บทที่ 31
การประมูลอันดุเดือด ทำให้ราคาของดาบเองก็พุ่งทะยานด้วยเช่นกัน ผู้คนด้านล่างต่างยืนจ้องมองว่าดาบที่ฟาดฟันออกมาเป็นปราณธาตุไฟ ราคาจะขยับขึ้นสูงเท่าไร ผู้มีอำนาจทั้งสี่ห้องต่างกล่าวราคาแข่งขันกันเป็นเจ้าของ มีเพียงห้องที่เก้าเท่านั้นที่หาได้สนใจการประมูล ไม่นานดาบปราณธาตุไฟก็ตกมาอยู่ในมือของห้องที่หกสำนักกิเลนไฟด้วยราคาถึงเจ็ดแสนเก้าหมื่นตำลึงทอง ผู้คนด้านล่างต่างโห่ร้องเสียงดังลั่น ทันทีที่มู่ซุนกวนประกาศแจ้งว่าผู้ใดเป็นเจ้าของดาบ ก็รีบนำดาบอีกเล่มหนึ่งชูขึ้นเหนือศีรษะ
“ทุกท่านคงสงสัยใช่หรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีดาบอีกหนึ่งเล่มเหลืออยู่ ดาบเล่มนี้เป็นสินค้าที่จะนำออกมาประมูลเป็นชิ้นสุดท้าย พวกท่านจงจับตามองให้ดี”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียง มู่ซุนกวนก็พยักหน้าให้กับชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ชายฉกรรจ์ผู้นั้นรีบเดินขึ้นเวทีประมูล โบกสะบัดมือขวานำก้อนหินขนาดใหญ่ออกมา นำไปวางไว้ด้านหน้าของมู่ซุนกวน แล้วรีบลงไปรอที่ด้านล่างของเวที ไม่ถึงสามลมหายใจมู่ซุนกวนก็ฟันดาบออกไปด้านหน้า ปราณดาบสีฟ้าพุ่งทะยานออกไป ฟันก้อนหินขาดเป็นสองท่อน ชายฉกรรจ์ผู้นั้นรีบเข้าไปยกเศษของก้อนหินขึ้นมาพร้อมกับเดินมาอยู่ข้างๆมู่ซุนกวน
“พวกท่านจงดูให้ดี รอยผ่าของก้อนหินมีน้ำติดอยู่ ดาบเล่มนี้เองก็สามารถเปลี่ยนปราณเป็นธาตุด้วยเช่นกัน พลังของมันพวกท่านคงได้เห็นกันแล้ว ดาบเล่มนี้เป็นดาบปราณธาตุน้ำ ราคาของมันอยู่ที่ หนึ่งตำลึงเงิน”
สิ้นเสียงกล่าวของมู่ซุนกวน เสียงจากผู้ที่อยู่ห้องที่ห้าก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“ดี เป็นดาบที่ดี ข้าให้ราคา ห้าแสนตำลึงทอง”
เสียงโห่ร้องด้วยความตกใจของผู้คนด้านล่างดังขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ที่กล่าวเปิดราคายืนแสยะยิ้มอยู่ในห้องจ้องมองดาบในมือมู่ซุนกวนอย่างไม่วางตา หลังจากนั้นไม่นานผู้ที่อยู่ในห้องที่สี่และแปดก็เอ่ยเสนอราคาตามมาติดๆ
“ห้าแสนห้าหมื่นตำลึงทอง”
“ห้าแสนแปดหมื่นตำลึงทอง”
ผู้ที่อยู่ห้องที่ห้า ไม่มีแม้แต่ความลังเลเสนอราคาสูงขึ้นไปอีก
“หกแสนห้าหมื่นตำลึงทอง”
ทั้งสามห้องยังคงสู้ราคากันอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มเนี่ยฟงยกยิ้มอย่างดีใจหันไปมองผู้เป็นปู่
“ท่านปู่หวังว่าเงินที่ได้จากการประมูล คงจะทำให้ท่านมีเงินไว้ใช้อย่างสบายหลายปีเป็นแน่ ท่านว่าหรือไม่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต้องขอบใจอาจารย์ของเจ้าที่สั่งสอนเจ้าได้ดีเช่นนี้”
ภายในโลกแห่งจิตวิญญาณของเนี่ยฟง ลุ่ยกงยกยิ้มโดยมีหลินฉียื่นอยู่ข้างๆ ขณะเดียวกันด้านนอกก็ยังมีการสู้ราคากันอยู่ ไม่นานการประมูลก็จบลงที่ แปดแสนเก้าหมื่นตำลึงทอง ส่วนผู้ที่ประมูลได้ดาบธาตุน้ำไปเป็นผู้ที่อยู่ห้องที่สี่ หลังจากการจบการประมูลผู้คนด้านล่างต่างทยอยออกจากห้องประมูล หลงเหลือเพียงห้องทั้งเก้ายังไม่มีผู้ใดออกมา ไม่นานก็มีคนของมู่ซุนกวนขึ้นมาด้านบน นำผู้ที่อยู่ในห้องทั้งเก้าออกไป โดยค่อยๆออกไปทีละห้องเพื่อไม่ให้คนในห้องได้เผชิญหน้ากันเพราะเกรงกลัวที่จะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
หลังจากถูกนำตัวออกมา สองปู่หลานก็ถูกพามาที่ห้องรับรองอีกห้องหนึ่ง เมื่อเข้ามาถึงก็พบกับมู่ซุนกวนที่นั่งรออยู่ มู่ซุนกวนเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาก็รีบลุก เดินเข้าหาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม มู่ซุนกวนรีบนำแหวนออกมาหนึ่งวงสีน้ำเงินยื่นให้แก่ชายชราเนี่ยกัง
“เงินทั้งหมดและไข่มุกอยู่ในแหวนวงนี้ ทางเราได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับการนำของมาประมูลแล้วเช่นกัน”
ชายชราเนี่ยกังยื่นมือไปรับแหวนจากมู่ซุนกวน หลังจากนั้นก็ยื่นกระดาษอีกหนึ่งแผ่นและขวดยาสีขาวนวลให้แก่มู่ซุนกวน ด้วยความสงสัยมู่ซุนกวนหมายจะเอ่ยถามก็ถูกชายชราเนี่ยกังกล่าวออกมาเสียก่อน
“นั้นเป็นรายชื่อสมุนไพรที่ข้าต้องการ เจ้าสามารถหาพวกมันทั้งหมดให้แก่ข้าได้หรือไม่ ส่วนขวดยานั่น ด้านในมีเม็ดยาอยู่ยี่สิบเม็ด เป็นยาสำหรับรักษาบาดแผลชนิดเดียวกับที่ท่านได้ไป ข้าอยากจะฝากท่านขายเม็ดละ สองหมื่นตำลึงทอง จะเป็นการรบกวนท่านมากไปหรือไม่”
มู่ซุนกวนแทบจะเป็นลม ล้มลงไปนอนกับพื้นหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ชายชราเนี่ยกังกล่าว