ตอนที่แล้วบทที่ 62 ทำไมเขาจึงยอมถูกเธอใช้งานเล่า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 64 ความโกรธของเย่โม่

บทที่ 63 จากลา


“หว่านชิง  ขยับมาทางซ้ายของผม”  เย่โม่เคลื่อนตัวฉือหว่านชิงให้มาอยู่ทางซ้ายของตน  เนื่องจากทางขวานั้นมีด้วงเปลือยซ่อนตัวอยู่  มันซ่อนอยู่ใต้หินก้อนหนึ่งพร้อมกับจ้องมองเย่โม่และฉือหว่านชิง  ไม่เพียงหยุดนิ่งไม่หลบหนี  มันยังรอคอยโอกาสเล่นงานเย่โม่ด้วย

แน่นอนว่าฉือหว่านชิงไม่รู้ความคิดของเย่โม่  แต่เขาให้เธอมาทางด้านซ้ายเธอก็ทำตามทันที  เย่โม่รู้ว่ามันเจ้าเล่ห์จึงทำทีเป็นดึงตัวฉือหว่านชิง...เพื่อจะหลอกให้มันคิดว่าไม่มีใครเห็นตอนมันเลื้อยผ่านมาด้านข้าง

ด้วงเปลือยที่เห็นเย่โม่หันหลังให้  มันก็ค่อยๆ เลื้อยเข้ามาเพื่อเตรียมโจมตี  เมื่อเย่โม่เข้ามาในระยะเมื่อไหร่  มันก็จะเปิดฉากโจมตีทันที!

“ต้องระวังตัวขนาดนี้เลย?”   ฉือหว่านชิงถามเสียงเบา

เย่โม่ไม่ตอบ  จังหวะนั้นเองเขาหันหลังพร้อมยื่นมือไปคว้ากลางอากาศ  การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วไร้ที่เปรียบ  กระทั่งฉือหว่านชิงที่อยู่ข้างๆ ยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

เกิดเป็นเสียงร้องดัง ชี่! ของด้วงเปลือยที่พุ่งเข้ามาโจมตีด้านหลังของเย่โม่...มันถูกเขาคว้าจับไว้ได้กลางอากาศพอดี  ราวกับว่ามันเสนอตัวไปอยู่ในมือของเย่โม่ด้วยตัวมันเอง  หากเขาไม่เกร็งพลังปราณไปที่ฝ่ามือล่ะก็...เขาคงไม่อาจจับมันได้อย่างแน่นอน

เมื่อสัมผัสได้ว่าด้วงเปลือยในมือกำลังดิ้นอย่างหนัก  เย่โม่จึงรีบพูดขึ้น  “หว่านชิง  รีบกัดนิ้วตัวเองซะ!  เร็วหน่อย!  เจ้าตัวนี้แรงมันเยอะมาก!”

ด้วงเปลือยรู้ตัวแล้วว่ามันถูกหลอกจึงส่งเสียงร้องออกมาพร้อมดิ้นไม่หยุด  ถ้าหากไม่ได้เป็นคนจับด้วยตัวเองล่ะก็...เย่โม่ต้องไม่เชื่อแน่ว่ามันจะมีแรงมากขนาดนี้  ทั้งที่มันยังอยู่แค่วัยเด็กเท่านั้นเอง

เมื่อฉือหว่านชิงได้เห็นดวงตาสีเขียวของมันก็รู้สึกตกใจจนร่างกายเย็นเฉียบ  เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะถูกกัดแต่อย่างใด  เธอกลัวว่าเย่โม่จะเป็นอันตรายเพียงเท่านั้นเอง  แต่พอได้ยินเสียงตะโกนของเย่โม่แล้วฉือหว่านชิงก็ได้สติขึ้นมา  ถึงจะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่เธอก็รีบกัดนิ้วของตัวเองทันที

เย่โม่หยิบมีดขึ้นมาแล้วกรีดตรงกลางหัวของด้วงเปลือย  เลือดของมันไหลออกมา  เย่โม่นำเลือดจากนิ้วมือของฉือหว่านชิงมา 1 หยด  เขาทามันบนมีดแล้วทำมือเป็นมุทรา (ท่าทางแสดงสัญลักษณ์ทางพิธีกรรม) หลากหลายเปลี่ยนแปลงไม่หยุด  ราวกับว่าเขากำลังร่ายเวทมนต์ใส่เจ้างูน้อยอย่างไรอย่างนั้น

ฉือหว่านชิงมองการกระทำของเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึงและไม่กล้าพูดอะไรออกมา  เธอกระทั่งเห็นว่าบนหน้าผากของเย่โม่มีเหงื่อไหลซึมออกมา  เธออยากจะช่วยเช็ดเหงือพวกนั้นออกแต่ก็กลัวว่าจะทำให้เย่โม่เสียสมาธิ  ในใจรู้สึกสงสัยว่าเย่โม่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?  การขยับมือเป็นสัญลักษณ์ท่าทางต่างๆ นั้นดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก  กระทั่งให้ความรู้สึกลึกลับเหนือธรรมชาติอยู่บ้าง  แต่ถึงยังไงฉือหว่านชิงก็เชื่อใจเย่โม่อยู่ดี

ด้วงเปลือยที่ดิ้นรนอยู่ก็ค่อยๆ สงบนิ่งลง  สุดท้ายมันก็หยุดเคลื่อนไหว  หลังจากเย่โม่วางมันลง  เจ้าด้วงเปลือยก็พุ่งไปที่เท้าของฉือหว่านชิงทันที  นี่ยังไม่เท่าไหร่...มันยังใช้หัวแหลมๆ ของมันดุนรองเท้าของฉือหว่านชิง  คล้ายกับกำลังแสดงท่าทีสนิทสนม

ฉือหว่านชิงกำลังมองเย่โม่เหงื่อออกด้วยท่าทีกระวนกระวาย  เธอคิดไม่ถึงว่าเจ้างูตัวนั้นจะพุ่งเข้ามาหาเธอ  ฉือหว่านชิงรู้สึกตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

โชคดีที่เสียงของเย่โม่ดังขึ้นทันเวลา  “ตอนนี้มันเชื่องแล้ว  แต่เธอไม่มีจิตสัมผัส...ไม่สิ  เธอสามารถพูดคุยกับมันได้ปกตินั่นแหละ  วางใจเถอะ  มันจะไม่โจมตีคนธรรมดาแล้ว  ยกเว้นว่าเธอจะสั่งมันน่ะนะ”

เย่โม่รู้ว่าฉือหว่านชิงไม่ใช่ผู้ฝึกปราณ  เธอไม่มีจิตสัมผัสแน่นอน  ถึงแม้จะเขาจะให้ด้วงเปลือยกับฉือหว่านชิงทำสัญญานายบ่าวกันแล้วก็ตาม  แต่เธอก็ทำได้เพียงออกคำสั่งมันด้วยเสียงเท่านั้น  แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็คงออกคำสั่งมันทางจิตได้เอง

ฉือหว่านชิงที่เห็นว่าเจ้าด้วงเปลือยตัวนี้ไม่ได้มีท่าทีจะโจมตีเธอจริงๆ จึงได้เบาใจลง  “อา...พี่ใหญ่เย่   พี่รู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไง?  เรื่องที่พี่พูดฟังดูแล้วแปลกประหลาดลึกลับอยู่บ้างจริงๆ”

เย่โม่หัวเราะออกมา  “ที่จริงแล้วนี่ก็แค่วิชาพื้นบ้านทั่วๆ ไปน่ะ  ผมเองก็เรียนมานิดหน่อย  แต่วิชานี้ไม่ใช่ว่าทำให้สัตว์ทุกตัวเชื่องได้หรอกนะ  ใช้ได้กับสัตว์ชนิดพิเศษเท่านั้น  เจ้าด้วงเปลือยตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น”

“ด้วงเปลือย?”  ฉือหว่านชิงคิดไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งที่คล้ายงูตัวนี้จะมีชื่อที่แปลกประหลาดขนาดนี้

“ฉันจะเรียกมันว่าหมาป่าน้อยก็แล้วกัน  มันจะไม่กัดคนอื่นใช่ไหม?”  ฉือหว่านชิงรู้สึกสนใจขึ้นมา   แต่เธอก็ยังรู้สึกเป็นกังวลกับความดุร้ายของมันอยู่บ้าง...ไม่ใช่ว่าใครก็เป็นเหมือนกับเย่โม่ที่สามารถรักษาพิษจากมันได้

“ไม่กัดหรอก”  แน่นอน...เย่โม่รู้ว่าต่อให้ด้วงเปลือยไม่ถูกทำให้เชื่อง  มันก็ไม่มีทางกัดคนทั่วไปอย่างแน่นอน  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าตัวนี้ถูกเขาจับทำสัญญานายบ่าวกับฉือหว่านชิงแล้ว  เขาคิดสักพักแล้วพูดต่อ  “จากนี้ให้มันกินหน่อไม้ก็พอแล้ว สลับกับปล่อยให้มันออกไปหาอะไรกินเองบ้าง  คนทั่วไปไม่มีทางจับมันได้แน่นอน”

เย่โม่และฉือหว่านชิงเดินทางกลับไปที่เต็นท์  ส่วน 3 คนที่เหลือรู้สึกว่าการที่เย่โม่ช่วยฉือหว่านชิงจับสัตว์เลี้ยงที่ร้ายกาจแบบนี้...พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก  พวกเขาพากันล้อมวงพินิจพิเคราะห์เจ้าด้วงเปลือยครั้งแล้วครั้งเล่า  สุดท้ายหลูหลินจึงช่วยทำกระเป๋าใบเล็กๆ ให้มันเข้าไปอยู่

..........

เดิมทีแล้วเย่โม่คิดไว้ว่าแค่มาส่งพวกเขาออกจากป่าก็ไม่มีอะไรแล้ว  แต่เพราะเรื่องของฉือหว่านชิงเย่โม่จึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก  เขาตามมาส่งฉือหว่านชิงและพวกกัวฉี่ต่อ

ถึงแม้ฉือหว่านชิงจะชอบความรู้สึกที่ได้อยู่บนหลังของเย่โม่ก็จริง  แต่ตอนนี้เธอหายดีแล้ว...คงจะไม่ดีนักหากจะปล่อยเย่โม่แบกเธอต่อแบบนี้  ฉือหว่านชิงจึงได้แต่จำใจลงมาเอง

ผ่านมาได้ 2-3 วัน  ในทุกๆ วันเย่โม่ได้สอนวิชาและเทคนิคให้ฟางเว่ยเล็กน้อย  ภายหลังกัวฉี่และหลูหลินก็มาร่วมเรียนรู้ด้วย  สิ่งที่เย่โม่สอนล้วนธรรมดาง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานได้จริง  เขายังสอนเทคนิคการหายใจอย่างง่ายๆ ให้ด้วย  ถึงแม้จะไม่สามารถใช้ฝึกปราณได้  แต่หากทำไปเป็นเวลานาน...ก็อาจจะสามารถก่อให้เกิดกำลังภายในได้บ้าง

ตกดึก...หลังจากที่พวกกัวฉี่สร้างที่พักผ่อนอย่างง่ายๆ และเรียนรู้จากเย่โม่แล้ว  ฟางเว่ยที่เห็นฉือหว่านชิงไม่มาเรียนด้วยก็เอ่ยปากถาม  “พี่ฉือ ทำไมไม่มาเรียนด้วยกันล่ะ?”

หลูหลินตบหัวฟางเว่ยไปทีหนึ่ง  “หว่านชิงเขาเรียน 2 ต่อ 2 กับเย่โม่  นายจะพูดหาพระแสงอะไรหะ?”

ฉือหว่านชิงที่ให้อาหารด้วงเปลือยอยู่ก็หน้าแดงก่ำ  เธอเหลือบมองเย่โม่แวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เย่โม่ยิ้มบางๆ  ถึงแม้เขาจะไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของหลูหลิน  แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะสอนฉือหว่านชิงเป็นการส่วนตัวเช่นเดียวกัน  ถ้าตรงนี้มีกระดาษและปากกาล่ะก็...ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเขียนวิธีหายใจแล้วให้ฉือหว่านชิงอ่านเอาเองไปแล้ว  แต่ในเมื่อไม่มีก็แล้วไปเถอะ

ฉือหว่านชิงเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือเขา  เย่โม่จึงรู้สึกดีกับเธอมาก  อีกอย่างถึงแม้ฉือหว่านชิงจะเป็นทหาร  แต่เธอก็ดูจะติดเขาแจอยู่บ้าง  แต่มีเพียงเย่โม่ที่รู้ดีว่าเรื่องของฉือหว่านชิงกับเขานั้นเป็นไปไม่ได้  ในใจของเขามีลั่วอิ่งอยู่แล้ว  ต่อให้ผู้หญิงคนอื่นจะดีแค่ไหนก็ไม่มีทางฝังรากในจิตใจของเขาได้  เหตุผลเดียวที่เขาจับด้วงเปลือยให้เธอก็เพื่อตอบแทนที่ช่วยเขาก็เท่านั้น

ต้องรู้ก่อนว่าด้วงเปลือยเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเย่โม่ในตอนนี้มาก  ถึงยังไงพลังที่แท้จริงของเขาตอนนี้ก็ยังไม่สูงมาก  คนที่เก่งกว่าเขายังมีอยู่อีกเยอะ  มีด้วงเปลือยคอยช่วยจะยิ่งปลอดภัย  แต่เพื่อตอบแทนน้ำใจของฉือหว่านชิงแล้วก็เลือกที่จะมอบมันให้กับเธอ

เข้าสู่วันที่ 11 พวกเขาก็ได้เจอกับคนที่มารับพวกเขาแล้ว  ถึงตรงนี้เย่โม่ก็บอกลาพวกกัวฉี่

“พี่ใหญ่เย่  ถ้ามีเวลาว่าง...จำไว้ว่าพี่ต้องไปช่วยญาติของฉันที่ลั่วชางให้ได้นะ”  คนที่ยังตัดใจไม่ได้ที่สุดก็คือฉือหว่านชิง  เธอรู้สึกว่าหากเย่โม่จากไป...บางอย่างในใจเธอก็จะจากตามเขาไปด้วย  แต่เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเขาให้อยู่ต่ออีกแล้ว  ได้แต่เพียงหวังว่าเขาจะไปบริษัทที่แม่ของเธอก่อตั้งไว้ให้  หากเย่โม่ไปที่บริษัทจริง...บางทีเธออาจจะหาโอกาสออกจากกองทัพแล้วกลับไปที่นั่นก็เป็นได้

เย่โม่รู้สึกจนใจเมื่อเห็นแววตาเว้าวอนของฉือหว่านชิง  เขาไม่อาจหักใจทำให้เธอผิดหวังจึงได้แต่พยักหน้าตอบรับ  แต่ในใจนั้นเขารู้ดี  จากกันคราวนี้คงยากจะพบกันอีกครั้ง  เพราะเขายังต้องเลี้ยงดู  หญ้าหัวใจสีเงิน ...อย่างน้อยก็กินเวลา 2-3 ปี

ฉือหว่านชิงมองแผ่นหลังของเย่โม่ที่ค่อยๆ หายลับไปในป่า  เธอรู้สึกได้ถึงความเคว้งคว้างอันลึกล้ำ   อารมณ์และจิตใจของเธอตอนนี้ย่ำแย่จนถึงที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด