บทที่ 29
สิ้นเสียงมู่ซุนกวน ผู้คนด้านล่างต่างเงียบไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยราคาก่อน เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกับผู้มีอำนาจที่อยู่ห้องด้านบนทั้งเก้าห้อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มจากห้องที่เก้าเอ่ยวาจาเสียงดัง
“ข้าให้ราคาหนึ่งหมื่นหนึ่งตำลึงทอง”
ผู้คนด้านล่างต่างหัวเราะชอบใจกับราคาที่มีผู้เอ่ย ไม่นานก็มีเสียงจากห้องชั้นบนเอ่ยราคาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ราคาก็พุ่งสูงไปจนถึงสามหมื่นตำลึงทอง โดยผู้ที่ให้ราคาสูงสุดเป็นหมอปีศาจโจวหยูเหวินที่อยู่ห้องที่เจ็ด
เสียงสบถดังลั่นออกมาจากห้องอีกหกห้องที่เหลือ แน่นอนว่าราคาที่พุ่งสูงเช่นนี้ทำให้ชายชราเนี่ยกังยกยิ้มชอบใจอยู่ไม่น้อย แต่นั่นก็ยังสร้างความไม่พอใจต่อเด็กหนุ่มเนี่ยฟงมากนัก ไม่นานเด็กหนุ่มเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาอีกครั้ง
“ข้าให้ราคาสามหมื่นหนึ่งตำลึงทอง”
สิ้นเสียงจากห้องที่เก้าผู้คนมากมายต่างหันไปจ้องมองที่ห้องที่เก้าด้วยสายตาเดียวกัน แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้สร้างความไม่พอใจแก่หมอปีศาจโจวหยูเหวินไม่น้อย
“บัดซบ เจ้าเด็กน้อยห้องที่เก้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด แต่ในเมื่อเจ้าคิดสู้ข้าก็จะสู้กับเจ้า สามหมื่นห้าพันตำลึงทอง”
“สามหมื่นห้าพันหนึ่งตำลึงทอง”
“สี่หมื่นตำลึงทอง”
“สี่หมื่นหนึ่งตำลึงทอง”
หมอปีศาจโจวหยูเหวินแสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ห้าหมื่นตำลึงทอง”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องหมอปีศาจโจวหยูเหวินกันไปจ้องมองที่ห้องที่เก้า หวังจะให้เด็กน้อยในห้องกล่าววาจาเพิ่มเงิน แต่ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากห้อง จนในที่สุดมู่ซุนกวนก็กล่าวประกาศเสียงดังลั่น
“ยาทั้งสองเม็ดนี้เป็นของหมอปีศาจโจวหยูเหวิน ห้าหมื่นตำลึงทอง”
หมอปีศาจโจวหยูเหวินถึงกับหน้าถอดสี ก้มหน้าดูปลายเท้าของตัวเอง อีกทั้งยังกำหมัดในมือแน่น เด็กหนุ่มเนี่ยฟงแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ชายชราเนี่ยกังถึงกับตื่นตกใจ เม็ดยาเพียงแค่สองเม็ดทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วเม็ดยาที่ตนปรุงเสร็จแล้วอีกนับร้อยจะขายได้ราคาเท่าไร ในระหว่างนั้นก็ยังคงมีสินค้ามากมายออกมาประมูล แต่ก็ไม่มีสิ่งใดพอจะเรียกเงินจากเด็กหนุ่มเนี่ยฟงได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นแก่นพลังปราณหรือสมุนไพร เด็กหนุ่มล้วนแล้วแต่มีมากพอ ไม่นานสิ่งที่ทุกคนรอคอยที่จะได้พบเห็นก็ถูกนำออกมา โดยมีชายฉกรรจ์สองนายถือกล่องไม้เดินเข้ามายืนอยู่กลางเวที ทันทีที่เปิดกล่องไม่ออกมาก็พบเห็นดาบอยู่หนึ่งเล่ม มู่อั่วหลานรีบกล่าวออกมาเสียงดัง
“อย่างที่ทุกท่านเห็นดาบเล่มนี้เป็นดาบที่ลงสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถของมันก็คือสามารถฟันออกไปแล้ว มีปราณดาบออกมาเพิ่มอีกหนึ่ง หากกล่าวเช่นนี้พวกท่านคงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นไร ข้าจะทดสอบให้พวกท่านได้ชมกัน”
ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรีบโบกสะบัดมือนำหุ่นไม้ขนาดเท่าคนจริงออกมาแล้วเดินไปอยู่ที่ฝั่ง ส่วนชายฉกรรจ์อีกผู้หนึ่งถือดาบไว้ในมือ โคจรลมปราณไปที่ดาบในมือขวาไม่ถึงสี่ลมหายใจ ยกดาบขึ้นฟันออกไปด้านหน้า ปราณดาบสีขาวพุ่งออกไปพร้อมกันสองเล่ม เปรี้ยง ตูม หุ่นไม้ถึงกับระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กๆ ผู้คนมากมายต่างจ้องมองไปที่หุ่นไม้ที่ถูกทำลายอย่างไม่วางตา
“อย่างที่ทุกท่านเห็นความสามารถของดาบเล่มนี้ ส่วนผู้ที่นำมาลงประมูลเริ่มต้นที่ หนึ่งตำลึงเงิน”
เสียงตะโกนโห่ร้องดีใจดังสนั่นออกมาจากห้องประมูล เพราะราคาที่ตั้งไว้ถูกจนเกินไป แน่นอนว่ามันเป็นความตั้งใจของเด็กหนุ่มเนี่ยฟงเองเช่นกัน ราคาเริ่มขยับขึ้นทีละน้อย ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามก็เริ่มที่จะดุเดือดมากยิ่งขึ้นเพราะตอนนี้ราคาของมันสูงถึงหนึ่งแสนตำลึงทองเสียแล้ว ส่วนผู้ที่ให้ราคาเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในห้องสาม ผู้คนต่างเรียกขานชายหนุ่มผู้นี้ว่าองค์ชายสี่ เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของราชาผู้ปกครองเขตดินแดนแห่งสายลม ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศของมู่อั่วหลาน เด็กหนุ่มเนี่ยฟงก็แสยะยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆให้แก่ผู้เป็นปู่
“ท่านปู่ ท่านคิดว่าดาบอีกสองเล่มที่เหลือจะทำเงินได้อีกสักเท่าไรขอรับ”
“เหอะ ขนาดดาบเล่มนี้ยังราคาเท่านี้ แล้วดาบอีกสองเล่มที่มีพลังของปราณธาตุด้วย ข้าคิดไม่ออกเลยว่าราคาของมันจะพุ่งแค่ไหน”