ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 82-2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 82-2
“ด-เดี๋ยว”
เขารู้ตัวดีว่าการทำแบบนี้มันเสียมารยาทแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากจะปล่อย ไม่สิ เขาปล่อยไม่ได้ต่างหาก เขาวิ่งออกมาด้านนอกโดยมีเด็กสาวถูกลากตามมา วันนี้เธอใส่ชุดธรรมดา แต่เมื่อลองมองที่ใบหน้าของเธอดี ๆ เขาก็พอเห็นร่องรอยของเครื่องสำอางอยู่บนนั้นได้ เครื่องสำอางที่ใช้ในการแสดง
“ตกใจหมดเลย”
เมื่อมารุปล่อยมือเธอ เด็กสาวก็หันไปมองที่ข้อมือของตัวเองก่อนจะหันกลับมามองมารุอีกครั้ง
“ข-ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น”
“แล้วนายตั้งใจจะทำแบบไหนล่ะ?”
น้ำเสียงของเธอดูหงุดหงิด
“เปล่า ฉันแค่... ขอโทษครับ เมื่อกี้สมองมันตื้อไปหมด”
“ก็นะ... ดูหน้าก็อาการไม่ค่อยดีด้วยสิ จะไม่ถือสาแล้วกัน แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงมาพูดสุภาพใส่กันเนี่ย? ไม่ใช่ว่าเราอายุเท่ากันเหรอ อย่างน้อย ๆ ก็จากที่เห็นคราวก่อน”
เธอพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เธอกำลังพูดถึงตอนที่ทั้งสองคนเจอกันที่หน้าสถานีฮเยวา
“เอ๋? การแต่งหน้าแบบนั้น... นายก็จะขึ้นแสดงเหรอ?”
“อ่า ใช่ มันลงเอยเป็นแบบนั้น”
“อะไรเนี่ย นายก็เป็นนักแสดงเหรอ? ทำไมไม่บอกกันเล่า ฉันไม่เห็นรู้มาก่อนเลย ก็ว่าแล้วว่าจู่ ๆ จะมาถามชื่อฉันทำไม จำชุดเราได้สินะ? ก็คงจำได้แหละ ชุดของโรงเรียนชนะเลิศนี่นา ฮืม ฮืม”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ เมื่อก่อนเธอเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ถ้าได้พูดเรื่องการแสดงเมื่อไหร่ สีหน้าท่าทางของเธอก็จะเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว
“เอาเป็นว่าแบบนั้นแล้วกัน อืม”
“แล้วเมื่อกี้มีอะไรเหรอ? ทำเอาฉันตกอกตกใจหมดเลย”
“ถึงมันจะฟังดูแปลก ๆ แต่ฉันหายใจไม่ออกน่ะ”
“หายใจไม่ออก?”
“อืม”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“อ่า คือ... แบบว่า... มันมีเหตุผลจริง ๆ นะ ฉันสาบานเลย”
“พูดมาตรง ๆ ดีกว่า จะจีบฉันเหรอ? ใช่ไหม? ใช่ไหม? ใช่ไหม?”
ใช่แล้ว เขาลืมนิสัยแบบนี้ของเธอไปเลย ถึงมันจะทำให้ตกใจหน่อย ๆ แต่มันก็ไม่ใช่นิสัยที่เลวร้ายอะไร การได้เห็นนิสัยเก่า ๆ แบบนี้ของเธอช่วยให้เขาใจเย็นลงได้มาก
“ล้อเล่นน่า นายคงไม่คิดแบบนั้นหรอกเนอะ แล้วนายอยู่โรงเรียนไหนเหรอ? ได้ยินว่าวันนี้จะมีทีมขึ้นแสดงแค่ 4 ทีมนี่นา”
“อาชีวะวูซอง”
“อ่ะ บลูสกาย”
“รู้จักพวกเราด้วยเหรอ?”
“แน่สิ รุ่นพี่เราบอกว่าเมื่อก่อนพวกนายดังมากเลย อ่า เมื่อกี้ฟังดูเสียมารยาทปะ?”
เด็กสาวได้แต่พูดกลับมาว่า ‘ขอโทษนะ’ พร้อมรอยยิ้มแหย ๆ
“แต่นายน่าจะพูดกับฉันแบบสบาย ๆ กว่านี้นะ ไหน ๆ ก็อายุเท่ากันด้วย” เธอพูดต่อพร้อมบุ้ยปาก
การบุ้ยปากนั้น... เขาจำได้ดี เธอจะทำมันก็ต่อเมื่อเธอรู้สึกเขินอายเท่านั้น การได้เห็นมันอีกครั้งช่วยให้เขาสงบใจลงได้มากกว่าเก่า อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปล่ะนะ
“มาอยู่นี่เอง”
เพื่อนของเธอเดินเข้ามาหาเธอ และหันมามองมารุด้วยสายตาสุดสงสัย
“อ่า นายมันคนเมื่อตอนนั้น...”
“คนแปลก ๆ จากเมื่อตอนนั้น”
“เนอะ?”
คนแปลก ๆ ถึงจะถูกเรียกแบบนั้นก็คงช่วยไม่ได้ เพราะเขาแค่เข้าไปถามชื่อและก็เดินหายไปเลย
“อะไรเนี่ย ไปสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เด็กสาวพูดหยอกเพื่อน แต่เธอกลับยืนกอดอกและตอบกลับไป
“เราบังเอิญเจอกัน แล้วจู่ ๆ เขาก็ลากฉันมาเลย”
“หา? ลาก?”
หลังจากได้ยินแบบนั้นเด็กสาวคนอื่น ๆ เริ่มหันกลับมามองที่มารุ มารุได้แต่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเธอเห็นแบบนั้น เธอก็เข้ามายืนขวางระหว่างมารุและเพื่อน ๆ ของเธอไว้
“อย่าไปมองเขาแบบนั้นสิ แค่เรื่องเล็กน้อยน่า”
“อะไรเนี่ย น่าสงสัยจริง ทำไมต้องช่วยปกป้องเขาด้วย?”
“ไม่ได้ปกป้อง พวกเธอแหละแปลก มันไม่มีอะไรสักหน่อย ไปกันได้แล้ว”
เธอดันเพื่อน ๆ ออกไปจากมารุ มารุเองก็ได้แต่กำมือไว้แน่น นี่มันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ที่สามารถลืมมันไปได้ในวันเดียว แต่มารุไม่อยากให้มันจบลงแบบนั้น เขาไม่อยากให้การพบกันของทั้งสองต้องกลายเป็นอะไรที่ถูกลืมได้ง่าย ๆ
และเมื่ออารมณ์อย่างรุนแรงนี้กำลังหลั่งไหลออกมาจากจิตใจ มารุก็ได้ตัดสินใจจะปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ หลังจากกลับมาใช้ชีวิตใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่มารุปล่อยตัวเองไปตามความรู้สึก
“สักวันฉันจะไปหาเธอ ฉันชื่อฮาน มารุ อย่าลืมมันเชียว มารุ ที่แปลว่าท้องฟ้า และ...”
‘ชื่อที่เธอชอบเพราะคิดว่ามันแปลกดี’ มารุไม่สามารถเอ่ยคำพูดนั้นออกมาได้ แต่เขาก็มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นส่งไปถึง
และ...
“อะไรน่ะ อะไรเนี่ย เขาว่าไงนะ?”
“ว้าย ตายแล้ว”
เหล่าเด็กสาวก็เริ่มทำตัววี้ดว้ายขึ้นทันที