บทที่ 14 ผลตัดสิน!
บทที่ 14 ผลตัดสิน!
พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย มันเกิดจากพลังปะทะกันของสองผู้สืบทอด เหล่าผู้ชมต่างมองการประลองของทั้งคู่ที่มาถึงบทสรุปแล้ว โดยเฉพาะเหล่าผู้สืบทอดทั้งหลายที่ได้เห็นพลังของระดับสร้างรากฐาน ต่างเต็มไปด้วยเลือดที่เดือดพล่าน เพราะอีกไม่นานพวกเขาจะได้มาถึงระดับนี้แล้ว เมื่อรู้สึกว่าตนเองจะได้ครอบครองพลังมากมายเช่นนี้ ต่างก็ตื่นเต้นกันเป็นธรรมดา
ยกเว้นเพียงกุนไท่ที่ยังคงความสงบนิ่ง ไม่สนใจกับพลังของพวกเขา แต่สิ่งที่เขาสนใจคือรูปแบบการต่อสู้ของแต่ละคน ที่เขาต้องเรียนรู้เอาไว้ แล้วนำปรับมาใช้ในรูปแบบของตนเอง
และแล้วผลแพ้ชนะก็ปรากฏให้เห็น ฮุ่ยเจินเป็นฝ่ายพ่ายไปเขาไม่สามารถรับการโจมตีของอาวุธคู่กายได้ ฮุ่ยเจินนอนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง พลางกระอักเลือดออกมาหลายต่อหลายครั้ง ตรงหน้าอกมีรอยกระบี่ที่แท่งลึกไปถึงกระดูก แต่ไม่ได้โดนจุดสำคัญของร่างกาย
เรื่องนี้หมิงเซียนเลือกจุดโจมตีไว้แล้ว เขาไม่เผลอพลั้งมือฆ่าฮุ่ยเจิน เพราะระหว่างพวกเขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน เขายอมรับฮุ่ยเจินว่าเป็นคู่ปรับ และเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อที่เอาไว้ขัดเกลาฝีมือของเขาให้ดียิ่งขึ้น แต่สภาพของหมิงเซียนก็ยับเยินเฉกเช่นเดียวกัน เขาใช้กระบี่ยันพื้นไว้เพื่อไม่ทำให้ตนเองล้มลง ถึงแม้จะกระอักเลือดออกมา แต่กลับไม่ได้รับอันตรายมากนัก
“ผู้ชนะ หมิงเซียนจากทวีปสวรรค์ลับแล!”
ผู้ตัดสินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่ได้สนใจอะไร สำหรับพลังของทั้งคู่อาจจะเรียกว่าแข็งแกร่ง หากเทียบกับผู้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ในสายตาของเขายังมีอัจฉริยะบางส่วนจากทวีปมหันตภัยเหนือพิภพที่เหนือกว่าขั้นหนึ่ง และจำนวนของมันไม่น้อยเลย!
เหล่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ต่างเดินมาแสดงความยินดีกับผู้นำของทวีปสวรรค์ลับแลอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาเหล่านั้นต้องการสร้างสายสัมพันธ์ต่างๆนาๆ เพื่อผลประโยชน์แก่พวกเขาเอง
ฉากนี้สำหรับกุนไท่ และกุนจวินนั้นต่างมองด้วยสายตาเย้ยหยัน เพราะการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีจริงๆนั้นอไม่ใช่ไปหาอีกฝ่ายจากความสำเร็จ แต่ไปหาอีกฝ่ายตอนที่ยากลำบากต่างหาก
จะมีคำพูดหนึ่งที่ว่า เมื่อเราประสบความสำเร็จจะมีเพื่อนมากมาย แต่เมื่อเราล้มเหลวจะไม่มีใครอยู่ข้างเรา!
“ไท่เอ่อร์ หากลูกเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถเอาชนะได้ก็จงยอมแพ้เข้าใจหรือไม่ ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจะยอมรับในสถานที่การณ์ที่พบเจอ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พยายามเอาชนะ แม้จะแพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะเจ้ายังเยาว์นักประสบการณ์ต่างหากที่สำคัญที่แท้จริง!”
กุนจวินกล่าวขึ้นตักเตือน และสั่งสอนในเวลาเดียวกัน
“ข้าจะทำตามที่ท่านพ่อสั่งสอน!”
กุนไท่ตอบกลับไปอย่างเคารพ เขาเข้าใจคำพูดของบิดาเป็นอย่างดี เด็กหนุ่มได้เข้าไปเรียนรู้ในโลกแห่งความฝันแล้ว เขาเคยหนีตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และยอมรับไปหลายครั้งหลายคราแล้วว่าตนนั้นด้อยพลังเพียงใด ที่ต้องฝึกนั้นไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่ต้องขัดเกลาทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณเข้าไปด้วย
การต่อสู้รอบต่อไปไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอีก แต่ละคนเป็นผู้สืบทอดอายุแค่สิบสี่ถึงสิบเจ็ดปีเท่านั้น ระดับบ่มเพาะแค่ขั้น 6-11 ของระดับพลังมนุษย์ มีส่วนน้อยที่มีระดับถึง ขั้น 12 อย่างกุนไท่ แล้วส่วนมากอายุพวกเขานั้น 18-20 ทุกคน มีเพียงกุนไท่ผู้เดียวเท่านั้นที่อายุแค่เพียงสิบห้าปี!
กุนไท่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกสามรอบติดโดยเพียงแค่ใช้กลิ่นอายของเขาเท่านั้น ผู้สืบทอดที่เข้าร่วมมีทั้งหมดสี่สิบแปดคน ตอนนี้เอาชนะไปได้สามรอบแล้ว และหากเอาชนะไปได้อีกแค่คนเดียวก็จะสามารถไปถึงสิบอันดับแรกไปได้ในทันที!
กุนไท่ยังคงพูดคุยกับเหล่าสหายผู้สืบทอดคนอื่น มันมีทั้งบุรุษ และสตรี แต่ขณะที่เขากำลังพูดคุยอยู่นั้น เสียงของผู้ตัดสินพลันดังขึ้น
“การประลองรอบต่อไป ผู้สืบทอดเพียงผู้เดียว กุนไท่ จากทวีปอรุณเบิกฟ้า และเยว่ฉี ผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวจากทวีปเอกพิภพ ขึ้นมาบนลานประลองได้”
พริบตานั้นบนลานประลองปรากฏดรุณีงดงามผู้หนึ่ง อายุราวสิบแปดสิบเก้าปี ผิวขาวเรียบเนียน ดวงตาสีฟ้าสองประกายสวยงามล้ำค่า เส้นผมสีดำที่รวมมัดไว้ด้านหลัง เพิ่มความงดงามที่ตระการตาขึ้นไปอีก
“นางช่างงดงามอย่างแท้จริง!”
“การประลองของนางที่ผ่านมาคู่ต่อสู้ไม่สามารถรับหนึ่งกระบวนท่าจากนางได้เลย!”
บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายต่างมองนางด้วยความชื่นชมต่อความงามของนาง แต่ก็มีบางส่วนที่สายตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่แอบมีความคิดเรื่องไม่ดีไว้ในหัว
กุนไท่ปรากฏตัวขึ้นบนลานประลองด้วยเช่นกัน ด้วยรูปร่าง และความหล่อเหลาของเขานั้น ทำให้สตรีหลายคนต่างหลงใหล ทั้งพลัง ทั้งหน้าตา และสถานะที่ทวีปอรุณเบิกฟ้าใกล้จะได้เป็นทวีปขนาดใหญ่แล้ว ใครเล่าจะไม่อยากได้เป็นสามีของพวกนางในอนาคตกัน?
“ท่าน และข้าต่างยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาเลยสักครา ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง”
เยว่ฉีเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสที่สตรีแรกแย้มควรพึงมี
“แน่นอน แม่นางเยว่ฉีเรามาเริ่มกันเถอะ!”
กุนไท่เต็มไปด้วยความต้องการสู้ กลิ่นอายที่รุนแรงของเขานั้นครอบคลุมทั่วทั้งสนามประลอง หากสนามประลองไม่มีม่านคุ้มกันไว้ คงทำให้หลายคนจะต้องนอนหลับฝันกลางวันไปแล้วเป็นแน่
เยว่ฉีไม่แยแสต่อกลิ่นอายนี้ นางมีพลังที่สามารถต่อต้านกลิ่นอายนี้ได้เป็นคนแรก! และสามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย เหมือนว่ามันไม่จำเป็นต้องลำบากอะไรเลย นางมีระดับพลังมนุษย์ ขั้น 12 เหมือนกับคู่ต่อสู้คนแรกของกุนไท่ แต่นางกลับแข็งแกร่งกว่ามากนัก จนเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
กุนไท่พลันยิ้มอย่างดีใจที่มีผู้ที่สามารถต่อต้านกลิ่นอายของเขาได้ เขาคิดว่าจะมีเพียงระดับสร้างรากฐานอย่างหมิงเซียน หรือฮุ่ยเจินแค่สองคนนั้นเสียอีก ที่สามารถต้านทานได้ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสตรีผู้นี้จะต้านทานได้เช่นเดียวกัน
เยว่ฉีปล่อยพลังปราณที่แข็งแกร่งออกมา ก่อนจะสำแดงวิชาต่อสู้ของตนเอง
ระดับสามัญชน ขั้นต้น! วิชาหัตถ์โลหิต!
เพียงพริบตา ลมปราณก่อตัวเป็นหัตถ์สีเลือดขนาดเท่าตัวคน มันพุ่งตรงไปที่กุนไท่อย่างน่าสะพรึง!