ตอนที่แล้วบทที่ 61 หรือเป็นแค่การตอบแทน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 จากลา

บทที่ 62 ทำไมเขาจึงยอมถูกเธอใช้งานเล่า?


ตอนที่เย่โม่และฉือหว่านชิงกลับมาถึง  หลูหลินและพวกกัวฉี่ก็กำลังนั่งรออย่างกระวนกระวาย  เมื่อเห็นทั้ง 2 เดินออกมาพวกเขาจึงค่อยถอนหายอย่างโล่งอก  คนในทีมจาก 6 คนได้เสียสละชีวิตไปแล้วถึง 2 คน   หากมาถึงตรงนี้แล้วยังเสียฉือหว่านชิงไปอีกคนล่ะก็...นั่นคงถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่แล้ว

อีกอย่าง...ฐานะของฉือหว่านชิงยังไม่ธรรมดาอีกด้วย  หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอล่ะก็…อย่าว่าแต่หลูหลินรับจะผิดชอบไม่ไหวเลย  แม้แต่หัวหน้าของเธอก็คงรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหวเช่นกัน  โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หัวหน้าหลู  พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ  ผมต้องขอตัวสักพัก”  เย่โม่พูดจบ  โดยไม่รอให้คนที่เหลือตอบกลับ  เขาเดินเข้าไปในป่าทันที  เขารู้สึกสนใจด้วงเปลือยตัวนี้ขึ้นมา

สถานที่ที่มีด้วยเปลือยอยู่  นั่นก็แปลว่าต้องมีหญ้าวิญญาณอยู่แถวนั้นแน่นอน  หรือต่อให้หาหญ้าวิญญาณไม่เจอจริงล่ะก็...จับด้วงเปลือยตัวนี้มาก็ไม่เลวเหมือนกัน  ต่อให้มันยังไม่ถูกนับว่าเป็นสัตว์อสูรก็ตาม  แต่ก็ยังสามารถทำให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงได้อยู่  สาเหตุก็เพราะมันเป็นสัตว์ที่มีปัญญาอยู่บ้างไม่เหมือนพวกสัตว์ป่าทั่วไป   สามารถทำให้เชื่องได้

ถึงแม้มันจะไม่มีประโยชน์กับเขา  แต่หากจับมันมาก็ยังสามารถให้เป็นของขวัญแก่ฉือหว่านชิงได้อยู่   เรื่องเมื่อครู่ฉือหว่านชิงก็เพิ่งช่วยเขาไว้  เธอเกือบจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ...หาสัตว์เลื้องให้เธอสักตัวก็ถือว่าสมควรแล้ว

“พี่ใหญ่เย่  รอฉันแปปหนึ่ง  ขอฉันไปด้วยคน”  ฉือหว่านชิงหยิบไฟฉายมาแล้วรีบเดินตามเย่โม่

กัวฉี่ที่กำลังจะร้องเรียกฉือหว่านชิงก็ถูกหลูหลินหยุดเอาไว้  “หว่านชิงวางใจเย่โม่มาก  นายดูไม่ออกหรือไง?  สาเหตุที่เธอมีท่าทีเย็นชานั้นส่วนหนึ่งก็มาจากครอบครัว  เย่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา…เขาต้องดูแลฉือหว่านชิงได้แน่นอน  อย่าไปห้ามเธอเลย”

พูดถึงตรงนี้หลูหลินก็หยุดไป  จากนั้นจึงพูดขึ้นอีกครั้ง  “เย่โม่คนนี้...ถ้าชวนเขามาเข้าร่วมทีม ‘เลี่ยอิง’ (เหยี่ยว)ของเราได้ล่ะก็…ในกองทัพคงจะเหลือแค่ไม่กี่ทีมเท่านั้นที่ต่อกรพวกเราได้”

กัวฉี่ส่ายหัว  “หัวหน้าก็เพิ่งพูดเองอยู่หยกๆ ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา  เขาไม่มีทางเข้าร่วมกองทัพแน่นอน  อีกอย่างผมมักจะรู้สึกว่าเขาไม่ชอบการถูกล่ามเอาไว้  บางทีอิสระภาพคือสิ่งที่เหมาะกับเขามากที่สุดแล้ว”

นิ่งไปพักหนึ่งกัวฉี่จึงพูดต่อ  “แม้พวกเราจะเห็นว่าเขาใส่เสื้อผ้าธรรมดารวมถึงท่าทีสบายๆ ของเขา   แต่ผมกลับคิดว่าเขาต่างหากที่เป็นคนหยิ่งทรนงอย่างถึงที่สุดคนหนึ่ง  เพียงแต่ความหยิ่งทรนงของเขานั้นแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่บ้าง  โดยส่วนใหญ่แล้วความหยิ่งทรนงของคนทั่วไปนั้นล้วนแสดงออกทางสีหน้าท่าทางหรือไม่ก็แฝงไว้อยู่ในใจ  ทว่าของเขานั้นกลับดูเป็นธรรมชาติไร้การปรุงแต่ง  ทั้งไม่เปิดเผยและซ่อนเร้นใดๆ ทั้งสิ้น  บางทีพวกลูกหลานคนรวยเหล่านั้นเมื่อยืนเทียบกับเขาแล้ว...ผมรู้สึกว่าพวกเขาก็เป็นได้แค่ตัวประกอบฉากให้เย่โม่เท่านั้น”

“พี่กัว...พี่ไปขอให้คนเก่งอย่างเขามาช่วยพวกเราได้ยังไง?”  ฟางเว่ยเอ่ยถามอย่างเคารพนับถือเล็กน้อย  ตั้งแต่ที่เย่โม่ช่วยชีวิตเอาไว้เขาก็เคารพเย่โม่และอยากนับถือเป็นอาจารย์มาโดยตลอด

กัวฉี่หัวเราะ  “ฉันก็แค่บอกว่าพวกเราเป็นกองทัพจากจีนเท่านั้นเอง!”

..........

“พี่ใหญ่เย่  รอฉันด้วย”  ฉือหว่านชิงขณะที่เดินตามเย่โม่ก็ร้องเรียกไปด้วย

เย่โม่หยุดเดินแล้วหันกลับมามอง  “เธอตามมาทำไม?  ที่นี่ตอนนี้ค่อนข้างมืด...อีกอย่างวันนี้พระจันท์ก็ไม่ค่อยจะสว่างนัก มันอันตราย   ผมแค่จะไปหาของก็เท่านั้น  ไม่นานก็กลับแล้ว  แผลของเธอเพิ่งจะหาย...รีบกลับไปเถอะ”

“ฉัน...พี่ใหญ่เย่  ฉันคิดว่าพี่คงไม่เข้าร่วมกองทัพกับพวกเราแน่  ดังนั้น...หากพี่ไปส่งฉันถึงที่แล้วพี่ก็คงต้องจากไป  ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่...ฉันอยาก...อยากอยู่กับพี่ให้นานกว่านี้อีกหน่อย”  บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามแบบนี้มาก่อน  ฉือหว่านชิงจึงรู้สึกพึ่งพาสนิทสนมกับชายที่ช่วยเธอไว้ถึง 2 ครั้งอย่างเย่โม่

เย่โม่พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง  เขารู้สึกว่าฉือหว่านชิงจะติดเขาเกินไปหน่อยแล้ว  ซึ่งนี่ดูแล้วจะขัดกับฐานะทหารของเธออยู่บ้าง  บางที...เธอคงจะเข้าร่วมกองทัพอาจจะเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวก็ได้  แต่เรื่องพวกนี้เย่โม่เองก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องถาม

ขณะที่กำลังจะพูดว่า ‘เด็กโง่ คราวหลังผมค่อยไปเยี่ยมเธอก็ได้’ แต่คำพูดนั้นก็ถูกหยุดไว้ด้วยตัวเย่โม่เอง  หลังจากเขาจากไปแล้วจะได้กลับมาหาเธอจริงหรือ?  นั่นมันเป็นไปไม่ได้  เส้นทางของพวกเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  ไม่มีทางมาเกี่ยวข้องกันได้อีก...อย่างนี้แล้วจะเจอกันอีกได้อย่างไร?

คิดถึงตรงนี้เย่โม่ก็ถอนหายใจ  “เอาเถอะ  ตามผมมาก็แล้วกัน”

คิดดูแล้วให้ฉือหว่านชิงตามเขามาก็ดีเหมือนกัน  ถึงยังไงหากเขาจับด้วงเปลือยได้จริงก็คิดจะมอบให้เธออยู่ดี  ทั้งยังต้องทำให้มันเชื่อมสัมพันธ์นายบ่าวกับฉือหว่านชิงอีก

“ขอบคุณมากพี่ใหญ่เย่!”  พูดจบฉือหว่านชิงก็จับแขนเย่โม่ด้วยความยินดี

เย่โม่ส่ายหัว  ฉือหว่านชิงนั้นเป็นผู้หญิงที่ถือได้ว่าไร้เดียงสาคนหนึ่งจริงๆ  การให้เธอมาเป็นทหารทำหน้าเย็นชาทุกๆ วันนั้นเธอคงจะลำบากน่าดู  บางทีชีวิตนักศึกษาน่าจะเหมาะสมกับเธอเสียมากกว่า

“เธอมาเป็นทหารกี่ปีแล้ว  ทำไมไม่เรียนหนังสือ?”  เย่โม่ถามสิ่งที่คิดออกมา

“ตอนที่ฉันเรียนอยู่ปี 2 ปู่ก็บังคับให้ฉันแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบ  พอฉันปฏิเสธไปชายคนนั้นก็มาหาถึงมหาวิทยาลัย  พอเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ...เขากลับเห็นดีเห็นงามด้วยกับปู่  ฉันจึงแอบหนีมาหาลุงเจียงแล้วเข้ามาเป็นทหาร  จากนั้นก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย”  ฉือหว่านชิงพูดเรื่องของตัวเองออกมาด้วยความเศร้าสร้อย

เย่โม่พูดไม่ออกเล็กน้อย  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ยังใช้การแต่งงานเพื่อเพิ่มอำนาจกันอยู่อีก?   ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ...เรื่องแบบนี้ไม่คายจางหายไปจริงๆ

“ถึงยังไงก็คงไม่สามารถเป็นทหารไปทั้งชีวิตหรอกใช่ไหม?  พอเธอกลับไป...ทั้งพ่อและปู่ของเธอก็คงจับเธอคลุมถุงชนอีกอยู่ดี”  เย่โม่พูด

“ฉันไม่อยากกลับไป  แม่มาเยี่ยมที่นี่หลายครั้ง  ทั้งยังช่วยฉันเปิด...”  ฉือหว่านชิงชะงักคำไว้ได้ทัน   เธอเกือบจะหลุดปากออกไปแล้วว่าบริษัทที่อยากให้เย่โม่ไปทำนั้นไม่ใช่ของญาติ  แต่เป็นของเธอเองต่างหาก

ฉือหว่านชิงรีบพูดขึ้น  “พี่ใหญ่เย่  พี่เก่งขนาดนี้...คงมีแฟนอยู่แล้วใช่ไหม?”

เย่โม่ยิ้มบางๆ  “ตอนนี้ผมเป็นคนตกงาน  จะไปหาที่ไหนได้  อย่างผมถือว่าเก่งงั้นหรือ?  แฟน...ผมไม่มีหรอก  แต่มีภรรยาอยู่คนหนึ่ง  ฮ่าฮ่า...”

“หะ!  พี่แต่งงานแล้ว?”  ฉือหว่านชิงใจหายวาบ  ความรู้สึกราวกับสูญเสียของสำคัญนั้นยากจะบรรยายออกมาได้

เย่โม่กลับไม่ได้สนใจความรู้สึกของฉือหว่านชิงมากนัก  เขาอธิบายต่อ  “ภรรยาผมคนนั้นคงจะเหมือนกันกับเธอนั่นแหละ  ไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น...จึงได้มาแต่งงานปลอมๆ กับผม  ก็แค่ช่วยเหลือเท่านั้น  สักวันหนึ่งถ้าเธออยากให้ช่วยเหมือนกันผมก็ยินดี”  พูดจบเขาก็หัวเราะเยาะตัวเอง

“ว่าไงนะ?  พี่ใหญ่เย่…พี่แต่งงานหลอกๆ งั้นหรือ?  ผู้หญิงคนนั้นใช้งานพี่?  มีผู้หญิงสารเลวแบบนี้ด้วยหรือ?”  ฉือหว่านชิงนั้นเมื่อได้ยินก็รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันที  ขนาดผู้ชายดีๆ อย่างพี่ใหญ่เย่ยังหลอกใช้ประโยชน์ได้  คิดแล้วเธอก็พูดต่อ  “พี่ใหญ่เย่  ทำไมพี่ถึงยอมให้เธอใช้งานล่ะ  ผู้หญิงแบบนี้พี่ไม่ต้องไปสนใจก็ดีอยู่แล้ว”

ทำไมถึงปล่อยให้เธอใช้งาน?  แววตาของเย่โม่มืดหม่นลง  เขาคิดถึงอาจารย์ผู้น่าสงสารของเขา...ลั่วอิ่ง  ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง  บางทีอาจเป็นเพราะหนิงชิงเชวี่ยนั้นคล้ายกับลั่วอิ่ง  เขาจึงยอมให้เธอใช้ประโยชน์  ยอมช่วยเหลือเธอแบบนั้น  หรือไม่ก็...ลึกๆ ในใจแล้ว  เขายังคิดอยู่เสมอว่าถ้าวันนั้นตอนที่อาจารย์ลั่วอิ่งกำลังลำบาก...มีคนโผล่มาช่วยเธอแบบที่เขาช่วยหนิงชิงเชวี่ยก็คงจะดี

“ขอโทษ...พี่ใหญ่เย่  ฉันไม่ถามต่อแล้ว”  ฉือหว่านชิงที่เห็นเย่โม่เงียบไป  ก็เข้าใจว่าต้องมีสาเหตุเป็นแน่

“อืม...”  เย่โม่ก้มตัวลงมองเห็ดภูเขาตรงพื้นที่ถูกกินไปจนเหลือแค่โคน

ที่แท้ก็มีหญ้าวิญญาณจริงเสียด้วย  ถึงแม้ ‘เห็ดหน่อไม้’ อันนี้จะไม่ใช่หญ้าวิญญาณก็จริง  แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณอยู่เล็กน้อย  ดูท่าแล้วด้วงเปลือยคงถูกเจ้าสิ่งนี้ดึงดูดมาที่นี่

“มีอะไรหรือ  พี่ใหญ่เย่?”  ฉือหว่านชิงที่เห็นเย่โม่หยุดนิ่งก็รีบถามขึ้น

“อย่าเพิ่งพูด...ผมเห็นมันแล้ว”  จิตสัมผัสของเย่โม่แผ่ไปถึงด้วงเปลือยที่อยู่ห่างไปไม่กี่เมตร  เห็นได้ชัดว่ามันก็เห็นเย่โม่แล้วเช่นกัน  ทว่ามันกลับไม่ขยับเขยื้อน  ดูเหมือนว่ามันคงคิดว่าเย่โม่ไม่เห็นตัวมัน…จึงได้มีท่าทีไร้ความเกรงกลัวแบบนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด