ตอนที่ 12 อดีตที่ผ่านมา (ฟรี)
เมื่อได้ยินคำพูดของซันหนี่ จางจิงก็ผ่อนคลายในทันที เธอยักไหล่พร้อมกับพูดว่า “นั่นมันเรื่องของพวกระดับสูงๆ ไม่น่าเป็นเรื่องที่เราควรกังวล รึว่าเราควร??”
หยินหยาง ผงกศีรษะ ไร้ซึ่งคำพูดใดใด
ซันหนี่มองไปยังเรือยร่างอันไร้สติของเฉียนยี่ “มันเป็นสิ่งที่เราควรกังวล เเต่ทว่าไม่มากนัก เราใช่ควรจะมากังวลว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงเป็นผู้รอดชีวิตมาได้ สิ่งที่เราควรจะกังวลเป็นพิเศษนั่นก็คือ เราจะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ สิ่งที่เราจะทำได้นั่นคือให้การฝึกอบรมตามกฎระเบียบแก่เขา หากจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ค่ายของพวกเราจะกังวล…”
ความเงียบสงัดในบทสนทนาชั่วครู่ ซันหนี่กล่าวต่อ “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเเต่ เราจะปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นกับเราไม่รู้สิ่งใด ไม่ว่าใครจะเป็นฝีมือของใครก็ตามเเต่ มันก็ไม่ใช่ปัญหาของค่ายฝึกเรา ทว่ามันผู้ใดจะพยามจะทำให้เกิดปัญหา พวกเราเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว ไม่มีอะไรที่เราจะต้องกังวลกับสิ่งๆหรอก นี่คือสิ่งที่หัวหน้าประสงค์”
ในขณะนั้นสีหน้าที่ของฉางจิงเปลี่ยนเป็นช็อคทันที เเละถามกลับว่า “หัวหน้าจะกลับมางั้นรึ?”
ซันหนี่ไม่ตอบ แต่พยักหน้าเล็กน้อย
อาจารย์ผู้สอนทุกท่านที่อยู่ในเหตุการ์ต่างมีสีหนาที่ตื่นเต้น กระทั่งหลงไฮเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาราวกับเด็กน้อย
ผู้อำนวยการซันเดินรอบๆเฉียนยี่ที่นอนอย่างไร้สติ เเละกล่าว “ช่วยดูเเลเขาหน่อยละกัน ตอนนี้น่าจะดีขึ้นเเล้วหล่ะ เเท้ที่จริงเขาน่าจะไม่รอดชีวิตเเล้ว เเต่ก็ด้วยเพราะโชคเข้าข้าง ด้วยการเปิดพลังออร่ามันค่อนข้างจะซับซ้อน ข้าสำรวจดูร่างกายเด็กคนนี้เเล้วว่าการฝึกอาจจะต้องมีการเปลี่ยนยนเเปลงเล็กน้อย หากเขาได้สติเเล้วก็ให้คำตอบเขาไปเเบบนี้เเล้วกัน!”
“รับทราบ!!!”
ซันหนี่ หยักศรีษะของเขาเล็กน้อย เเละออกจากเดินออกไป
อาจารย์ผู้สอนทุกคนต่างชำเลืองตากันเล็กน้อย เเละมองไปที่เฉียนยี่
ฉางจิงมองไปยังเฉียนยี่ ความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยความสงสาร เด็กคนนี้นั้นมีความสามารถเเละมีพลังพิเศษในตัว พลังเเละพรสวรรค์ที่อยู่ในตัวเขานั้นถูกตกเป็นเป้าของกลุ่มพวกขโมยต้นกำเนิดเเห่งพลัง
มันช่างน่าสงสารเหลือเกิน เเต่ทว่ามันก็สายไปเเล้ว เเม้เเต่คนที่พรสวรรค์เป็นอย่างมากยังกลายเป็นคนธรรมดาได้หลังจากการถูกขโมยพลังไป
เฉียนยี่ตื่นขึ้นมา เขาเห็นสิ่งรอบๆที่คุ้นเคย เเละพบว่าตัวเขาเองนั้นนอนอยู่บนเเท่นโลหะสำหรับการศึกษาโครงสร้างในชั้นเรียนชีววิทยา เขารู้สึกที่จังหวะหัวใจที่เต้นเเรงมาก เขารู้ทันทีว่าไมสามาถที่จะลงจากเเท่นโลหะนี่ไปได้ด้วยคงามรวดเร็ว เกรงว่าจะล้มลงไปกองกับพื้น
ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงเเสบร้อนที่หน้าอก เเละความเจ็บปวดที่ร้าวราน
“ได้สติเเล้วงั้นหรือ? ลงมาด้วยตัวของเจ้าเอง!”
เมื่อหันไป เขาเห็นฉางจิงที่กำลังเขียนบางสิ่งอยู่บนโต๊ะทำงาน เรือนร่างของเธอนั้นมีสัดส่วนโค้งเว้าที่สวยงาม
หลังจากขยับนิ้วของเขา เฉียนยี่แทบจะไม่ลุกขึ้นนั่งแล้วลุกออกจากเวทีทันทีที่เท้าของเขาตกลงบนพื้นอย่างไรก็ตามร่างของเขาก็อ่อนลงเมื่อเขาล้มลงกับพื้น
เสียงพูดเเทรกซ้อนขึ้นมาด้วยความตกใจของฉางจิง "ข้าลืมไปว่าเจ้ายังมียาสลบอยู่ในร่างกายของเจ้าอยู่"
ฉางจิงช่วยพยุงเฉียนยี่มานั่งยังเก้าอี้ ก่อนที่จะยื่นกระดาษเเผ่นนึงให้เขา “ทำความเข้าใจเเละจำกับทั้งหมดในกระดาษนี้ให้หมด อะไรที่เจ้าสงสัยให้ถามข้า เเละไอ้กระดาษเเผ่นนี่ไม่อนุญาติให้นำออกจากห้องนะ”
ความเมตตาอย่างที่ไม่คาดคิดของฉางจิงทำเอาเฉียนยี่ทำตัวไม่ถูก ช่างต่างกับฉางจิงคนที่ดุร้ายเเม้กระทั่งหลงไฮเองยังมิอาจเข้าใกล้
สูตรต่างๆที่เขียนลงบนกระดาษ พอได้อ่านเเล้วเฉียนยี่รู้ทันทีว่านั่นคือสิ่งใด นั่นคือการวิธีฝึกของพลังที่เปลี่ยนเเปลงเเก้ไขเเห่งจุดพลังออร่า
“จากนี้เป็นต้นไปให้ใช้วิธีนี้ในการบ่มเพาะ เพื่อการจุดพลังเเห่งมหาสมุทรอออร่า ยังไงก็ตามเเต่การฝึกย่อมมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง เเต่หากสิ่งไหนที่มันทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ มาหาข้าได้ที่ยังห้องนั่งเล่น ข้าจะบอกเจ้าหน้าที่ไว้ว่าให้อนุญาติหากเจ้าจะมา”
ฉางจิงออกจากห้องไป เพื่อให้เฉียนยี่ได้ท่องจำสูตรการฝึกต่างๆ
เฉียนยี่ท่องจำทุกสิ่งได้อย่างขึ้นใจภายในครึ่งชั่วโมง เขาฉีกกระดาษออกเป็นชิ้นๆตามที่ฉางจิงบอกเเละวางมันลงบนโต๊ะ
เฉียนยี่เดินผ่านป่า เหลือบมองขึ้นไปเห็น ซองซินหนิง
เฉียนยี่ชายตามองตามซองซินหนิงที่เหม่อมอง มีเพียงท้องงฟ้าว่างเปล่าเท่านั้น
“เจ้ามองอะไรอยู่งั้นหรือ?” เฉียนยี่ถามด้วยความสงสัย
“วิธีที่ดีเเละอนาต” ซองซินหนิงตอบอย่างประหลาดใจ
เฉียนยี่รู้ถึงความหมายของ อนาคต ที่เขากล่าว เเต่ทว่า วิธีที่ดีนั่นคืออะไรกัน
“เจ้าเป็นอะไรหรือมากเปล่า” ซองซินหนิงไม่เเม้เเต่จะตอบคำถาม เเต่ถามกลับขึ้นทันใด
เฉียนยี่ไม่ช้าที่จะตอบกลับไป “ท่านอาจารย์กล่าวว่ามีบางสิ่งที่ผิดเเปลกไปจากวิธีการฝึกฝนของข้า อาจจะมีการปรับเปลียนการฝึกไปบ้าง”
ซองซินหนิงถามกลับด้วยความกังวลใจ “ท่านอาจารย์คนไหนหรือ?”
“ฉางจิง”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก!” การแสดงออกของซงซินนิ่งผ่อนคลาย " เจ้าไม่ต้องกังวลทุกคนมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน และการใช้วิธีการบ่มเพาะพลังที่เฉพาะเจาะจงอาจไม่เหมาะกับบางคน วิธีการจะถูกปรับตามธรรมชาติหากเกิดปัญหาขึ้น ฉางจิงน่ะไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เเต่ถ้าเขายืนกรานจะสอนเเล้วนั่นก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับเจ้า เเต่ก็ ... "
เมื่อเห็นว่าซ่งซีหนิงต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เฉยนยี่ไม่ช้ารีบถามไปว่า “เเต่ก็อะไรงั้นเหรอ?”
ซองซินหนิงไม่ตอบเขาแค่ดู ก่อนจะพูดว่า "เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองหน่า ฮี่ ฮี่!"
เขาหัวเราะค่อนข้างแปลกก่อนออกเดินทางโดยไม่สนใจเฉียนยี่
เมื่อมองดูการเดินจากไปของซองซินหนิง เฉียนยี่รู้นใจทันทีว่าเขาคงไม่ได้เเค่มานอนบนต้นไม่ดูดาวดูนกเป็นเเน่ ทว่ามีบางสิ่งที่เฉียนยี่นั้นควรจะกังวล
แม้จะสามารถรักษาตำแหน่งสูงสุดไว้ได้ไม่กี่เดือนหลังที่ผ่านมา เเต่ทว่าไม่ได้เลือดซูหยานจากเขานั้นทุกสิ่งอย่างน่าจะยากกว่านี้
ด้วยเหตุนี้ เขาที่มีภาพซองซองซินหนิงอยู่ลึกๆในใจ
บางสิ่งนั้นดีกว่าที่จะไม่พูดออกมา เเต่สามารถเข้าใจได้โดยธรรมชาติ
นี่เป็นครั้งเเรกในหลายๆเดือนที่เขาทั้งสองมีบทสนทนากัน เขาไม่เคยได้ยินซองซินหนิงพูดสิ่งต่างๆออกมามากนัก เเต่ทว่าซองซินหนิงนั้นก็ไม่ได้ธรรมดาตั้งเเต่ต้นอยู่เเล้ว
เมื่อดูเวลาเเล้วเขามีเวลาเพียงสิบนาทีในการเริ่มบทเรียนใหม่ เฉียนยี่ไม่ช้าเร่งฝีเท้าไปยังหุบเขาข้างหน้า
กลิ่นหอมของเลือดซูหยานนั้นอยู่รอบๆตัวของเขา เฉียนยี่ค่อยๆนั่งสมาธิ เเละกนดจิตไปยังการบ่มเพาะพลัง จากวิธีใหม่ที่ฉางจิงเเนะมา เขาจะต้องค่อบๆขยับกระเเสพลังไปยัง จุดเเห่งพลังมหาสมุทรอย่างช้าๆ
เมื่อใดก็ตามที่กระแสพลังเริ่มไหลเข้าสู่บริเวณที่มีแผล มันก็เหมือนกับว่าพวกเขาเข้าสู่ถนนที่ทำจากโคลน - การเคลื่อนไหวทุกอย่างยากลำบาก และลำบากการเคลื่อนไหวของพลังต้นกำเนิดในพื้นที่ที่แผลของเขาเป็นเหมือนเหล็ก มันปัดมายังความเจ็บปวดที่รุนแรงเกือบทำให้ เฉียนยี่เเผ่วลงอีกครั้ง
สูตรที่ได้รับการแก้ไขใหม่ช่วยลดความเจ็บปวดที่ ทั้งยังทำให้เขามีสติ
ความร้าวราน แทรกซึมกระดูกของเฉียนยี่ ในขณะที่เขากัดฟันและทนความเจ็บปวดโดยไม่ส่งเสียงเขาสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าความเจ็บปวเอย่างสาหัสนี้ เเท้ที่จริงนั่นมาจากเเผลของเขาเอง การเคลื่อนไหวไปยังจุดกำเนิดพลังงานนั้นค่อยๆช้าลง ทั้งยังลงเเรงพลังทั้งหมดที่เขามี เขาทำได้เพียงสะสมพลังที่มีเพื่อเข้าโจมตี
เเต่กระนั้นก็เถอะ มันคงจะไม่เจ็บปวดมากไปกว่านี้หรอก
ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปจะทนทานได้ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเฉียนยี่ทำเอาเฉียนยี่หมดพลังลง
การฝึกในรูปเเบบนี้ยังช่วยให้พลังเเห่งต้นกำเนิดในตัวนั้นเพิ่มมากขึ้นด้วย มันค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆ ทว่าในใจของเฉียนยี่ก้าวสู่ความมืด เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนฝากรอยเเผลนี้ไว้ รู้เเต่เพียงว่า มันมีผลกับโชคชะตาอันโหดร้ายนี้เป็นเเน่
เด็กทุกคนในค่าย ต่างได้รับเวลาว่างในช่วงกลางคืน เพื่อนที่จะฝึกหรือเรียนอะไรเพิ่มเติม นั่นก็เพื่อการพัฒนาทักษะต่างๆ
เฉียนยี่เลือกที่จะไปหาฉางจิง สถานที่ที่ฉางจิงอยู่นั้นต่างจากค่ายฝึกมาก ทั้งหมดเต็มไปด้วยหินสีเขียวเเละทอง ลานทั้งหมดมีลักษณะย้อยยุค เป็นอาคารหลักสองชั้นที่มีรูปเเบบที่งดงาม
มองไปรอบๆเเล้วนั้น สามารถบอกได้เลยว่าฉางจิงต่างจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง ที่พักของอาจารย์ท่านอื่นเป็นลักษณะเพียงกล่องเหล็ก
เมื่อเฉียนยี่ยกมือขึ้นเคาะแหวนสิงโตทองแดงเบา ๆ บนประตู เสียงของจางจิงพูดขึ้น“เข้ามาได้ ประตูไม่ล็อค”
เดินผ่านลานภายในและเข้าไปในบ้าน เฉียนยี่เดินหลีกเลี่ยงทุกสิ่งอย่างระมัดระวัง
จางจิงไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นแทนเธออยู่ในห้องนอน เสียงน้ำไหล เธอกำลังอาบน้ำ
เขาได้เรียนรู้ถึงความอดทนและการเชื่อฟังในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก่อนที่เขาจะได้รับคำสั่ง เเละการยืนรอนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจใดใดเเม้เเต่น้อย
หลังจากนั้นครู่หนึ่งจางจิงก็เดินออกจากห้องโดยมีเสื้อคลุมอาบน้ำคลุมตัวเธออยู่ เฉียนยี่เลือกที่จะเบี่ยงสายตาไปยังโซฟา
เสื้อคลุมอาบน้ำของเธอดูเหมือนจะค่อนข้างเล็กเเละยังสั้น - สั้นเกินไปที่จะครอบคลุมขาที่ยาวมากของเธอด้วย
ขาที่ขาวราวกับหิมะสีขาว หน้าอกอันกว้างขวางของเธอซึ่งถูกคลุมด้วยเสื้อคลุม ราวกับมันจะระเบิดออกมา
ในสายตาของเฉียนยี่ขายาวคู่นั้นดึงดูดใจเขามาก การเคลื่อนไหวไปมาราวกับเปลวไฟ
เด็กๆที่โตมาในช่วงสงครามนั้น มีการเติบโตที่เร็วมาก ก่อนที่จักรวรรดิจะก่อสร้าง เหล่ามนุษย์ต้องมีกองกำลังทหารเพื่อทำสงคราม นั้นจึงเป็นเหตุในการลดอายุของการเเต่งงาน ทว่าอายุสิบสี่ สิบห้าปีก็สามารถสร้างครอบครัวได้
สิบขวบของเฉียนยี่นั้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเด็กอีกต่อไป ทว่าเขายังพัฒนาการฝึกเเบบใหม่ที่มุ่งเน้นในการเจริญเติบโต นั่นมีบทบาทอย่างมากในการเติบโตทางร่างกายอย่างมาก
ฉางจิงเองคงไม่ได้ทันระวังว่าเฉียนยี่นั้นไม่ได้เด็กอีกต่อไป เธอเคลื่อนไหวร่างกายราวกับเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ราวกับมีดวงดาวอยู่รอบๆเขา เขารู้สึกวิงเวียน งงงวยว่าโลกนี้เปลี่ยนไปเเล้วหรือ
“เจ้าเด็กเฉียนยี่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ?” ฉางจิงถามด้วยเสียงขี้เกียจเล็กน้อย
เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เข้ามาใกล้ๆ”
-------