ตอนที่แล้วบทที่ 4.บุรุษในชุดดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6. ลักพาตัว (1)

บทที่ 5. น้องชายต่างมารดา


บทที่ 5. น้องชายต่างมารดา

“พระองค์ไม่ควรเสด็จออกไปตามลำพังเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

“อาลี...ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นแค่องครักษ์ไม่ใช่เจ้าของชีวิตที่จะมีสิทธิ์มาสั่งข้าได้”

ชีคชารีฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านมากกว่าจะไม่พอใจที่องครักษ์หนุ่มแสดงความกังวลออกมา

“ขออภัยแต่กระหม่อมมีหน้าที่ถวายความปลอดภัยให้พระองค์ แต่นี่กระหม่อมกลับไม่รู้ว่าพระองค์เสด็จออกนอกวัน”

“ถ้าขนาดเจ้ายังไม่รู้ คนอื่นก็ไม่รู้เช่นกัน”      ชีคชารีฟหัวเราะในลำคอแล้วเลื่อนแฟ้มเอกสารที่ลงพระนามแล้วออกไปด้านข้าง ทรงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “อย่ากังวัลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยอาลี”

องครักษหนุ่มถอนหายใจหนักๆ “กระหม่อมหวังใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก”

“ข้าไม่รับปาก แต่รับรองว่าไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อน” ทรงยิ้มเจ้าเล่ห์  “ข้อมูลที่ข้าให้เจ้าไปสืบมาล่ะ”

“ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” อาลียื่นแฟ้มเอกสารถวายให้ชีคชารีฟ

ชีคหนุ่มรับแฟ้มเอกสารมาเปิดออกแล้วก็ยิ้มอย่างเพิ่งพอใจ “อายุแค่ยี่สิบสี่ก็ได้ปริญาตรีสองใบแล้วก็ปริญาโทด้านศิลปะจากอังกฤษ  มีคู่หมั้นแต่เพิ่งถอนหมั้นไปเมื่อสองเดือนก่อนเพราะฝ่ายชายต้องรับผิดชอบผู้หญิงอีกคน.... ที่มาที่นี่ก็คงมารักษาแผลใจละสิ แม่หนูน้อย”

“ได้ยินว่าจะมีการจัดงานเปิดตัวโรงแรมไดมอนและมีแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร...”  อาลีเอ่ยเบาๆ “สายของเรารายงานว่าวิชญะจะนำน้ำตาจันทราออกแสดงในครั้งนี้ด้วย”

“บังอาจนัก!”      ชีคชารีฟขว้างแฟ้มเอกสารลงพื้นอย่างแรงด้วยความโมโห “มันกล้าเอาสมบัติล้ำค่าของบัดรีญามาแสดงได้อย่างไร! น้ำตาจันทราไม่ใช่ของเล่นที่จะให้ใครมาใส่อวดโชว์ได้ง่ายๆ”

อาลีผ่อนลมหายใจเบาๆ เขาคิดไว้แล้วว่าถ้าเอ่ยไปต้องทรงโมโหมากขนาดนี้     “ผู้ที่จะแสดงโชว์น้ำตาจันทราคือหลานสาวของวิชญะ”

“มันช่างไม่กลัวว่าจะไร้เงาหัวนัก!”    ชีคชารีพลุกขึ้นยืนแล้วก้มมองรูปติชิลาในแฟ้มที่กางอยู่บนพื้น          “หรือมันอยากจับหลานสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำออกเร่ขาย!”

“เราจะทำประการใดต่อพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าคมเข้มกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียมที่มุมปาก “เราก็ใช้โอกาสนี้นำเพชรน้ำตาจันทรากลับสู่บัลลังก์มุกเคอร์จีของเรา”

“พระองค์จะทำเช่นไร ขนาดเราขอซื้อเท่าไหร่วิชญะก็ไม่ยอมขายและไม่ส่งคืนให้เรา”

“พูดดีๆ แล้วไม่รู้เรื่องก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น...”

“เรื่องนั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”        ชีคชารีฟโบกพระหัตถ์ไปมาเหมือนต้องการตัดบท

“อ่อ! ท่านอาฮาซันมาถึงหรือยัง?”

“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ  กำลังสนทนากับท่านอิคลาศอยู่ที่ห้องนั่งเล่นพะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่ชอบใจที่เห็นอิคลาศสนิทกับท่านอาฮาซันเลย” ชีคชารีฟถอนหายใจหนักๆ “อิคลาศจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมท่านอาและไม่รู้ว่าท่านอาเอาอะไรไปเป่าหูอิคลาศบ้าง”

“ท่านอิคลาศเป็นคนฉลาดคงไม่เป็นเช่นที่พระองค์คิดแน่”     อาลีเอ่ยขึ้น “กระหม่อมจะไปตามท่านฮาซันให้พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง”  ชีคชารีฟยกมือห้าม “ข้าจะเดินไปหาท่านอาเอง”

ชีคชารีฟก้าวพระบาทออกจากห้องทรงงาน  เดินไปตามทางเดินเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมายโดยมีอาลีก้าวตามไปติดๆ

“ข้างนอกวังจะมีโรงแรมใหญ่โตจริงๆ หรือท่านอา”   อิคลาศเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตาอยากรู้ราวกับเด็กสิบขวบทั้งที่ปีนี้ชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปีแล้วก็ตาม

“จริงพ่ะย่ะค่ะ”    ฮาซันตอบ  ชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยหันหน้าไปทางประตู เมื่อเห็นว่าผู้เข้ามาคือกษัตริย์แห่งบัดรีญาก็ลุกขึ้นถวายความเคารพ

“กระหม่อมเห็นเจ้าชายอิคลาศอยู่ลำพังจึงเข้ามาสนทนาเป็นเพื่อนเล่น  ไม่รู้ว่าถึงเวลานัดหมายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร ข้าแค่อยากสอบถามโครงการชลประทานว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”

“ถ้าเป็นเรื่องไม่ต้องเป็นกังวลเลย โครงการคืบหน้าไปกว่า60%แล้ว คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยทันฤดูฝนที่จะมาเยือน”

“หากเป็นเช่นนั้นจริงย่อมส่งผลดีต่อประชาชนบัดรีญาของเรา”           ชีคชารีฟแม้ว่าจะทรงไม่ไว้ใจท่านอาของเขานักแต่ก็ทรงยอมรับความสามารถในการบริหารงานของเขา

“เพื่อประโยชน์ของอัดรีญา ไม่ว่าเหนื่อยยากสาหัสเพียงใด     กระหม่อมก็ยินดีทำ”

“ขอบใจท่านอาฮาซันเป็นอย่างมาก” ชีคชารีฟเอ่ยรับ

“เอ่อ...คนจากโรงแรมไดมอนส่งการ์ดเรียนเชิญพระองค์ไปเป็นประธานงานเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการพ่ะย่ะค่ะ”

“โรงแรมไดมอน” ชีคชารีฟทวนคำแล้วถอนหายใจเบาๆ “เรารู้แล้ว แต่ไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องไป”

“พระองค์ต้องเสด็จไปนะพะย่ะค่ะ ยังไงโรงแรมนี้ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปิดประเทศในเชิงธุรกิจการท่องเที่ยว”

“เอาเถอะ! เราจะไม่ให้เสียงานเสียการอันใด” ชีคชารีฟเอ่ยรับอย่างเสียไม่ได้

“ไปด้วยๆ ให้ข้าไปด้วยนะ ข้าอยากไปเที่ยว” อิคลาศร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นแล้วรีบลุกจากเก้าอี้ไปเขย่าแขนของชีคชารีฟแรงๆ “ให้ข้าไปกับท่านพี่ด้วยนะ ข้าอยากไปเที่ยว!!”

ชีคชารีฟมองน้องชายต่างมารดาด้วยแววตาอาทรก่อนยกพระหัตถ์ลูบศีรษะอิคลาศเบาๆ แม้ว่าเขาจะอายุ 25 ปีแล้ว แต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก10ขวบที่เขาต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

“ที่นั่นมีคนเยอะแยะมากมาย เจ้าไม่ชอบไม่ใช่รึ”

“มีคนเยอะเหรอ”   อิคลาศทวนคำแล้วกรอกตาไปมา “คน...คนพวกนั้น...จะทำร้ายข้าหรือไม่”

“อิคลาศ…จำไว้นะ ไม่มีใครจะทำร้ายเจ้าได้ถ้าพี่คนนี้ยังอยู่”

อิคลาศมองพระพักตร์ของชีคชารีฟ เขานิ่งไปอึดใจก่อนยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงักแรงๆ “ใช่ๆ ข้ามีท่านพี่อยู่ จะต้องกลัวสิ่งใด”

“จำคำของพี่ไว้นะอิคลาศ”

“พ่ะย่ะค่ะ” อิคลาศยิ้มกว้าง “แต่วันนี้ข้าขอออกเล่นนอกวังได้ไหม”

“เจ้าจะไปไหนรึ”  ชีคชารีฟขมวดคิ้ว

“ข้าจะออกไปขี่ม้าเล่น”     อิคลาศพูดด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง “ท่านอาฮาซันบอกว่าที่คอกม้าของท่านอามีลูกม้าเกิดใหม่ ข้าอยากเห็นลูกม้า”

ชีคชารีฟหันไปทางฮาซันเหมือนจะจับผิด แต่อีกฝ่ายรีบชิงพูดขึ้นก่อน

“ใช่แล้ว พ่ะย่ะค่ะ  มีลูกม้าเกิดใหม่ที่บ้าน กระหม่อมอยากให้เจ้าชายอิคลาศไปดู เห็นว่าเจ้าชายสนใจเรื่องม้ามาก หากชอบกระหม่อมก็จะยกให้”

ชีคชารีฟพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเรื่องม้าคงไม่มีใครห้ามอิคลาศได้ เขาเองเป็นคนสนับสนุนให้อิคลาศขี่ม้ามาแต่ไหนแต่ไร เพราะได้ยินว่าม้าช่วยบำบัดเด็กที่มีความผิดปรกติได้

“ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด แต่ต้องกลับก่อนหนึ่งทุ่ม”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

อิคลาศตบมือดีใจแล้วไปดึงแขนฮาซันให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้  แม้กิริยาเป็นเด็กแต่เพราะรูปร่างสูงโปร่งและเรี่ยวแรงเท่ากับชายหนุ่มวัยเดียวกันจึงดึงผู้เป็นอาได้อย่างง่ายดาย  ฮาซันหันมามองชีคชารีฟเหมือนขออนุญาต

“ท่านอาไปเถิดวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ยังไงข้ารบกวนดูแลอิคลาศด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฮาซันถวายความเคารพแล้วพาอิคลาศที่เดินไปกระโดดไปด้วยความดีใจ

“ปล่อยไปแบบนั้นจะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามด้วยความกังวล

“คงไม่มีอะไรหรอก” ชีคชารีฟทรงตอบ “ข้าว่าเราไปเตรียมงานของเราดีกว่า นี่ก็ใกล้จะถึงวันเปิดตัวโรงแรมไดมอนแล้วนี่”

อาลีอ้าปากจะคัดค้านแต่ดูท่าทางแล้วคำพูดของเขาจะไม่เป็นผลจึงได้แต่ก้มศีรษะรับแล้วเดินตามแผ่นหลังของชีคชารีฟไปที่ห้องทรงงาน

ฮาซันพาอิคลาศเดินมาจนถึงรถของตนและเมื่อทั้งคู่ก้าวเข้าไปนั่งในเบาะด้านหลังซึ่งติดติดฟิล์มติดกระจกดำสนิท            ฮาซันกดปุ่มให้กระจกในรถเลื่อนขึ้นเพื่อกั้นเสียงไม่ให้คนขับรถได้ยินการสนทนาของผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลัง

อิคลาศยกมือขึ้นเสยผมแล้วขยี้แรงๆ ก่อนจะปัดให้มันพ้นตา แววตาที่ไร้เดียงสาเมื่อครู่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ข้าไม่ยักรู้ว่าที่คอกม้าของข้ามีลูกม้าด้วย”

“ถ้าข้าอยากให้มี มันก็ต้องมี” อิคลาศขยับคอเสื้อออกแล้วปลดกระดุมเสื้อออก

“ก็ได้ๆ ท่านชายอิคลาศอยากได้อะไรมีหรือข้าจะกล้าขัดใจ”  ฮาซันหัวเราะในลำคอ “วันนี้จะไปที่ไหนดี แต่รถฟักทองของข้าต้องพาท่านชายมาส่งก่อนหนึ่งทุ่ม”

“ซินเดอเรลล่ายังมีเวลาเต้นรำมากกว่าข้าอีกหรือนี่”  น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยปนหัวเราะ  ไม่มีน้ำเสียงขาดๆ กลัวๆ แบบเด็กสิบขวบอีกแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นท่านชายก็ควรเลิกทำตัวเป็นเด็กสิบขวบเสียที” ฮาซันหัวเราะ “ไม่เสียดายวัยหนุ่มเลยรึ”

“มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า”

อิคลาศยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ความลับที่ซุกซ่อนเบื้องหลังฉากเด็กชายวัย 10 ขวบที่อยู่ในร่างชายหนุ่มวัย 25 ปี  ความลับอันดำมืดที่แม้แต่ชีคชารีฟก็ไม่เคยล่วงรู้

“ช่างเถอะ! แล้วเจ้าชายจะไปดูลูกม้าที่คอกไหนล่ะ”

อิคลาศหัวเราะในลำคอ “ได้ยินว่าเชฟที่โรงแรมไดมอนทำอาหารทะเลได้เลิศรสมาก ข้าอยากลองชิ้มว่ามันจะสมกับที่ได้ยินมาหรือไม่”

“อยู่แต่ในวังยังได้ยินเรื่องราวนอกวังด้วย”

“ก็แค่เปิดหูเปิดตาให้กว้างเท่านั้นเอง” อิคลาศไหวไหล่น้อยๆ “แต่ก่อนอื่นข้าอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อย ไอ้ชุดเด็กปัญญาอ่อนนี่มันบั่นทอนความหล่อเหลาของข้า”

“ถ้าเป็นความต้องการของเจ้าชายอิคลาศย่อมได้เสมอ”

“แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าต้องการครอบครองบัดรีญาเล่า ท่านอาฮาซันจะว่าอย่างไร?”

ฮาซันเลิกคิ้วแล้วแหงนหน้าหัวเราะ “นั่นเป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาจะเห็นที่สุด คือได้ฟื้นฟูราชวงศ์อัลเทเนียของเรา”

สีหน้าของอิคลาสเต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย

“ใช่! ราชวงศ์อัลเทเนียของเราต่างหากได้ครอบครองบัดรีญา! คนที่ไม่สามารถรักษาแม้กระทั้งน้ำตาจันทราไว้ได้ ไม่สมควรจะรักษาแผ่นดินนี้ได้เช่นกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด