล้าคิดต่อแล้ว
“ประธานฟาง! ไว้ชีวิตผมเถอะ! ผมหวังเซี่ยนยินดียกธุรกิจให้หมดเลย! ขอแค่ไว้ชีวิตผมเท่านั้น!” เสียงร้องขอชีวิตของหวังเซี่ยนดังขัดจังหวะความคิดของฟางหนาน
“รีบฆ่าไอ้สารเลวนี่ซะ! จัดการศพในห้องให้สะอาดด้วย หิน...รีบไปหาพี่ใหญ่เย่ด้วยกัน” ฟางหนานปล่อยให้ลูกน้องของเขาจัดการที่นี่ งานที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือไปหาเย่โม่
“พี่เย่” ลูกน้องของฟางหนาน 2 คนช่วยพยุงเขามาทางด้านหลังของเย่โม่ เขาเรียกเย่โม่ด้วยความเคารพเป็นอย่างมาก หากบอกว่าเดิมทีตัวตนของเย่โม่ในสายตาเขานั้นเป็นเพียงยอดฝีมือคนหนึ่งที่เขารู้สึกเคารพล่ะก็ ตอนนี้ไม่เพียงแต่เคารพเท่านั้น เขายังรู้สึกหวาดกลัวเย่โม่อีกด้วย
“ฟางหนาน...” เย่โม่เรียกออกมาคำหนึ่ง ไม่รู้ในใจกำลังคิดอะไรอยู่
“พี่เย่ ผมอยู่นี่” ฟางหนานรีบขานรับทันที
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่โม่ก็พูดขึ้น “ตอนแรกผมวางแผนจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นผมคงต้องไปแล้วล่ะ”
“พี่เย่ พี่จะไปแล้วหรือ? ที่ๆ พี่อยู่ผมช่วยซ่อมได้นะ” ฟางหนานรีบร้อนพูดขึ้น เขาคิดว่าสาเหตุเป็นเพราะวัดแห่งนั้นถูกทำลายเย่โม่จึงคิดจากไปแบบนี้
เย่โม่โบกมือ “ฟางหนาน...ที่หลิวเฉอตอนนี้เป็นของนายแล้ว ผมรู้ว่านายทำธุรกิจแบบไหนแต่ก็อย่าได้ล้ำเส้นจนเกินไปนัก...อย่างพวกดักปล้นกลางทางอะไรแบบนั้น อย่าทำมันอีกหากไม่จำเป็น ธุรกิจตรงชายแดนนั้นทำง่ายได้เงินเร็ว...แต่ผมก็หวังว่านายจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับพวกยาเสพติด ของพวกนี้ทั้งทำร้ายคนอื่นและตัวเอง นี่คือทั้งหมดที่ผมอยากจะพูด บางทีสักวันผมอาจจะกลับมาดูก็ได้”
พูดจบเย่โม่ก็หันหลังเดินจากไปอย่างไร้ซึ่งความลังเล ในเมื่อที่นี่ปลูก ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ไม่ได้เขาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ ต่อให้ที่นี่สามารถใช้หลบหนีตระกูลซ่งได้...แต่หากต้องแลกกับการหยุดชะงักของการฝึกปราณแล้วล่ะก็ สำหรับเย่โม่มันไม่คุ้มค่ากันเลย ฟางหนานก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เย่โม่ให้ความช่วยเหลือแก่เขามาก็ไม่น้อย หากเป็นตอนนี้แล้วเขายังคุมสถานการณ์ในหลิวเฉอไม่ได้ล่ะก็...เขาก็ไม่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่นี่แล้ว
หลังจากเย่โม่เดินออกไปไกล ฟางหนานก็ได้สติขึ้นมา เขารีบตะโกนขึ้นทันที “พี่เย่! ผมจะทำตามคำสั่งที่พี่บอกแน่นอน!”
เย่โม่ไม่ได้บอกให้เขาไปส่ง ฟางหนานจึงไม่กล้าจะตัดสินใจทำแบบนั้นด้วยตัวเอง