ภาค3 บทที่1 เมืองนี้เป็นเมืองแบบนั้นแหละ (ฟรี)
ภาค3 บทที่1 เมืองนี้เป็นเมืองแบบนั้นแหละ
เริ่มบทใหม่
หลังจากที่ออกมาจากเมืองแห่งเวท ผมก็มุ่งหน้ากลับบ้านตามที่วางแผนเอาไว้ โดยการบินไปในท้องฟ้า
ในเมื่อผมเรียนเวทบินมาแล้ว จะไม่ใช้ได้ยังไงล่ะ มันเร็วกว่าเดินทางด้วยรถม้าเยอะเลย
แถมไม่เพียงแค่ความเร็ว มันยังดีกว่าด้วยจากการที่สามารถพุ่งตรงไปอย่างเดียวได้ ทางด่วนที่ตัดผ่านป่าและภูเขา ทำให้ระยะทางนั้นสั้นลงอย่างมหาศาลเลย แถมยังข้ามแม่น้ำที่ไม่มีสะพานได้อีกด้วย
ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาแค่หนึ่งในสิบจากปกติเท่านั้นเอง
“...หืม? นั่นเมืองนี่”
ผมเจอเมืองอยู่ข้างหน้า
ผมจำไม่ได้ว่าเคยมา มันคงจะเป็นเมืองที่ผมไม่ได้มาหยุดพักตอนก่อนหน้านี้แน่ๆ
แม้ว่ามันจะเล็กกว่าถ้าเทียบกับเมืองเวทมนตร์ แต่มันก็ยังมีกำแพงที่ดูดีแล้วก็มีคนอยู่หลายพันคน
ผมตัดสินใจแวะดู ผมรู้สึกหิวแล้วก็อยากจะได้อาหารเสร็จใหม่ๆด้วย ผมมีอาหารสำรองเยอะก็จริง แต่ก็เบื่ออาหารแห้งแล้ว
ผมร่อนลงไป
เมืองหลายๆเมืองนั้นจะเก็บค่าเข้า ก็อาจจะไม่ต้องจ่ายถ้าเข้าไปจากท้องฟ้า แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่อง ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
“อืม มีสองประตูแฮะ”
ผมหยุดฝีเท้าลง ทั้งสองประตูนั้นสามารถเข้าเมืองได้ แต่ว่ารูปร่างของมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
ข้างนึงนั้นมีคนจำนวนมากผ่านไปผ่านมาในรูปร่างอันงดงามของมัน เพดานนั้นสูง และกำแพงก็ถูกแกะสลักเป็นรูปสลักอันงดงาม
◇ ◈
ส่วนอีกทางนึงนั้นมันแคบมาก ขนาดที่ว่าหากจะเดินเข้าไปพร้อมๆกันล่ะก็ มีโอกาสเดินชนกันสูงมากแน่ๆ เพดานมันต่ำ และหัวอาจจะชนได้ถ้าตัวคุณสูงพอ
ไม่มีการตกแต่งใดๆทั้งสิ้น แถมยังดูซอมซ่อ เหมือนกับแค่ขุดเป็นทางเดินสี่เหลี่ยม
คนทั้งหมดนั้นต้องโดนตรวจ แต่ว่าประตูที่งดงามนั้นมันก็ว่าง และคนก็เดินผ่านไปอย่างลื่นไหล โดยที่ไม่จำเป็นต้องต่อแถวเลย
ต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่ประตูซอมซ่อนั้นมีแถวยาวอยู่
“มีให้เลือกไม่ใช่เหรอ”
ผมเดินเข้าไปทางประตูที่ดูดีนั่น
แล้วจะไปต่อแถวให้ยุ่งยากกันทำไมล่ะ?
แล้วในตอนนั้นเอง ยามเฝ้าประตูก็หยุดผมเอาไว้
“คุณเป็นนักเดินทางเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเสียค่าเข้า อาชีพอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
จู่ๆผมก็ถูกถามอาชีพ
จะตอบมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่ามันค่อนข้างที่จะหยาบคายนิดหน่อย
ถึงมันจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือซักเท่าไหร่ล่ะนะ
“ถ้าไม่ตอบคุณก็จะเข้าเมืองไม่ได้นะ แล้วการโกหกอาชีพจะนับเป็นโทษร้ายแรงด้วย”
“โทษร้ายแรง? ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เมืองนี้เป็นแบบนั้นแหละ”
อืม ผมต้องตอบแล้วก็จ่ายค่าเข้า เพราะงั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“ผมไม่มีอาชีพน่ะ”
เมื่อผมบอกพวกเขา เหล่าทหารยามก็ดูเหมือนจะนิ่งค้างกันทันที
“...จริงเหรอ?”
“ใช่แล้ว ผมต้องแสดงบัตรยืนยันด้วยรีเปล่า?”
“ไม่ ไม่ต้องทำหรอกเพราะว่าเดี๋ยวจะต้องโดนตรวจอีกทีตอนเข้าไป”
ถึงขนาดจะต้องตรวจตอนเข้าเมืองด้วยเลยงั้นเหรอ
มันก็ลำบากอยู่นะ แต่ว่ามันก็คงจะเป็นการกันเหล่าอาชญากรไม่ให้มาล่ะนะ
“ถ้าหากว่าอยากจะเข้าเมืองล่ะก็ ต้องเข้าผ่านทางประตูนั่น”
ทหารยามชี้ไปทางประตูแคบๆ
“อีกประตูดูเหมือนจะว่างนี้?”
“ขอโทษด้วยแต่ว่าคุณเข้าทางนั้นไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะผ่านไปไม่ได้หรอกนะ แต่ว่าคุณจะโดนไล่กลับแล้วก็ต้องทำงานเป็นสองเท่าจากเดิมด้วย”
“งั้นเหรอ”
มันดูแปลกๆ แต่ว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่ได้โกหก
ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นจะต้องโกหกหรอก
“ฉันไม่อยากจะพูดอะไรที่มันเลวร้ายไปกว่านี้หรอกนะ แต่ว่าเมืองนี้มันไม่ใช่เมืองสบายๆสำหรับคุณหรอก ถ้าเป็นไปได้ ไปหาเมืองอื่นคงจะดีกว่า.... แต่ถ้าไม่มีทางอื่นล่ะก็ หวังว่าจะชอบนะ”
ยามเฝ้าประตูจากไปและทิ้งคำแนะนำเอาไว้
หมายความว่ายังไงกันแน่?
ก็นะ หยุดคิดไม่ได้เลย
อันที่จริงแล้ว ผมรู้สึกกังวลเลยล่ะ ดังนั้นผมจึงต่อแถวเข้าไปทางประตูโทรมๆนั่นอย่างที่ถูกบอกมา
แถวขยับไปด้วยความยากลำบากเพราะว่าทุกคนจะต้องโดนตรวจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้อุปกรณ์เวทที่เรียกว่าเครื่องประเมิน แต่ว่ามันเป็นเครื่องมีที่ค่อนข้างจะหายากล่ะนะ
มันมีอยู่มากตรงประตูใหญ่นั่น แต่ว่าดูเหมือนว่าจะมีอยู่เครื่องเดียวตรงนี้
หลังจากรอไปประมาณ40นาที ในที่สุดก็ถึงตาผม
“จะตรวจอาชีพล่ะนะ”
“อาหะ”
“....นี่มัน...”
ผู้ตรวจที่เห็นผลการประเมินสูดลมหายใจเข้าลึก
และหัวเราะออกมาเสียงดัง
“นี่เป็นบัตรสำหรับผู้อาศัยชั่วคราว ค่าเข้าคือ3เหรียญเงิน”
ผมจ่ายข้าเข้าพร้อมกับหยิบบัตร
เมื่อผมดูที่บัตร มันก็มีคำว่า “ผู้อาศัยชั่วคราว (ระดับหก)” เขียนไว้อยู่
“อะไรคือระดับงั้นเหรอ?”
“มันเหมือนกับสถานะของคุณในเมืองนี้น่ะ ผู้อยู่อาศัยชั่วคราวก็จะถูกปฏิบัติตามระดับที่ได้รับด้วยเช่นกัน”
เมื่อผมเข้าไปในเมืองผ่านประตูแคบๆนี้ พร้อมกับคิดว่าระบบนี้มันแปลกจริงๆ
เมืองนี้มันก็ดูเหมือนกับเมืองธรรมดา อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนมากที่มองลงพื้นตอนเดินไปมาราวกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่
กลับกัน มีบางคนที่เดินไปมาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆด้วย
ดูเหมือนว่าผมจะได้รับความประทับใจแปลกๆล่ะนะ
ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะอยู่เมืองเดียวกัน
“....คุๆๆๆ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความต้องการในแง่ลบของมนุษย์ เป็นเมืองที่ดีจริงๆสำหรับปีศาจ”
แมตตี้พึมพำอย่างมีความสุข
ในตอนนี้ ผมกำลังหาร้านอาหาร
และก็เจอในทันที มันเป็นร้านเล็กๆที่ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง
ผมกำลังหิว เพราะงั้นที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ผมจึงเดินเข้าไปในร้าน และเมื่อเข้าไปได้นั่นเอง
“หา? ระดับหก? ไม่ไม่ พวกเรารับแค่ลูกค้าระดับสามหรือมากกว่าเท่านั้น”
ถูกไล่ออกมา
“เฮี๊ยกฮ่าๆๆๆๆๆ ถูกไล่ออกมาต่อหน้าข้าเลย--------อ๊าาาาาา!?”
ผมพึมพำพร้อมกับบีบแมตตี้
“.....มีการแบ่งแยกการเข้าด้วยระดับงั้นเหรอ?”